SHARE

คัดลอกแล้ว

เป็นเรื่องที่น่าหนักใจหลัง Moody’s คือ 1 ใน 3 ของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน (credit rating) ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้ปรับแนวโน้ม (Outlook) ของไทยจาก ‘Stable’ เป็น ‘Negative’

ถือเป็นการปรับลดมุมมองครั้งแรกในรอบ 17 ปี นับตั้งแต่ปี 2551  แล้ว Moody’s กังวลเรื่องอะไรบ้างจนเป็นเหตุให้ต้องปรับแนวโน้มเป็น Negative มาจาก 3 เรื่องด้วยกัน

เรื่องแรกที่ Moody’s ที่กังวลที่สุดคือหนี้สาธารณะของไทยที่อาจสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากนโยบายที่เพิ่มภาระงบประมาณ เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ต

เรื่องต่อมาคือความสามารถในการจัดเก็บรายได้ของรัฐไม่เพียงพอ เพราะรายได้ของรัฐบาลไทยยังไม่ฟื้นกลับสู่ระดับก่อนโควิด ทำให้แนวโน้มการเก็บรายได้ระยะยาวก็ยังน่าเป็นห่วง

เรื่องที่สุดท้ายปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจ เช่น สังคมสูงวัย แรงงานทักษะต่ำ และการเติบโตของผลิตภาพที่ชะลอตัว ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตช้าลง

แล้วสิ่งที่ไทยควรทำต่อจากนี้คืออะไร เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนทางเศรษฐกิจที่หากไม่รีบแก้หลายอย่างอาจจะแย่กว่าเดิมก็ได้

ด้าน ‘ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล’ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การปรับลดเป็น Negative ไม่จำเป็นต้องนำไปสู่การลด Rating เสมอไป แค่เป็นการเตือนว่า “จับตามองแล้วนะว่ามีความเสี่ยง”

ในรอบนี้ Moody’s บอกว่า Outlook เปลี่ยนได้ถ้าไทยสามารถขยายตัวได้สูงกว่าที่เขาคาดไว้ในใจอย่างต่อเนื่อง ที่จะช่วยให้สถานะการคลังไทยดีขึ้น

หมายความว่า ถ้าเราขาดดุลการคลังได้น้อยลง และเป็นหนี้ภาครัฐต่อ GDP ลดลง จากเศรษฐกิจที่โตต่อเนื่อง เขาก็จะกลับไปที่ Stable ได้ แต่ถ้าเศรษฐกิจไทยอ่อนแอไปมากกว่านี้ หนี้เพิ่มสูงขึ้น ก็อาจจะตามมาด้วยการลด Rating ในอนาคต

‘ดร.กอบศักดิ์’ ให้คำแนะนำว่าหน้าที่ของไทยก็คือ เร่งแก้ไข ปรับปรุงตนเอง ซึ่งต้องทำ 3 เรื่อง

1.ไม่ทำในสิ่งที่เขากังวลใจ

2. เตรียมการให้เศรษฐกิจไทยผ่านมรสุมจาก President Trump ไปได้ พยายามลดผลกระทบที่เกิดขึ้น

3.มุ่งสร้างอนาคตที่แท้จริง เพราะสิ่งที่ Moody’s อยากเห็นจริงๆ คือ ศักยภาพในการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องที่ 3-4%  เป็นอย่างน้อย

ส่วน ‘ประกิต สิริวัฒนเกตุ’ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ให้ความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าถ้าเราไม่สามารถแก้ปัญหาที่เค้ากังวลใจได้การถูกปรับลดอันดับเครดิตก็มีแนวโน้มที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในการจัดอันดับครั้งหน้าแต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่

ซึ่งถ้าหากมีการปรับลดอันดับเครดิตของไทยลงจะกลายเป็นปัญหาที่ใหญ่มากๆ เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือเงินบาทจะอ่อนค่าลงรุนแรง บอนด์ยีลด์จะพุ่งสูงขึ้นและเกิดสถานการณ์ที่วุ่นวายหลายอย่างตามมา

โดยความกังวลมาจากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและสถานะทางการคลังของไทยหลังจากที่มีนโยบายเก็บภาษีการค้าของทางสหรัฐฯ ซึ่งแน่นอนว่าไทยต้องได้รับผลกระทบอย่างหนักเพราะไทยพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก

ดังนั้น ประเทศไทยที่มีความอ่อนแออยู่แล้วมาตั้งแต่ช่วงโควิด การเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า สถานะทางการคลังค่อนข้างแย่ แล้วยังต้องมาเจอเรื่องของการขึ้นภาษีแบบนี้อีก

แต่จุดสำคัญที่สุดของเรื่องนี้คือ สถานะทางการคลัง ซึ่งปัจจุบันไทยขาดดุลงบประมาณอย่างมหาศาล ยกตัวอย่างเช่นงบประมาณปี 2568 ตั้งงบไว้ 3.75 ล้านล้านบาท แต่ไม่พอ เพราะรัฐบาลยังมีการออกพระราชบัญญัติขอกู้เงินเพิ่มเติมอีก นั่นก็หมายความว่างบประมาณที่ตั้งไว้ไม่เพียงพอ

ซึ่งพอสถานการณ์เป็นแบบนี้ในงบประมาณปีถัดไปเบิกมาใช้ก็ไม่พอก็ต้องเบิกเพิ่มกู้เพิ่มไปเรื่อยๆ เเละมันเป็นแบบนี้มาตลอดทุกปี ทำให้ตอนนี้หนี้สาธารณะต่อ GDP ของไทยอยู่ที่ประมาณ 11 ล้านล้านบาท หรือ 64% ต่อ GDP

และในอนาคตมีโอกาสที่หนี้สาธารณะต่อ GDP จะพุ่งขึ้นเป็น 70% หากยังมีการขาดดุลงบประมาณอยู่แบบนี้ต่อไป  และเมื่อถึง 70% ก็อาจจะมีการขอขยายเพดานหนี้เพิ่มขึ้นไปอีกและกู้เพิ่มขึ้นอีกก็จะเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีกไม่มีที่สิ้นสุดแต่ถามว่าเศรษฐกิจพัฒนาขึ้นไหมก็ไม่ต่างจากเดิม

‘ประกิต’ ให้คำแนะนำว่า รัฐบาลควรแก้ในจุดนี้อย่างเร่งด่วนเข้าใจว่าจำเป็นต้องใช้เงินในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ก็ควรที่จะมีมุมในการประหยัดงบประมาณบ้าง เพื่อไม่ให้การขาดดุลมันเพิ่มขึ้น

ซึ่งความจริงสถานการณ์ตอนนี้ก็แย่มากแล้วแต่บางทีเราก็ยังไม่รู้ตัว ดังนั้นตอนนี้เราต้องกระทุ้งตัวเอง ต้องไม่อยู่เฉยกันแล้วต้องรีบแก้ไขปัญหาให้ได้

อย่างไรก็ตาม การปรับมุมมองของทาง Moody’s อาจเป็นจุดสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพาเศรษฐกิจไทยไปยังจุดที่ขึ้นได้ เพราะถ้าหากเราทำไม่ได้อนาคตการปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นและสิ่งที่ตามมามันคงไม่ดีเลย

ส่วนอีก 2 เจ้าใหญ่ที่เหลือคือ S&P และ Fitch Ratings การประกาศของ Moody’s จะเป็นการกระตุ้นให้อีกสองเจ้าต้องเริ่มกลับมาดูข้อมูลโดยละเอียดอีกรอบ และทบทวนว่าจะปรับเปลี่ยนมุมมองของไทยตามหรือไม่ เราคงต้องรอติดตาม

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า