จับตามอเตอร์โชว์ยุคโควิด เมื่อ 2 แบรนด์ดังไม่ร่วม แต่หลายค่ายเปิดตัวรถรุ่นใหม่ชิงตลาด

เรียกว่าเป็นครั้งแรกในโลกก็คงไม่ผิด ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ที่ประเทศไทยมีการจัดงานแสดงรถยนต์สำหรับ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020

 เลื่อนจัดงานหลายครั้งกว่าจะลงตัว

แรกเริ่มเดิมที บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ มีกำหนดการจัดงานในวันที่ 25 มี.ค.-5 เม.ย. 2563 และได้เลื่อนออกไปเป็น 20 เม.ย.-3 พ.ค. 2563 (เลื่อนครั้งที่ 1) จากสถานการณ์ที่ยังไม่แน่ชัดในการประกาศมาตรการควบคุมจากรัฐบาล ต่อมาได้เลื่อนการจัดงานออกไปเป็น 18-31 พ.ค. 2563 (เลื่อนครั้งที่ 2) จากสถานการณ์ความรุนแรงของการแพร่ระบาดและการใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉินในการควบคุมสถานการณ์ จนกระทั่งได้ประกาศเลื่อนการจัดงานอีกครั้งเป็น 13-26 ก.ค. 2563

ก่อนหน้านี้ผู้จัดงานถึงขั้นตัดพ้อว่าหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่คลี่คลายนั้นอาจจะมีการตัดสินใจยกเลิกการจัดงานในปี 2563 นี้ไปเลย

ปฏิวัติการจัดงานแสดงรถยนต์ด้วยมาตรฐาน New Normal

นายจาตุรนต์ โกมลมิศร์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการบริษัทกรังด์ปรีซ์ฯ และรองประธานจัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เล่าให้ฟังว่า สำหรับการจัดงานในปีนี้ถูกจัดขึ้นภายใต้รูปแบบชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ภายใต้มาตรการด้านความปลอดภัยตามมาตรฐานของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อย่างเคร่งครัด และเตรียมเปิดประสบการณ์ใหม่ Virtual Motor Show จำลองบรรยากาศงานสู่โลกออนไลน์เพิ่มทางเลือกให้ผู้ที่ต้องการเลือกซื้อรถยนต์

อีกทั้งมาตรการลดความแออัดต่างๆ อาทิ การปรับเพิ่มพื้นที่ทางเดินกลางจาก 6 เมตรเป็น 10 เมตร, การปรับเพิ่มพื้นที่ทางเดินระหว่างบูธจาก 3 เมตรเป็น 6 เมตร, การจัดพื้นที่รองรับลูกค้าเพิ่มเติม 3,000–5,000 ที่นั่ง ด้านหลังของอาคารชาเลนเจอร์ 2, การตั้งจุดสแกนแอปพลิเคชันไทยชนะ, การวัดอุณหภูมิร่างกาย, การติดตั้งเครื่องฉายแสงยูวีฆ่าเชื้อแบบเคลื่อนที่ Germ Saber UVC Sterilizer, การจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายทางดวงตา (Eye Temperature) รวมถึงการกำหนดเส้นทางเข้า-ออก เพื่อให้สามารถควบคุมและตรวจคัดกรองได้อย่างเคร่งครัด

“จำเป็นต้องขอความร่วมมือผู้เข้าชมงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในฮอลล์จัดแสดง และใช้สเปรย์แอลกอฮอล์พ่นมือทำความสะอาดทุกครั้งก่อนเข้าไปทดลองนั่งรถยนต์”

ทั้งนี้ แม้ว่าในช่วงต้นปีที่ผ่านมาประเทศไทย และทั่วโลกเผชิญวิกฤตการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่บริษัท รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ตอบรับเข้าร่วมงานอย่างคึกคักบนพื้นที่จัดแสดง 170,960 ตารางเมตร โดยมีบริษัท รถยนต์เข้าร่วมงาน 27 แบรนด์ และรถจักรยานยนต์เข้าร่วมงาน 12 แบรนด์ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้กลุ่มผู้บริการก่อสร้างกว่า 2,500 ล้านบาท

รวมถึงเม็ดเงินสะพัดภายในงานที่ปีก่อนๆ อยู่ที่ราว 4-5 หมื่นล้านบาท ในปีนี้ยังไม่กล้าที่จะคาดการณ์ เพราะก็ต่างมองสถานการณ์ไม่ออกเช่นกัน

2 แบรนด์ดัง ไม่เข้าร่วม ส่งผลให้ยอดจอง หาย 8-10%

สำหรับงานในครั้งนี้ มีผู้ประกอบการ 2 แบรนด์ดัง ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ไม่เข้าร่วมงาน ได้แก่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ และ ฮาร์ลี่ย์-เดวิดสัน

โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ไม่ใช่เพียงเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นที่ไม่เข้าร่วมงานจัดแสดงรถยนต์ซึ่ง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในระดับโลก ก็ไม่ได้เข้าร่วมงานระดับโลกอย่าง เจนิวา มอเตอร์โชว์ เช่นกัน การไม่เข้าร่วมงานดังกล่าว ไม่ใช่เรื่องการเสียโอกาสทางธุรกิจ แต่เป็นเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคม

ขณะเดียวกัน ฮาร์ลี่ย์-เดวิดสัน ที่มีการเข้าร่วมงานทุกครั้ง ก็ไม่มีรายชื่อปรากฎอยู่ในแบรนด์ที่เข้าร่วมงานครั้งนี้เช่นกัน

ถ้าพิจารณาจากยอดจองของทั้ง 2 แบรนด์ย้อนหลังไป 3 ปี ผู้เล่นทั้ง 2 ราย ถือว่าอยู่ในระดับกลางตารางหากเปรียบเทียบกับปริมาณยอดจองรวมภายในงาน

ยอดจอง เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงาน มอเตอร์โชว์ ย้อนหลัง 3 ปี (2017-2019) มีดังนี้  ปี 2019 อยู่ที่ 2,405 คัน, ปี 2018 อยู่ที่ 2,297 คัน, ปี 2017 อยู่ที่ 2,090 คัน

ยอดจอง ฮาร์ลี่ย์-เดวิดสัน ในงาน มอเตอร์โชว์ ย้อนหลัง 3 ปี (2017-2019) มีดังนี้ ปี 2019 อยู่ที่ 320 คัน, ปี 2018 อยู่ที่ 130 คัน, ปี 2017 อยู่ที่ 149 คัน

ยอดจองรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ของงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ย้อนหลัง 3 ปี (2017-2019) มีดังนี้ ปี 2019 อยู่ที่ 37,369 คัน, ปี 2018 อยู่ที่ 42,449 คัน, ปี 2017 อยู่ที่ 36,093 คัน

เมื่อนำยอดจองของทั้ง 2 แบรนด์ มาคำนวนรวมกันในแต่ละปี ถือได้ว่ามีสัดส่วนคิดเป็นราว 8-10% ของยอดจองภายในงานแต่ละปี และเมื่อนำมาประเมินกับการไม่เข้าร่วมงานในปีนี้ของทั้ง 2 แบรนด์ (ไม่รวมกับปัจจัยอื่น) ก็มีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลให้ยอดจองของงานในปีนี้ หายไปค่อนข้างแน่ ที่ตัวเลข 8-10%

ทั่วโลกจับตาไทย ต้นแบบงานแสดงรถยนต์ของโลกหลังโควิด-19

นายพอลล์ กาญจนพาสน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี กล่าวว่า งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 ถือเป็นงานใหญ่งานแรกสำหรับวงการยานยนต์ของโลกที่จัดขึ้นในหลังสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งหลายคนจับตามอง ซึ่งจะทำให้การจัดงานครั้งนี้กลายเป็นต้นแบบให้การจัดงานอื่นๆ ต่อไป

นายกฤษฎา อุตตโมทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารกิจการองค์กร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการจัดงานแสดงรถยนต์ บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มมีทิศทางดีขึ้น ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ทั้งหมดและเป็นการจัดงานที่เป็น Best Practise ของโลก โดยจะมีอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอาทิ การควบคุมทางเข้า–ออก, การสแกน QR Code เข้าพื้นที่ รวมถึงการกำหนดจำนวนคนต่อตารางเมตร ตามมาตรฐานของภาครัฐที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

“การเข้าร่วมงาน มอเตอร์โชว์ 2020 จัดงานของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ในครั้งนี้ บริษัทแม่ และ บีเอ็มฯ ประเทศอื่นๆ ทั่วโลก สนใจรูปแบบการจัดงานของเราเป็นอย่างมาก”

นอกจากนั้น บริษัทได้คำนึงถึงผู้บริโภคอย่างรอบด้าน ซึ่งอาจจะมีบางส่วนอยากมาเข้าร่วมงานและบางส่วนอาจจะไม่สะดวกมาเข้าร่วมงาน จึงได้มีการจัดทำ BMWVirtualMotorShow ซึ่งเป็นครั้งแรกในการจัดงานงานมอเตอร์โชว์ทั้งในรูปแบบ ออนไลน์ และ ออฟไลน์ ควบคู่ไปพร้อมกัน โดยได้มีการออกแบบรูปแบบการเข้าชมแบบเสมือนจริง อาทิ ตำแหน่งการจัดแสดงรถยนต์ในงานมอเตอร์โชว์ ออฟไลน์เป็นอย่างไรบนออนไลน์ก็จะเป็นเช่นนั้น อีกทั้งการตอบคำถามข้อสงสัยแบบ Real-Time เพื่ออำนวยความสะดวกแบบไร้รอยต่อสำหรับการใช้งานบนออนไลน์

จัดแสดงได้แต่ยืนยันไม่ได้ว่าจะคึกคักเช่นเคย

ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ทุกคนโดนจำกัดการเดินทางและการใช้ชีวิตที่ไม่สามารถเป็นปกติได้เพื่อความปลอดภัย โดย นายกฤษฎา มองว่าการที่สถานการณ์เริ่มกลับมาเข้าสู่ภาวะปกตินั้นจะเป็นสิ่งที่ทุกคนอยากกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ จึงน่าจะเป็นโอกาสสำหรับการจัดงานแสดงรถยนต์ภายใต้รูปแบบ New Normal แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าปริมาณผู้เข้าชมงานในภาพรวมของงานมอเตอร์โชว์ที่ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.6 ล้านคน ในปีนี้นั้นอาจจะไม่ถึงปริมาณดังกล่าวเนื่องจากทั้งการจำกัดพื้นที่คนต่อตารางเมตร และบรรยากาศโดยรวม

อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปริมาณผู้เข้าชมงานมีผลต่อยอดจองที่เกิดขึ้น ดังนั้นเราจึงได้ปรับรูปแบบการจัดงานเป็นลักษณะควบคู่กันทั้ง ออนไลน์ และออฟไลน์

พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยน การแข่งขันของตลาดก็เปลี่ยน

นายสุรศักดิ์ สุทองวัน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า สำหรับการแข่งขันในตลาดสถานการณ์โควิด-19 นี้ ทุกแบรนด์ต่างรักษาแบรนด์รอยัลตี้ให้มากที่สุด พร้อมกันนี้การใช้แคมเปญกระตุ้นยังเป็นอีกปัจจัยที่มีผลต่อผู้บริโภคทั้งในด้าน ลดแลกแจกแถม และข้อเสนอพิเศษทางการเงิน โดยระยะสั้นการแข่งขันด้านราคาถือเป็นปัจจัยหลัก ส่วนระยะยาว Cost of Ownership รวมถึงความน่าเชื่อถือของแบรนด์ยังเป็นปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคตัดสินใจ

ด้านพฤติกรรมผู้บริโภคหลังโควิด-19 นั้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความต้องการรถยนต์ส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยผู้คนระมัดระวังการอยู่รวมกันอย่างหนาแน่นจึงส่งผลให้มีความต้องการรถยนต์ในการเดินทาง

เปิดตัวรถรุ่นใหม่เหมือนอัดอั้น

ภายหลังสถานการณ์ต่างเริ่มคลี่คลายในทางที่ดีขึ้นทั้งการปลดล็อกมาตรการการควบคุมการระบาดระยะที่ 5 ให้เริ่มใช้ชีวิตและกิจกรรมต่างๆได้ใกล้เคียงกลับมาเป็นปกติ 100% บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายก็เร่งเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ลงสู่ตลาด และเพื่อมีจุดมุ่งหมายในการกระตุ้นตลาดโดยส่วนหนึ่งใช้งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 ซึ่งภายในงานนี้มีรถยนต์รุ่นใหม่ภายในงานที่ดึงดูดความสนใจอาทิ โตโยต้า โคโรล่า ครอส, นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์, มาสด้า ซีเอ็กซ์-3, ปอร์เช่ ไทคานน์ ใหม่, อาวดี้ ทีที อาร์เอส, ฮอนด้า ซีอาร์-วี, ซูซูกิ เอ็กซ์แอล7, เปอโยต์ 2008 เป็นต้น

จับตา ‘ชีวิตวิถีใหม่’ ของงานแสดงรถยนต์

นอกเหนือจากการจัดแสดงรถยนต์และการจำหน่ายรถยนต์ภายในงาน อีกองค์ประกอบหนึ่งที่ทำงานตลอดระยะเวลาการจัดงานครั้งที่ผ่านๆ มามีสีสันความคึกคักนั่นก็คือ พริตตี้ แต่ในการจัดแสดงรถยนต์ภายใต้ชีวิตวิถีใหม่อาจจะมีข้อจำกัดบางประการ อาทิ การจำกัดปริมาณคนต่อตารางเมตรภายในบูธ และเงื่อนไขการต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาภายในพื้นที่การจัดงาน อาจส่งผลให้ภายในงานปีนี้เหล่าบรรดาช่างภาพและผู้ที่ต้องการไปสัมผัสบรรยากาศของงานมีความแตกต่างออกไปจากเดิม

เช่นเดียวกับการแสดง แสง สี เสียง หรือโชว์เรียกความสนใจต่างๆ อาจต้องถูกลดระดับความสำคัญลง เนื่องจากข้อจำกัดข้างต้น รวมถึงการขยับขึ้นไปอยู่ใน Platform Online ของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ในการถ่ายทอดการจัดแสดงซึ่งเป็นการเพิ่มความสำคัญทดแทน

โอกาสทองของผู้บริโภคที่พร้อม

แน่นอนว่าสถานการณ์เช่นนี้อำนาจการตัดสินใจซื้ออยู่ที่ผู้บริโภคที่สามารถเลือกช้อปปิ้งผลิตภัณฑ์ที่ชอบซึ่งมาพร้อมข้อเสนอที่โดนใจชนิดที่ว่าพร้อมรับฟังทุกเงื่อนไข ดังนั้นใครที่กำลังมองหารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์และมีความพร้อมในการใช้จ่าย งานในครั้งนี้และในสถานการณ์เช่นนี้ตอบโจทย์ความต้องการอย่างแน่นอน

งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2020 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-26 ก.ค. 2563 (รอบประชาชนทั่วไปเริ่มวันที่ 15 ก.ค. เป็นต้นไป) ที่ อาคารชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี