เข้าสู่ยุคหมอลำไอดอล สืบสาน สร้างคน สร้างงาน บทสัมภาษณ์ ‘เฮียหน่อย อีสานนครศิลป์’   

หน่อย สุชาติ อินทร์พรหม หนึ่งในผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร คณะหมอลำอีสานนครศิลป์ คณะหมอลำรุ่นใหม่ไฟแรงของวงการหมอลำ ที่หวังอยากจะสืบสานวัฒนธรรมหมอลำของอีสานให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และปรับตัวให้เข้ากับกระแสปัจจุบัน พร้อมทั้งเป็นหม้อข้าวหม้อแกง สร้างงาน สร้างอาชีพที่เป็นความภูมิใจกับคนรุ่นใหม่ที่มีใจรักหมอลำ ล่าสุด หน่อย สุชาติ ยังได้สืบต่ออุดมการณ์ด้วยการร่วมมือกับเวิร์คพอยท์ เปิดตัวรายการที่เฟ้นหาหมอลำรุ่นใหม่ ในชื่อ หมอลำไอดอล

TODAY PLAY พูดคุยกับ หน่อย สุชาติ อินทร์พรหม หรือเป็นที่รู้จักในชื่อ เฮียหน่อย แห่งวงอีสานนครศิลป์

คนกรุงฯ ที่หลงรักในวัฒนธรรมอีสาน จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการหมอลำ

หน่อย สุชาติ ประกอบธุรกิจการ์เม้นท์เป็นอาชีพหลัก อะไรที่ทำให้คนกรุงเทพอย่างเขา ตกหลุมรักวัฒนธรรมอีสาน จนถึงขั้นเปิดคณะหมอลำเพื่อที่อยากจะสืบสานต่อยอด

“ผมทำการ์เม้นท์อยู่กรุงเทพฯ ครับ ไม่เกี่ยวได้กับหมอลำเลย แต่ผมเป็นคนที่ฟังเพลงทุกแนว ลูกทุ่ง หมอลำ ก็เป็นหนึ่งในนั้น และต้องย้อนไปสองปีที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปบริหารวงหมอลำเสียงอีสานกับคุณแม่นกน้อย อุไรพร จึงเป็นจุดที่ทำให้เราหลงใหลในวัฒนธรรมอีสาน พอเราไปคลุกคลีแล้ว ก็ทำให้รู้ว่า หมอลำเป็นอะไรได้มากกว่านั้น มันเป็นความสนุก ความสุข แล้วก็สืบสานด้วย สุดท้ายเลยคือ สร้างคน สร้างงาน อันนี้สำคัญมาก จุดที่ทำให้ผมมั่นใจว่ามันสืบสานต่อไปได้แน่ ๆ เลยคือ น้อง ๆ รุ่นใหม่ หลายคน อายุ 10 กว่า 20 ต้น ๆ เขาฟังเพลงหมอลำ เขารักหมอลำ บางคนเรียกได้กว่ากรีดเลือดมาก็คือหมอลำเลย นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าต้องไปต่อ พอไปคลุกคลีกับวงเสียงอีสาน ได้ไปเห็นในหลาย ๆ สถานที่ ยิ่งตอกย้ำให้กับเราว่า เราสามารถมาทำประโยชน์ต่อยอดเพื่อที่จะให้มันสืบสาน แล้วก็สร้างคนสร้างงานได้จริง ๆ”

หมอลำ อาชีพที่สร้างคน สร้างอาชีพ ความสุขที่มากกว่าเม็ดเงิน

     คนอีสานจำนวนไม่น้อย ที่ได้พาตัวเองเข้ามาหางานทำในเมืองหลวง และการเข้ามาทำงานอยู่ในคณะหมอลำเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่อาจจะไม่ต้องจากบ้านไกลนัก ทั้งแดนเซอร์ นักร้อง นักดนตรี รวมไปถึงเบื้องหลังเวที ไฟแสง สี เสียง หากเป็นคณะหมอลำใหญ่ ๆ ยังกระจายอาชีพไปถึงคนทำชุด ครูสอนร้อง สอนลำ โคโรกราฟเฟอร์ ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรคนหลายส่วนจำนวนมาก จากคำบอกเล่าของ เฮียหน่อย สมาชิกหลายคนในวงเข้ามา เพราะขาดโอกาสในการเรียนต่อด้วยฐานะทางบ้าน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนมุ่งเป้าอยากเข้ามาเป็นหมอลำจริง ๆ ด้วยความฝัน ดังนั้นทุกวันนี้อาชีพที่อยู่ในคณะหมอลำ ไม่ใช่อาชีพของคนที่ไม่มีทางเลือก แต่เป็นทางเลือกหนึ่งที่พวกเขาเลือกเดินอย่างภูมิใจ และสร้างรายได้หาเลี้ยงครอบครัวได้ไม่ต่างจากอาชีพอื่น ๆ

“พอไปอยู่วงหมอลำ ต้องมีอย่างน้อย 200 ชีวิต ถ้าเป็นวงใหญ่ และ 200 ชีวิตนี้ ถ้าหมอลำยังคงดำเนินต่อไปได้ เท่ากับ 200 ชีวิตนี้มีงานที่มั่นคง สิ่งที่ทำอยู่อาจจะไม่ใช่ธุรกิจหลัก มันเป็นความสุขของผมมากกว่า ผมไปทำแล้วมันมีความสุข ที่ไม่ใช่เม็ดเงิน เพราะธุรกิจหลักของเรามันอยู่ตัวอยู่แล้ว ถ้าทำเพื่อตัวเองคือ ทำเพื่อความสุข แต่ลึก ๆ จริง ๆ แล้ว คนที่เป็นคนอีสาน บางคนเขาอยากหาอาชีพที่อยู่ใกล้บ้านเขา การเป็นหมอลำก็เป็นคำตอบหนึ่ง บางคนลูกหลานก็ไม่ได้อยากทำนา ทำไร่ ก็มาเป็นแดนเซอร์ มาเป็นคอนวอย มาเป็นศิลปิน มันก็สร้างงาน สร้างคน เขาก็สามารถเลี้ยงครอบครัวเขาได้ มีงานทำเป็นหลักเป็นแหล่งได้ ”

หมอลำ ตัวแทนของความคิดถึงบ้าน

คนอีสานอยู่ที่ไหน หมอลำอยู่ที่นั่น คำนี้ไม่เกินจริง ในช่วงฤดูกาลทัวร์ของหมอลำ ไปจัดแสดงในสถานที่ต่าง ๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ทำให้พวกเขาได้เยียวยาใจ มาเจอคนบ้านเดียวกัน สนุกไปด้วยกัน หวนคิดถึงภาพบรรยากาศที่อยู่ต่างจังหวัด คล้ายกับการได้กลับบ้านในชั่วขณะ

“ในนิยามของผม หมอลำมันคือตัวแทนความคิดถึงบ้าน ของคนอีสานที่ไกลบ้าน ไม่ว่าจะมาอยู่กรุงเทพฯ หรือไปอยู่ต่างประเทศ ตอนที่เราทำ แฟนคลับที่อยู่กรุงเทพ ฯ เขาก็จะบอกว่า เฮียทำให้หนู ทำให้ผม คิดถึงตอนที่อยู่กับยาย อยู่กับแม่กับพ่อ อย่าหยุดนะทำต่อนะ เขาบอกว่าอย่างน้อยมันก็ทำให้เขาได้คิดถึงบ้าน ผมประทับใจคือคนที่อยู่ต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน หรือคนที่ไปเรียน ไปทำงานที่เมืองนอก ตอนที่เราไลฟ์เขาจะบอกเลยว่า ขอบคุณนะคะที่ทำให้เขาหายคิดถึงบ้าน นิยามของหมอลำของผมมันก็เลยคือคำนี้เลย ตัวแทนของความคิดถึงบ้าน”

หมอลำไม่เคยตกยุค เพราะการปรับตัวอยู่ตลอดเวลาให้เข้ากับปัจจุบัน และมีฐานแฟนคลับเป็นคนทุกวัย

“ผมเองพึ่งเข้ามาสัก 2 ปีกว่า ผมก็รื้อไปถึงอดีตหมอลำที่ทำมา รู้เลยว่าทำไมหมอลำถึงอยู่มาได้ หมอลำมีการปรับตัวตลอดครับ อย่างเช่นผมฟังมาจากแม่ชวาลา กับพ่อบุญถือ เจ้าของวงรัตนศิลป์ เขาก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนหมอลำก็ลำด้วยชุดที่เป็นผ้าพื้นเมือง ผ้าซิ่นที่คนอีสานใส่ กับเวทีเล็ก ๆ ไม่มีชุดเพชรแวววาวเหมือนทุกวันนี้ แต่พอโคราชมีลิเก พ่อแกก็ไปดูและชอบชุดมาก ถึงกับนอนโรงแรมรอเพื่อขอติดต่อซื้อชุดมือสองมาให้วง เป็นวงแรกที่เอาชุดลิเกมาใช้ นี่กำลังจะบอกว่า เขาปรับตัวตลอดเวลาจริง ๆ พอมีคอนเสิร์ตลูกทุ่งอย่าง สายัณห์ สัญญา เขาก็เอามาปรับกับตัวเองครับ แต่ก่อนหมอลำไม่มีคอนเสิร์ตก็เอามาปรับเป็นมีคอนเสิร์ต รวมถึงการนำฉากต่าง ๆ มาใช้ให้ตื่นตาตื่นใจ”

สร้างหมอลำให้เป็นไอดอล ความสดใหม่และการปรับตัวของอีสานนครศิลป์

อีสานนครศิลป์ ยังเป็นคณะหมอลำที่มีชื่อเสียง และเป็นขวัญใจของแฟนคลับด้วยการสร้างคู่จิ้นดาวรุ่ง อย่าง นนท์-จุ๊ย ที่ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี

“พอมาถึงรุ่นผม ตอนนี้เรารู้แล้ว ว่าหมอลำสามารถมันพัฒนาการเอาสิ่งใหม่ ณ ปัจจุบันเข้าไปผสมได้ คนดูก็จะแฮปปี้ เอาไปต่อยอดต่อได้ ตอนนี้คนชอบมิวสิคัล คนชอบดูอะไรที่มันเป็น J-POP , K-POP เราก็ลองเอามาผสม แต่วิธีการลองของเรา เราจะไม่ยัดเยียด เราต้องเสิร์ฟดูก่อนว่าเขาชอบไหม หรือกระแสคู่จิ้น อย่างวงอีสานนครศิลป์ผมลองทำเป็นคู่จิ้น พอลองทำแล้วเขาชอบ เราก็รู้แล้วว่าเราสามารถทำได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันก็เป็นแค่สัดส่วนหนึ่งในช่วงของคอนเสิร์ต แต่แก่นหลักของหมอลำคือลำเรื่อง เราต้องคงไว้อย่างมั่นคง เพระมันคือเอกลักษณ์ของหมอลำ”

ช่องเวิร์คพอยท์ จับมือ บุคคลเบื้องหลังวงการหมอลำ ค้นหาหมอลำรุ่นใหม่ ในรายการ ‘หมอลำไอดอล’

รายการที่มีคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจนี้ หน่อย สุชาติ เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญที่มาจับมือกับเวิร์คพอยท์ให้ หมอลำไอดอล นี้เกิดขึ้น คอนเทนต์ด้านวัฒนธรรมอีสาน ที่หวังให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่จะขยายวงการหมอลำให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมกับเฟ้นหา และผลักดันหมอลำรุ่นใหม่เข้าสู่วงการ

“อย่างที่บอกว่าพอเข้าไปคลุกคลีแล้ว หมอลำมันทำอะไรได้มากกว่านั้น แต่สิ่งที่จะเดินต่อไปได้ผมมองเป็น 2 สเต็ป สเต็ปแรก คือทำจนรู้ พอทำจนรู้สเต็ปที่สองคือเอาเข้าไปในสื่อ และเราก็เห็นว่า เวิร์คพอยท์เป็นพื้นที่สื่อที่มีแฟน ๆ ทั่วประเทศ ทั่วโลก เป็นเป้าหมายหลักเลยที่จะเอาหมอลำมาทำให้คนภาคอื่น ๆ หรือต่างประเทศได้เห็นมากขึ้น ส่วนตัวผมมองในฐานะที่เป็นคนภาคกลาง คนภาคอื่นถ้าพูดถึงหมอลำ เขาอาจจะยังนึกไม่ออกว่ามันคืออะไร แต่ถ้าได้เห็น ได้คลุกคลี เขาจะหลงรักเหมือนที่ผมหลงรัก และผมยังมองไปถึงสเต็ปที่ 3 คือเฟสติวัลหมอลำมันต้องเกิดขึ้นให้ได้ที่ไทย”

ทำไมหมอลำจะเป็น ‘ไอดอล’ ไม่ได้ ?

“เราเน้นไปที่เด็กรุ่นใหม่ เราเอาเด็กรุ่นใหม่เข้ามา เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่เขาอยากเป็นมันตอบโจทย์ไหม มาออดิชัน แล้วเราก็จะมีโค้ชทั้งหมด 4 ทีมที่จุดเด่นแตกต่างกัน ถ้าคุณผ่านทั้ง 4 โค้ชได้ แสดงว่าคุณพร้อมที่จะเป็นหมอลำในยุคปัจจุบันได้ เพราะหมอลำในยุคปัจจุบันจะแค่ลำอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเอ็นเตอร์เทนได้ ออกสื่อได้ เป็นพรีเซนเตอร์ได้

และน้อง ๆ ในกลุ่มนี้จะมาเป็นทั้งไอดอล สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆ ที่มีความฝันอยากเป็นหมอลำคนอื่น ๆ ได้ด้วย เหมือนกับหมอลำที่เป็นไอดอลหลายคนในปัจจุบัน รวมถึงการสร้างภาคภูมิใจให้คนที่มีอาชีพนี้ ตะโกนออกมาว่าฉันเป็นหมอลำ ฉันทำงานอยู่ในคณะหมอลำ”

“สุดท้ายผมอยากให้ผู้ชมที่ชมรายการนี้ ดูแล้วมีความรู้สึกว่าอยากไปดูหมอลำที่หน้าฮ่าน(หน้าเวที)สักครั้งหนึ่งในชีวิต ผมขอแค่นี้เลย”

รายการ หมอลำไอดอล จะออกอากาศ ทุกวันศุกร์ เวลา 18.00 – 19.00 น. และรับชมกันแบบเต็มอิ่มพร้อมเนื้อหาสุดพิเศษ(Uncut Version) ทุกวันเสาร์ เวลา 15.45 – 17.00 น. เริ่ม วันศุกร์ที่ 15 กันยายนนี้ ทางช่องเวิร์คพอยท์ 23

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายการ หมอลำไอดอล ช่องเวิร์คพอยท์ จับมือ บุคคลเบื้องหลังวงการหมอลำ ค้นหาหมอลำรุ่นใหม่ ในรายการ ‘หมอลำไอดอล’ เปิดฤดูกาล ก.ย.นี้

ช่องทางติดตามรายการหมอลำไอดอล Facebook : หมอลำไอดอล