SHARE

คัดลอกแล้ว

จากกรณีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ เปิดประเด็น 2 ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ไม่อยู่ให้ห้องประชุมแต่ปรากฏร่วมลงคะแนน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 63 ในวาระ 2-3 และต่อมาช่อง 7 เปิดภาพ ส.ส.กดบัตรแทนกันระหว่างการลงมติโดยปรากฎภาพของ น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ อยู่ด้วย

ซึ่งเจ้าตัวชี้แจงว่า ช่วยนายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ เพื่อน ส.ส.ที่อยู่ในห้องแต่เข้าไม่ถึงเครื่อง โดยกดตามที่นายทวิรัฐบอก

วันที่ 25 ม.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กล่าวถึง กรณีที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความกระบวนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่มีการเสียบบัตรแทนกัน ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ว่า เรื่องนี้ทำให้เกิดปัญหาความล่าช้าในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 และกระทบกระเทือนไปทุกส่วน
.
รัฐบาลต้องการงบประมาณนี้เพื่อมากระตุ้นเศรษฐกิจ ทำโครงการต่างๆ ให้มีการจ่ายเงินค่าจ้าง ตนมีเพื่อนที่ทำงานรับเหมาก่อสร้างกับภาครัฐ เขาบอกว่าบริษัทเงินเป็นร้อยล้านแล้วที่ควรจะเบิกเงินได้ แต่กลับยังเบิกไม่ได้ ทำให้ต้องกู้หนี้ยืมสินจากธนาคารเสียดอกเบี้ย ส่วนภาคประชาชน ภาคเอกชนเขาก็ไม่ได้เงินตามเป้าหมาย สะเทือนกันไปทุกหย่อมหญ้า ซึ่งเรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญคงจะพิจารณาเร็ว เพราะศาลท่านรู้อยู่แล้วว่าจะกระทบกระเทือน

เมื่อถามว่าหากร่างพ.ร.บ.งบประมาณเป็นโมฆะ จะเป็นอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หากจะต้องทำใหม่จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ ตนไม่อยากคิด
.
“กฎหมายไม่ใช่คณิตศาตร์ หากเป็นคณิตศาสตร์จะคิดง่ายๆ ได้ว่า มีคน 500 คน ไม่ได้ลงคะแนนเอง 3 คน ก็ตัด 3 คนออกไป แล้วฝั่งไหนมีเสียงมากกว่าก็ว่าตามนั้น ก็ไม่มีปัญหา แต่นี่เป็นกฎหมายเราจึงจะคิดแบบนั้นไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายเราก็ต้องรอการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะออกมาเช่นไร”

ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีชี้ว่า กฎหมายงบประมาณแปลกกว่ากฎหมายอื่น เพราะมีบทบัญญัติ มาตรา 143 ขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษต่างหาก ซึ่งมาตรา 143 ระบุกำหนดเวลาพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณไว้ 105 วัน ถ้าพิจารณาไม่ทันให้ถือว่าสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบแล้ว และให้เสนอให้วุฒิสภา พิจารณา ซึ่งถ้าไม่ทัน 20 วันตามที่กฎหมายกำหนด ก็ให้ถือว่าวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ซึ่งอาจจะตีความว่ากฎหมายไม่ทันตามกำหนดเวลาให้ถือว่าสภาให้ความเห็นชอบแล้วแทน

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ขณะนี้ถือว่าได้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาตามหลักรัฐธรรมนูญในเรื่องกรอบระยะเวลาเรียบร้อยแล้ว คือ
สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาอยู่ในกรอบเวลา 105 วัน, วุฒิสภาพิจารณาอยู่ในกรอบเวลา 20 วัน ถือว่ามีความสมบูรณ์ตามมาตรา 143 ในเรื่องกรอบระยะเวลา
.
แต่เมื่อมี ส.ส.กดบัตรแทนกันก็จะผิดไปจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่สมาชิกหนึ่งคนย่อมมีเสียงหนึ่งในการออกเสียงลงคะแนน ประเด็นข้อพิพาทในเรื่องนี้คือกระบวนการตรา พ.ร.บ. งบประมาณ ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ซึ่ง ส.ส.ก็เข้าชื่อกันยื่นคำร้องตามมาตรา 148 ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานสภาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
.
ที่หลายคนบอกว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องพิจารณาให้เสร็จภายใน 15 วัน เป็นคนละกรณี เพราะหากเป็น มาตรา 144 หากช่วงระหว่างพิจารณางบประมาณหากมี ส.ส.หรือ ส.ว.กระทำการเสนอ การแปรญัตติ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณจะกระทำมิได้ กรณีวินิจฉัยเรื่องนี้จะมีระยะเวลา 15 วัน แต่เมื่อยื่นวินิจฉัย ตาม มาตรา 148 ไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญไว้ แต่เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาให้โดยเร็วเพราะเป็นเรื่องสำคัญ

ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำลังอยู่บนทาง 2 แพร่งในการแก้ปัญหาการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล หาก พล.อ.ประยุทธ์ยังคงเชื่อตามคำแนะนำของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีที่บอกว่า การเสียบบัตรแทนกันในอดีตไม่สามารถนำมาเป็นบรรทัดฐานในปัจจุบันได้ก็จะทำให้การวางแผนรองรับสถานการณ์ดังกล่าวเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ และอาจจะกลายเป็นชนวนความขัดแย้งรอบใหม่ เนื่องจากเป็นการกระทำที่สวนทางกับแนวการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ

แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ จะลองกลับใจดูสักครั้ง ก็จะทำให้สามารถวางแผนรับมือได้อย่างถูกต้อง โดยอาจไม่จำเป็นต้องรอการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเลยก็ได้ เพราะเคยมีแนวทางการวินิจฉัยเอาไว้แล้วว่าให้ร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทเมื่อปี 2557 ตกไป เพราะมีการเสียบบัตรแทนกันของ ส.ส. จนทำให้กระบวนการออกกฎหมายไม่ชอบ

“ไม่ว่าจะเลือกแนวทางใด รัฐบาลก็ยังมีทางออกอื่นในการนำงบประมาณปี 63 เอามาใช้ได้ แต่ที่จะเป็นปัญหาอย่างมากสำหรับตัว พล.อ.ประยุทธ์ก็คือความรับผิดชอบทางการเมืองจากการที่มี ส.ส.รัฐบาลเสียบบัตรแทนกันถึง 4 คน แม้จะพยายามอ้างว่ามี 2 คนเสียบบัตรแทนกันเพราะเครื่องไม่พอ แต่ประธานสภาก็ฟันธงไปแล้วว่าถือเป็นความผิดเช่นเดียวกัน จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะปัดความรับผิดชอบ” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว

นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร เพื่อไทย ถูกถอดถอนและยังมีคดีความจากการเสียบบัตรแทน

น.อ.อนุดิษฐ์ยังเรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์เร่งสร้างความกระจ่างให้ได้ว่าใครเป็นคนเอาบัตรไปเสียบแทนกัน จะอ้างในทำนองว่า ไม่ได้ฝากใครเสียบหรือไม่ได้มอบอำนาจให้ใครเสียบบัตร แล้วก็ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปเฉย ๆ ตามที่นายวิษณุแนะนำไม่ได้ เพราะจะยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงปัญหา 2 มาตรฐานของประเทศ เพราะต้องไม่ลืมว่ากรณีนายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เคยถูกทั้ง สนช.ยื่นถอดถอนและถูกอัยการสั่งฟ้องคดีอาญาโทษถึง 10 ปี จากกรณีเดียวกัน

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า