ตัวเลขของนักปีนเขา “เอเวอเรสต์” ทยอยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก ล่าสุดเพิ่มเป็น 11 รายแล้วในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา สาเหตุมาจากปัญหาสภาพอากาศที่แปรปรวน และ ความแออัดของผู้ที่เดินทางมาเพื่อพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก
วันที่ 29 พ.ค. 2562 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายคริสโตเฟอร์ จอห์น คูลิช อัยการชาวอเมริกัน วัย 62 ปี ที่เดินทางมาจากรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา กลายเป็นนักไต่เขารายล่าสุดที่เสียชีวิตบนยอดเขาเอเวอเรสต์ หลังปีนขึ้นสู่ยอดสูงสุดของเทือกเขาเอเวอเรสต์ บริเวณฝั่งประเทศเนปาลในช่วงเช้าวันจันทร์ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น)
เจ้าหน้าที่ระบุว่า นายคริสโตเฟอร์ มีอาการปกติและดูแข็งแรงดี ขณะที่เขาเดินลงมาถึงจุดพักชั่วคราว ที่ระดับความสูงประมาณ 7,900 เมตร ในช่วงเย็น ก่อนจะเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ขณะที่ในวันจันทร์เช่นเดียวกัน ก็ยังมีนักไต่เขาชาวออสเตรีย วัย 64 ปี เสียชีวิตหลังจากพิชิตยอดเขาได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง
ทั้งนี้สำนักงานการท่องเที่ยวเนปาลเปิดเผยถึงสาเหตุที่นักไต่เขาทั้งหมดเสียชีวิต ส่วนใหญ่เกิดมาจากการขาดประสบการณ์ และ ปัญหาด้านสภาพอากาศบนเขาที่แปรปรวนอย่างมาก รวมไปถึงปีนี้ รัฐบาลเนปาลออกใบอนุญาตแก่บรรดานักไต่เขานานาชาติมากกว่าปกติ และ ช่วงสภาพอากาศที่อำนวยในการทำกิจกรรมมีระยะสั้น ทำให้เกิดความแออัด และ ต้องรอต่อคิวยาว เนื่องจากเส้นทางที่จะขึ้น-ลง มีเส้นทางเดียว ทำให้บางคนต้องยืนรอนานหลายชั่วโมง เกิดความเหนื่อยล้า จนออกซิเจนในถังหมด ทำให้เกิดความสูญเสียดังกล่าว
นอกจากจะมีผู้เสียชีวิต 11 ราย จากการปีนยอดเอเวอเรสต์ ในช่วงเวลาเดียวกันแล้ว ก็ยังมีรายงานนักปีนเขาเสียชีวิตอีก 9 ราย และ สูญหาย 1 ราย จากการปีนสู่ยอดเขาอื่นๆ ของเทือกเขาหิมาลัยเช่นกัน