SHARE

คัดลอกแล้ว

หรือการเมือง จะทำให้ MotoGP ไม่ได้ไปต่อ?

 

ยังไม่แน่นอนว่าตกลง การแข่งขัน MotoGP เรซที่ไทยถือสัญญาจัดในชื่อ ‘ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์’ จะได้ไปต่อหรือไม่ เพราะนายกฯ ยังแบ่งรับแบ่งสู้ว่า ‘คุยอยู่’ แต่ผู้สนับสนุนใหญ่ อย่างเนวิน เจ้าสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต โพสต์เป็นนัยว่า “มาเชียร์ และ มาลา MotoGP ด้วยกัน” 

แถมหน่วยงานที่เป็นข้อกลาง อย่างผู้ว่าการ กกท. ก็เพิ่งแตะเบรกว่า “ในการสัมภาษณ์เรื่องนี้ ไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าจะไม่ต่อสัญญาโมโตจีพี แต่อย่างใด”

เงื่อนไขสำคัญ คือ ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ จะเจรจาผ่านทางรัฐบาลเท่านั้น เพราะการแข่งขันระดับนี้ ต้องได้รับการช่วยเหลือและสนับสนุนเชิงเทคนิค ที่คาบเกี่ยวกับกฎหมายในประเทศนั้นๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้

นั่นเลยยิ่งทำให้ข้อวิพากษ์ของสังคม ที่มองว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่แค่เรื่องกีฬา แต่กำลังมีเงื่อนไขทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ เพราะมองไวๆ ปมการไม่ต่อสัญญากำลังสร้างคู่ขัดแย้ง ที่ดูจะชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ว่าอาจเป็นคนของรัฐบาลเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทยเจ้าของพื้นที่ โดยรู้กันดีว่า เนวิน เป็นครูใหญ่ของบ้านสีน้ำเงิน

[เกิดอะไรขึ้นกับ ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์?]

ถึงไม่ใช่แฟนกีฬา แต่เชื่อว่าคงพอผ่านตา MotoGP กันบ้างถึงจะไม่รู้ชื่อก็ตาม เพราะนี่เป็นรายการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบ ที่เก่าแก่ที่สุด แต่ทันสมัยและเร้าใจพร้อมกัน ด้วยเทคโนโลยี ดีไซน์ รวมถึงเทคนิคการขับขี่ของเหล่านักแข่ง จนขยายมาเป็นอีเวนต์กีฬาประจำของหลายประเทศ แถมยังมีคนติดตามทั่วโลกผ่านถ่ายทอดสด เกือบ 1,000 ล้านคน จนสร้างเม็ดเงินมหาศาล

ไทยเองก็เห็นถึงโอกาสของเม็ดเงิน ถึงได้กระโจนเข้าไปร่วมเมื่อ ปี 2017 ในวันที่ดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ MotoGP เปิดโอกาสเพิ่มสนามการแข่งขัน และสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต หรือ BRIC ก็อาจเป็นสนามเดียวในไทย ที่มีศักยภาพพร้อมตามเงื่อนไขของการแข่งขันนี้

เป็นที่มาของเซ็นสัญญา ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ ครั้งแรก 3 ฤดูกาล คือในช่วงปี 2018 – 2020 ใต้รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนที่จะหยุดชะงักไปช่วงโควิด และกลับมาอีกครั้ง กับการต่อสัญญาระยะยาว 5 ปี คือ ปี 2022-2026

เท่ากับ ตอนนี้อยู่ในช่วงที่รัฐบาลไทยจะต้องเร่งตัดสินใจแล้ว ว่าจะทำการต่อสัญญาหรือไม่ เพราะบริษัทผู้ถือลิขสิทธิ์ก็พอใจไทย และหากเราปล่อยมือ ด้วยเม็ดเงินระดับนี้ก็มีหลายประเทศที่รอเสียบทุกเมื่อ

แต่แล้วเมื่อปลายปี 2567 สมัยอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มีการไปเยือนอิตาลี เพื่อหารือกับผู้บริหาร F1 (เอฟวัน) มีชื่อเต็มๆ คือ Formula One รายการแข่งรถระดับสูงสุดในวงการรถแข่งที่มีผู้ชมมหาศาลเช่นกัน 

ถึงได้เป็นจุดเริ่มต้นของข่าวลือ ที่กลายเป็นข่าวเกือบจริงในตอนนี้ ว่ารัฐบาลไทยอาจลงทุนพร้อมกัน แต่จะเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แม้จะมีข้อท้วงติงเรื่องการลงทุน ว่าเอฟวัน จะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์มากกว่าหลายเท่าตัว

[F1 มันเหมือนหมามองเครื่องบิน]

“MotoGP เป็นรถสองล้อ ทุกคนสัมผัสได้ สามารถเป็นเจ้าของได้ ใกล้ชิดได้ ซึมซับได้ แต่ F1 มันเหมือนหมามองเครื่องบิน ดูได้ครั้งเดียวก็พอแล้ว” 

การสัมภาษณ์ของ นายเนวิน ชิดชอบ ในฐานะประธานสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ที่เผยแพร่ผ่านเพจกรรมกรข่าว ถึงกรณีที่สัญญาของประเทศไทย ในการจัดแข่ง MotoGP เหลือเพียงแค่ปีเดียว คือการเป็นเจ้าภาพสนามเปิดในฤดูกาล 2026 อาจไม่ได้จบสวย อย่างที่เจ้าตัวโพสต์ข้อความก่อนหน้าแบบที่เจ้าตัวยอมรับได้

นายเนวิน ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า รัฐบาลพยายามจะไปเสนอจัด F1 ที่ยังไม่ชัดว่าจะจัดที่ไหน จัดอย่างไร ใช้เงินเท่าไหร่ มีตัวเลขที่จะนำไปสู่รายได้จริงหรือไม่ แต่กลับปล่อย MotoGP ที่พิสูจน์ความสำเร็จมาแล้ว

ย้อนไปเมื่อวานนี้ (2 มี.ค.) หลังปิดฉากไปได้สวยกับสนามแรก MotoGP 2025 นายเนวิน โพสต์ข้อความขอบคุณ ‘ฅนบุรีรัมย์’ ทุกคนที่ร่วมกันเป็นเจ้าภาพอย่างดีมาตลอดสัปดาห์

พร้อมเปิดตัวเลข แฟน MotoGP จำนวน 224,634 คน ที่เข้ามาเชียร์ตลอด 3 วันที่ผ่านมา จนกลายเป็นสถิติใหม่ของสนามเปิด สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนมากกว่า 5,043 ล้านบาท ทั้งภายในจังหวัดบุรีรัมย์ และจังหวัดอื่นๆ 

ตลอดการจัดแข่งขัน 7 ปีติดต่อกัน นายเนวิน กล่าวว่า ทำงานร่วมกับ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กกท.) ในฐานะผู้ถือลิขสิทธิ์ของไทยอย่างเต็มที่ และพร้อมสนับสนุนถ้ารัฐบาลยังจัดอยู่

สนามอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งขัน โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ทุกปี และพร้อมให้การสนับสนุนตลอดไป หากรัฐบาลยังจัดการแข่งขันอยู่

และเมื่อได้รับทราบอย่างเป็นทางการจากการจาก กกท. ว่าจะไม่ต่อสัญญาจัดอีกแล้ว ก็ต้องยอมรับแม้จะเสียดาย หากไม่มีการทบทวนการตัดสินใจ 

“รัฐบาลลงทุนปีละ ไม่เกิน 500 ล้านบาท และมีภาคเอกชน เข้ามาร่วมสนับสนุนอีกไม่น้อยกว่าปีละ 300 ล้านบาท แต่สร้างเงินทุนหมุนเวียนส่งเสริมธุรกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจ มากกว่า 5,000 ล้านบาท”

[คิดเป็น ‘ธุรกิจ’ ไม่ใช่การเมือง]

ร้อนแรงถึงขั้นนี้ ในการแถลงข่าวภายหลังประชุม ครม. วันนี้ (3 มี.ค.) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จึงต้องตอบข้อสงสัยนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ด้วยคำตอบปลายเปิดว่า ยังมีโอกาสต่อสัญญา และยังพูดคุยกันอยู่

ส่วนเหตุผลที่จะไม่ต่อสัญญานั้น นายกฯ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับตัวเลขที่ กกท. นำผลลัพธ์มานำเสนอ ว่าเป็นประโยชน์กับประเทศ และประชาชนหมู่มากเพียงใด  

แล้วการตัดสินใจนี้เกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่? นายกฯ กล่าวว่า ถ้าเงินเข้าจังหวัดเข้าประเทศ ใครจะเป็นเจ้าของก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะบางทีเอกชนกับภาครัฐก็ต้องไปด้วยกัน ขอดูรายละเอียดและความสมเหตุสมผล

“จะมองว่าเป็นการเมืองก็ได้ แต่ดิฉันขอมองเรื่องของธุรกิจและเงิน ว่าเงินเข้าประเทศมากน้อยแค่ไหน ขอตัดสินแบบนั้น” นายกฯ แพทองธาร กล่าวทิ้งท้าย

[ไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าจะไม่ต่อสัญญา]

ถูกกล่าวถึงในฐานะคนกลาง ที่จะเป็นตัวแปรสำคัญขนาดนี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จึงถึงคราวออกหน้าว่า เรื่องการไม่ต่อสัญญา MotoGP ไม่เป็นความจริง

ผู้ว่าการ กกท. ย้อนไปว่า จากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ในงานวันสุดท้ายของการแข่งขัน MotoGP นั้น ได้ตอบไปว่า “อยู่ในระหว่างการพูดคุย ซึ่งทางดอร์น่าเองก็ชื่นชมประเทศไทยในการเป็นเจ้าภาพว่าทำได้อย่างดีมากๆ เป็นหนึ่งในสนามที่ดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้… ทาง กกท. ก็จะนำสถิติตัวเลขต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้ เสนอกับทางรัฐบาลที่จะเป็นผู้ตัดสินใจต่อไป”

“ในการให้สัมภาษณ์ ไม่มีประโยคไหนที่บอกว่าจะไม่ต่อสัญญา MotoGP แต่อย่างใด” ดร.ก้องศักด ย้ำ 

ทั้งนี้ ตามข้อมูล MotoGP ปีนี้ทุบสถิติในแทบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงเป็นประวัติการณ์ เกินกว่า 5,000 ล้าน จำนวนผู้ชมที่สูงขึ้นเกือบ 7% การสร้างงานที่สูงขึ้น 12% และการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 52,000 กว่าคน ที่สูงขึ้นประมาณ 38% สูงที่สุดตั้งแต่เริ่มจัดงานมา

อย่างไรก็ดี ในเชิงปฏิบัติ กกท. พร้อมอยู่แล้วทั้งจากคำชม และมูลค่าทางเศรษฐกิจ แต่ต้องนำเสนอให้ผู้มีอำนาจตัดสินใจ ซึ่งทั้งหมดจะชัดเจนก่อน 1 ปี เพราะดอร์น่าจะต้องจัดการเรื่องสนามให้ลงตัว ถ้าไทยไม่เป็นเจ้าภาพต่อ

ดร.ก้องศักด ยังกล่าวถึง ผลลัพธ์ของการพัฒนานักแข่งไทย ผ่าน MotoGP ที่เคยสร้างชื่อให้กับ ก้อง — สมเกียรติ จันทรา ที่เกิดจากการสนับสนุนของรัฐและเอกชน

ถ้าได้ F1 เท่ากับจะไม่ต่อสัญญา MotoGP? ผู้ว่าการ กกท. กล่าวว่า อาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะตัวเลขดีขึ้นกว่าก่อนยุคโควิด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจเชิงนโยบาย

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า