ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ถอดบทเรียนกองถ่ายหนัง ที่เริ่มกลับมาเปิดกล้องอีกครั้ง

อุตสาหกรรมบันเทิงเป็นอีกหนึ่งวงการที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโรคโควิด-19 การถ่ายทำรายการ ละคร ไปจนถึงภาพยนตร์กลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากในภาวะโรคระบาดที่ทุกคนต้องรักษาระยะห่างป้องกันการติดเชื้อ แต่ในตอนนี้ในแวดวงภาพยนตร์เริ่มกลับมาถ่ายทำกันแล้วภายใต้วิถีใหม่ที่ต้องมีความเข้มงวดมากขึ้น

นิวยอร์กไทมส์ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ บัลทาซาร์ คอร์มาเกอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวไอซ์แลนด์ ซึ่งกำลังผลิตผลงานซีรีส์ sci-fi เรื่อง “Katla” ให้กับ Netflix และลูคัส ฟอสเตอร์ โปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน ที่กำลังถ่ายทำภาพยนตร์สยองขวัญจากงานเขียนของสตีเฟ่น คิง อย่าง “Children of the Corn” เริ่มกลับมาเดินหน้างานภาพยนตร์อีกครั้งได้แบ่งปันแนวทางเบื้องต้นสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์ในยุคโควิด-19

แบ่งโซนทีมงานผ่านปลอกแขน

คอร์มาเกอร์ใช้เวลาช่วงที่รัฐบาลไอซ์แลนด์สั่งปิดกองถ่ายและกักตัวอยู่บ้านกับลูกๆ คิดระบบปลอกแขนแถบสีเพื่อแบ่งทีมงานส่วนต่างๆ ให้สามารถรักษาระยะห่างกันให้ได้มากที่สุด โดยทีมงานทุกคนจะได้รับปลอกแขนที่ต่างกัน 4 สี ได้แก่ สีเหลืองสำหรับทีมงานที่ต้องอยู่ใกล้กับกล้อง, สีดำสำหรับบรรดานักแสดง ช่างแต่งหน้าทำผม รวมทั้งทีมเสื้อผ้าที่จะถูกแยกออกจากส่วนถ่ายทำในช่วงเตรียมตัว , สีแดงคือฝ่ายที่อยู่บริเวณมอนิเตอร์ เช่น ฝ่ายสคริปต์หรือเจ้าหน้าที่ Visual effect และสุดท้ายคือปลอกแขนสีฟ้า ที่หมายถึงทีมงานที่เข้าได้ทุกจุด ซึ่งจะมีแค่ไม่กี่คนที่จำเป็นจริงๆ

หมอ-พยาบาล และความสะอาดเป็นสิ่งจำเป็น

ในกองถ่ายของคอร์มาเกอร์และฟอสเตอร์ให้ความสำคัญกับความสะอาดมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คอร์มาเกอร์บอกว่าในกองถ่ายของเขาต้องทำความสะอาดพื้นผิวต่างๆ เช่น ลูกบิดประตู ห้องน้ำ ซึ่งเป็นจุดที่ทีมงานสัมผัสบ่อยๆ ทุกชั่วโมง เช่นเดียวกับการตรวจอุณหภูมิทีมงาน การห้ามทีมงานจับกลุ่มกันเกิน 20 คน และการเปลี่ยนรูปแบบอาหารกองถ่ายเป็นการแจกข้าวกล่องแทน

โดยระหว่างการทำงาน ทีมงานทุกคนยกเว้นนักแสดงถูกบังคับให้สวมหน้ากาก ขณะที่ช่างแต่งหน้าทำผมและฝ่ายออกแบบการผลิตมีมาตรการที่เข้มงวดกว่าคือต้องสวมถุงมือด้วย

มาตรการในกองถ่ายของคอร์มาเกอร์ทำให้ในเวลาต่อมาพบทีมงาน 2 คนป่วยโรคโควิด-19 และถูกส่งตัวกลับบ้านโดยที่ทีมงานคนอื่นไม่ติดเชื้อตาม

ส่วนในกองถ่ายภาพยนตร์ของลูคัส เขาตัดสินใจว่าจ้างแพทย์และพยาบาลให้มาประจำกองถ่ายทุกวัน ส่วนทีมงานทุกคนก็ต้องตอบแบบสอบถามด้านสุขภาพเพื่อเป็นประวัติด้วย

กักตัวทีมงานทุกคนไว้ด้วยกัน

ภาพยนตร์ของลูคัสจำเป็นต้องยกกองไปถ่ายถึงออสเตรเลีย และเกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 พอดี ซึ่งทำให้เขาต้องตัดสินใจกักตัวทีมงานทุกคน รวมทั้งนักแสดงเด็ก 25 คนและสุนัขร่วมฉากอีก 1 ตัวไว้ด้วยกันเป็นเวลาเกือบ 80 วัน

แต่การต้องกักตัวในประเทศอื่นเป็นเวลานานอาจไม่ส่งผลดีนักต่อสภาพจิตใจ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฟอสเตอร์สังเกตได้จากทีมงานของเขาที่ต้องกักตัวร่วมกัน และก็ยอมรับว่า การจัดการกับสภาพจิตใจของนักแสดงและทีมงานของเขายังไม่ดีพอ

ฟอสเตอร์บอกว่า เขาไม่ต้องการให้ความคิดสร้างสรรค์ของนักแสดงและทีมงานถูกทำลายไปเพราะความเครียด ดังนั้นเขาจึงพยายามดึงชีวิตชีวาของทุกคน พยายามให้ทุกคนดูเหมือนใช้ชีวิตเป็นปกติที่สุด และให้ความสำคัญกับการตัดสินใจร่วมกันเป็นทีม

ต้องทำใจกับงบประมาณที่เพิ่มขึ้น

การตัดสินใจกักตัวทีมงานทั้งคณะที่ออสเตรเลีย ทำให้ฟอสเตอร์ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกอย่างน้อย 20% จากงบประมาณเดิมที่ตั้งไว้คือประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 300 ล้านบาท ซึ่งฟอสเตอร์มองว่า มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายแต่ก็เป็นเพียงทางเดียวที่ทำให้ภาพยนตร์ของเขาเดินหน้าต่อไปได้

ไม่ต่างจากคอร์มาเกอร์ที่การหยุดถ่ายทำส่งผลต่องบประมาณที่เพิ่มขึ้น แต่ยังโชคดีที่ Netflix ยินดีจ่ายเงินให้เพิ่มและมีข้อบังคับชัดเจนให้เจ้าของซีรีส์ต้องจ่ายเงินเดือนให้กับทีมงานทุกคนแม้กองถ่ายจะหยุดถ่ายทำ

อย่าลืมปัจจัยแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้

อย่างไรก็ตาม การจัดการในกองถ่ายไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้ภาพยนตร์ของผู้กำกับมากฝีมือทั้งสองคนกลับมาถ่ายทำได้อีกครั้ง โดยกองถ่ายภาพยนตร์ของฟอสเตอร์โชคดีที่การถ่ายทำส่วนใหญ่อยู่ภายในเมืองเล็กๆ ของออสเตรเลีย ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลออสเตรเลียก็ทำหน้าที่ควบคุมการระบาดได้มีประสิทธิภาพ

ส่วนคอร์มาเกอร์ ที่ถ่ายทำซีรีส์ในไอซ์แลนด์ก็ยอมรับว่า ระบบสาธารณสุขของไอซ์แลนด์ที่ให้ความสำคัญกับการตรวจเชื้อให้มากที่สุด เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้งานของเขากลับมาเริ่มได้ เพราะนั่นทำให้ทีมงานทั้ง 80 คนของเขาได้รับการตรวจโรคก่อนจะเริ่มเปิดกองถ่ายแล้ว นอกจากนี้การเข้าถึงการตรวจโรคได้ง่าย ยังทำให้คอร์มาเกอร์มีทางเลือกในการถ่ายทำฉากที่นักแสดงต้องใกล้ชิดกัน โดยหากไม่สามารถเก็บไปถ่ายทำหลังจากไอซ์แลนด์ผ่อนคลายมาตรการได้ เขาอาจตัดสินใจถ่ายฉากเหล่านั้นทันทีโดยให้นักแสดงไปตรวจเชื้ออีกครั้งก่อนเข้าฉากเพื่อความมั่นใจ

ดังนั้นแม้ทั้งหมดนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีในการเปิดกองถ่ายช่วงโควิด-19 แต่สุดท้ายก็ยังมีปัจจัยภายนอกมีหลายอย่างที่ผู้สร้างภาพยนตร์อาจต้องคำนึงถึงและต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาด้วยวิธีที่ต่างกันออกไป