SHARE

คัดลอกแล้ว

ถ้าพูดถึงสินทรัพย์ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัย “ทองคำ” ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ และวันนี้ไม่ว่าคุณจะมีความรู้ในเรื่องของการลงทุนมาก่อนหรือไม่ แต่เชื่อว่าหลายท่านก็ต้องมีทองเก็บไว้อย่างแน่นอน WorkpointTODAY ได้พูดคุยกับ คุณกอล์ฟ- ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก ในบรรยากาศสบาย ๆ และยังได้ความรู้ในการลงทุนในทองคำ

 “แม่ทองสุก” ธุรกิจครอบครัว ที่เริ่มมาจากร้านทองตู้แดงธรรมดา

แม่ทองสุก เริ่มมาทำนำเข้า-ส่งออก ในเจนเนอเรชั่น นพ.กฤชรัตน์ หิรัญยศิริ (พ่อคุณกอล์ฟ) ซึ่งก็นำพาแม่ทองสุกจากร้านทองตู้แดงแสนจะธรรมดากลายมาเป็นผู้นำเข้าส่งออกรายใหญ่

“ตอนที่เราตั้งตัวซื้อขายนำเข้า – ส่งออก เราก็มาจัดตั้งบริษัทซึ่งในตอนนั้นก็จะมีการเปิดไลเซนส์ของกลต. ให้ทำ Gold Future ในตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเทรดดิ้งของ TFEX เราก็มาจัดตั้งบริษัท MTS Gold Future เพื่อที่จะเป็นโบรกเกอร์ซื้อขายในตลาด ตอนนี้ก็ขยายการลงทุนต่างประเทศ ถือว่าเราเป็น Pioneer ในการจัดตั้งบริษัทที่สิงคโปร์ ซึ่งตอนนี้เราก็จะมีบริษัท MTS ที่สิงคโปร์ เป็นผู้ค้าทองรายใหญ่อยู่ในท็อปไฟว์ของตลาดอาเซียน ซึ่งได้ทั้งใบอนุญาตและไลเซนส์ ทั้งตลาดสิงคโปร์ จีนและฮ่องกง ตอนนี้ถือว่าเราเป็นฮับ”

เริ่มไปทำที่สิงคโปร์ ในช่วงปลายปี 2014 ภายใน 5 ปีเราสามารถทำให้แบรนด์ MTS จากที่ไม่มีคนรู้เลยเพราะจริง ๆ เวลาพูด แม่ทองสุก คนไทยจะรู้จัก พอไปข้างนอกให้พูดคำว่าแม่ทองสุก เขาคงนึกว่าขายหม้อแกง ก็เลยรีแบรนด์เป็น MTS Gold เอาแบรนด์นี้ไปลุยทั้งในสิงคโปร์ จีน ฮ่องกง เป็น MTS Gold แม่ทองสุก ผู้นำด้านการลงทุนทองและตราสารอนุพันธ์ที่ทันสมัยและครบวงจร

2563  เขาเรียกว่าเป็น “ปีทอง”

ปีนี้เรียกว่าเป็นปีทอง เพราะว่าใครไม่ซื้อหรือไม่ขายทองปีนี้ พูดได้เลยว่าตกเทรน เพราะว่าปีนี้ตั้งแต่ตั้นปีเป็นต้นมาจนถึงตอนนี้ ขึ้นมา 7,000 บาท คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ก็เกือบ 25 เปอร์เซ็นต์ สังเกตได้จากจะเห็นการเข้าคิวยาวที่เยาวราชซึ่งบรรยากาศแบบนี้ไม่เห็นมานานแล้ว ไปเข้าคิวขายทองแบบระเบิดเถิดเทิง ปีนี้จะเห็นคนมาขายทองเยอะเป็นประวัติศาสตร์ การซื้อขายทองต้องบอกว่าอยู่กับบ้านเรามานาน แต่ก่อนร้านทองมีเยอะกว่าร้านสะดวกซื้อเสียอีก

โควิด – 19 เป็นเหตุที่ทำให้เกิดบางอย่างที่ทำให้ทองขึ้น เหตุผลหลัก ๆ ก็คือพอเกิดโควิด ทุกประเทศปิดเมืองล็อกดาวน์ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเศรษฐกิจทั่วโลกย้ำแย่ ฉะนั้นวิธีเดียวที่รัฐบาลของทุกประเทศพยายามที่จะเข้ามาช่วยเหลือก็คืออัดฉีดเงินเพื่อช่วยอย่างประเทศไทยใช้มาตรการเงินเยียวยา 5,000 บาท มาตรการประกันสังคมที่ออกมาช่วยผู้ประกอบการหรือออกมาช่วย SME มาช่วยในเรื่องของคนตกงาน ทีนี้พอมันเกิดเหตุการณ์คนตกงานทั่วโลกคนไม่มีงานทำเศรษฐกิจแย่มากปีนี้ จากหน้ามือเป็นหลังมือโดยเฉพาะไทย พี่พึ่งพาการท่องเที่ยวก็โดนกระทบ

“ถามว่า โควิดทำไมทำให้ทองขึ้นเกี่ยวอะไรกันเพราะว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้มันเกิดขึ้นทุก ๆ ประเทศทั่วโลก ไม่ใช่แค่ประเทศไทย ทุกประเทศใช้มาตรการเอาเงินสู้โควิด หรือภาษาผมจะพูดว่าพิมพ์เงินสู้โควิด ตัวอย่าง สมมุติว่าผมจะพิมพ์เงินออกมาต้องมีทองเก็บ แต่อเมริกาเขาถือว่าเป็นมหาอำนาจฉันอยากจะทำอะไรฉันก็ทำ จะเห็นว่าอเมริกาตั้งแต่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ มาจนถึงโควิด ตอนนี้เรียกได้ว่าพิมพ์เงินแบบไม่อั้น เอามาจ่ายเข้าไปในระบบเพื่อช่วยเศรษฐกิจ ที่กำลังมีปัญหาซึ่งแน่นอนในระยะสั้นมันสามารถพยุงเขาไว้ได้ คือมีเงินจากรัฐบาลมาช่วยมาจ่ายเงินเดือน แต่ถามว่าจะทำแบบนี้ไปอีกสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะไตรมาสที่ 4″

“ค่าเงินลด” จากภาวะเงินเฟื้อ ที่รัฐอัดฉีดเข้าระบบ

 ที่อเมริกาทำตอนนี้ ภาษาที่ชอบมากก็คือ Helicopter Money เคยดูหนังไหมเวลาโจรไปขโมยเงินมาแล้วก็ทำกระเป๋าเงินตกแล้วเงินก็โปรยนี่แหละคือที่มา รอบนี้มันต่างจากแฮมเบอร์เกอร์เพราะว่า แฮมเบอร์เกอร์เป็นเฉพาะพวกสถาบันการเงิน รอบนี้คือมันถึงคนเดินถนน คนรากหญ้าฉะนั้นเขาต้องใช้ระบบ Helicopter Money ก็คือโปรยเงินทั้งหมดเข้าไปให้คนรากหญ้าทุกคนต้องได้เงินหมดก็จะคล้าย  ๆ กับระบบบ้านเราที่เป็นเงินเยียวยา 5,000 บาท ซึ่งแน่นอนช่วยได้ระยะสั้นแต่ผลกระทบระยะยาวเกิดอะไรขึ้น ถ้าใครเรียนเศรษฐศาสตร์จะรู้ว่าถ้าซัพพลายเยอะ ดีมานด์น้อยมันก็จะเกิดเงินเฟ้อเพราะว่าเงินตอนนี้มันไหลเข้ามาเยอะมาก ซึ่งพอเงินมันไหลเข้ามาเยอะในระบบเขาเรียกว่ามูลค่ามันเสื่อม มันก็เกิดสิ่งที่เรียกว่าเงินเฟ้อ

“เราซื้อของที่แพงขึ้น ค่าของเงินลดลง เงินมันด้อยค่าทุก ๆ ปี แต่สิ่งที่ทองคำทำหน้าที่ได้ดีคือมันสภาพให้มูลค่าเงินไม่ตกไป พูดง่าย ๆ คือ เก็บเงินเก็บแบงก์ไม่ได้ปลอดภัย เพราะโดนเงินเฟ้อกินและยิ่งปีนี้ทองขึ้นมา 7,000 บาท แสดงว่ามูลค่าเงินในกระเป๋าหายไปเกือบ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตอนนี้เรายังไม่เห็นภาพ แต่ว่าเงินเฟ้อปีหน้าที่เขากลัวกันกำลังมาเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทองถึงสูงสุดในประวัติศาสตร์ไทย 30,000 บาทต่อบาททองคำ”

 โบราณว่าไว้ “ถ้าไม่ซื้อที่ดิน ก็ต้องซื้อทอง”

 20 ปีมานี้ ทองขึ้นมาเกือบ 6 เท่า ฉะนั้นคนโบราณเขาจะพูดว่า “ถ้าไม่ซื้อที่ดิน ก็ต้องซื้อทอง” เพราะว่าถ้าซื้อที่บางทีก็เป็นแสนเป็นล้านซื้อไม่ไหว เพราะใครจะลงทุนที่ดินต้องเป็นคนมีเงินจริง ๆ เพราะแพงมาก ฉะนั้นหลักการตอนนี้ก็คือถ้าคุณไม่ลงทุนที่ดินสินทรัพย์หนึ่งที่ปลอดภัยป้องกันเงินเฟ้อก็คือทองคำ ซื้อถือไว้สัก 10- 20 ปี ยังไงก็ขึ้น ฉะนั้นการที่คนเริ่มเก็บทองคำ หรือคนทยอยซื้อเก็บเพื่อเป็นการป้องกันเงินเฟ้อ เพื่อที่จะเซฟเงินไว้ในรูปแบบที่เป็นทองคำมากกว่าที่จะเก็บเป็นเงินสด

ราคาทองหรือทองคำ เป็นสินทรัพย์ที่คนไทยที่มีมาก่อนตลาดหุ้น ถ้าพูดถึงซื้อหุ้นกับซื้อทองต่างจังหวัดจะซื้อ เพราะซื้อง่ายเก็บได้เอามาใส่ได้ดูแล้วจับต้องได้ขายก็คล่อง บอกว่าประเทศแถบเซาท์อีสเอเชีย ไทยเป็นประเทศที่ทองคำซื้อง่ายขายคล่องที่สุด มีวอลลุ่มการซื้อขายทองคำใหญ่ที่สุดในตลาดเซาท์อีสเอเชีย

บิทคอยน์ มันก็กำลังเป็นเทรนใหม่ แต่ถ้าเป็นทางเลือกหลักคนยังชอบถือทอง ถ้าให้เลือกคนส่วนใหญ่เขาก็ต้องเลือกทอง บิทคอยน์ถ้าสมมุติว่าไปถามชาวบ้านระหว่างให้ทองกับบิทคอยน์ก็ ถามว่าเทรนบิทคอยน์มาไหมกำลังมาแต่ว่ามันยังไม่ได้เข้าเป้ามากในขณะที่ทองเข้าถึงง่ายแล้วเวลาให้ทองใครเขาก็จะรู้สึกดี วัฒนธรรมคนไทยมีงานจะให้ทองเป็นสิริมงคล จะแต่งงานก็ให้ทองใครมีลูกเกิดใหม่ มีหลานก็ให้ทองเก็บไว้ เพราะว่าสิ่งของพวกนี้ต้องยอมรับว่าคนโบราณเขาคิดไว้ดี มีทองไว้ให้เก็บไว้ถึงลูกถึงหลานมูลค่ามันก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก

MTS Gold แม่ทองสุก  “ออมทองด้วย Blockchain” เจ้าแรกในไทย

ธุรกิจปีนี้ไม่ว่าจะโดนโควิดหรือโดนเทคโนโลยีใหม่ ๆ มันโดนดิสรัปชั่นหมดมองว่าอีกหน่อยการที่คนจะเดินมาซื้อที่ร้านตู้แดง ก็อาจจะเริ่มยากขึ้นแล้วก็อาจจะลำบากขึ้นเพราะว่าด้วยคนซื้อออนไลน์ก็สะดวกผ่านเว็บผ่านเทคโนโลยีที่มันเปลี่ยนไป ซึ่งแน่นอนว่าธุรกิจร้านทองก็ตอนนี้มันมีการเปลี่ยนไปตลอด ถ้ามองตลาดในตอนนี้จะเห็นว่าร้านทองก็เปลี่ยนไปมาก ร้านทองก็เปลี่ยนไปทำระบบออนไลน์มากขึ้น ซึ่งทางกลุ่มของ เอ็มทีเอสแม่ทองสุกเองก็มีปรับเปลี่ยนตรงนี้ด้วยเพื่อที่จะเน้นไปทำดิจิทัลและก็ทำเป็นออนไลน์มากขึ้นในตัวตลาดทองคำ

“บล็อกเชนมันเป็นเทคโนโลยี บิทคอยน์หรือพวกคลิปโตเขาจะใช้บล็อกเชนในการลิงก์เพื่อต่อการซื้อขายในตลาด ในขณะที่ถ้าเป็นบล็อกเชนแบงค์จะใช้ในการโอนไปต่างประเทศหรือใช้ในการปล่อยกู้ไฟแนนซ์แทนที่จะมาทำเขียนกระดาษเซ็นแล้วก็ส่งไปส่งมามันหมดยุคแล้วมันโบราณก็ใช้ระบบบล็อกเชน และเรามองว่าเทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สามารถมาใช้กับทองคำได้ เหมือนถ้าจำได้เวลาทองลงเยอะ ๆ คนไปซื้อก็จะได้กระดาษ 1 ใบว่าเธอฝากทองไว้กับฉัน ซึ่งมันไม่มีความมั่นใจแต่ก็ต้องซื้อกับร้านที่น่าเชื่อถือ ตรงนี้เราเลยนำเทคโนโลยีมาใช้ให้คนสามารถออมทองผ่านระบบบล็อกเชน เอ็มทีเอส โกลด์ แม่ทองสุก นับว่าเป็นรายแรกของไทยในวงการทองคำที่ลงทุนนำระบบบล็อกเชนมาเป็นหลังบ้านของบริการใหม่ออมทองคำออนไลน์ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อย ภายใต้ชื่อ แม่ทองสุก ออมทอง ด้วยบล็อกเชน”

จุดเด่นที่เป็นข้อแตกต่างของระบบออมทองผ่านบล็อกเชน คือ มีความปลอดภัยสูงด้วยระบบบล็อกเชน ซึ่งเป็นนวัตกรรมมาตรฐานเดียวกับธนาคารชั้นนำ ลูกค้าสามารถซื้อทองคำสะสมได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน (24/7) แม้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือวันที่ไม่มีราคาสมาคม ก็ออมได้  ทำให้ไม่เสียโอกาสที่จะซื้อสะสมทองคำในช่วงที่ราคาปรับลง และสามารถซื้อวันละกี่รอบก็ได้ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม

“ในขณะที่ระบบออมทองออนไลน์แบบทั่วไป จะซื้อได้ในเวลาทำการ เช่น เวลา 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น หรืออาจจะออมได้วันต้นเดือน และเป็นราคาสมาคม แต่ของเราเอาระบบบล็อกเชนมาใช้ เราจึงออมได้ 24/7 คือแบบเรียลไทม์ จะออมสองทุ่ม สามทุ่ม เที่ยงคืน ตีหนึ่ง ตีสอง อยากซื้อเก็บออมตอนไหนได้ตลอด”

ด้วยเงินเริ่มต้นในการออมทองคำที่ 150 บาทหรือราว 0.1 กรัม อยากให้รายย่อยหรือผู้มีรายได้น้อยสามารถซื้อได้เริ่มซื้อทองได้ ทองคำที่ออมไว้และยังไม่ได้นำไปแลกเป็นทองคำจริง ยังสามารถโอนมอบทองคำให้กับสมาชิกคนอื่นในระบบได้ และเมื่อออมทองคำได้ครบ 1 กรัม ก็สามารถนำมาแลกรับทองคำได้ที่ ห้างทองแม่ทองสุก สาขาใกล้บ้าน หรือถ้าไม่สะดวกก็มีบริการส่งให้ถึงบ้าน รับประกันส่ง 100 เปอร์เซ็นต์ ถ้าสมมุติเกิดการหายเราก็รับประกันการันตีให้ ถือเป็น New Normal ของการซื้อทอง

“ผมพูดเสมอว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการซื้อถูกหรือแพง มันเกี่ยวกับว่าซื้อเสร็จแล้วมันต้องเป็นของจริงแล้วคุณต้องเอามาขายต่อได้เอามาให้ต่อได้ สมมุติว่าเราซื้อมาเป็นของปลอมเอาไปให้ต่อมันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฉะนั้นหลักการคือทองคำบ้านเราเดี๋ยวนี้อุตสาหกรรมทองมันเปลี่ยนไปเยอะ วิธีการการซื้อก็ต้องซื้อแบบมียี่ห้อเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นของจริง”

ณัฐพงศ์ หิรัณยศิริ ประธานบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ MTS Gold แม่ทองสุก

ทิศทางการลงทุนทองคำ ปี 2564

ถ้ามองยาว ๆ ครึ่งปี หรือ 1 ปี จะมองว่าทองตอนนี้เป็นสินทรัพย์ที่น่าจะดีที่สุดแล้วในหมวดสินทรัพย์อื่นถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ถ้าใครดูข่าวก็จะมีเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ ไบเดนกับทรัมป์ ในเดือนพฤศจิกายนนี้

“ปัจจัยที่ทำให้ทองขึ้นเพราะอะไร หนึ่งเกิดความไม่แน่นอนเพราะกลัว สองเกิดสงครามเกิดวิกฤติทางการเงิน หรือ สามโรคระบาด ซึ่งแน่นอนถ้าเราดูเทรน ทรัมป์เป็นคนนำพาซึ่งความโกลาหลมาให้โลก ถ้าใครอยากให้ทองขึ้นต้องเชียร์ให้ทรัมป์ชนะ ส่วน ไบเดน ถ้าใครไปฟังดีเบต ไบเดน ก็จะโมโนโทนนิดหนึ่งเสียงอาจจะเหมือนตกร่อง ฉะนั้นคาดว่าถ้าไบเดนชนะก็จะได้ภาพรวมที่สงบสุขการต่อสู้ก็จะไม่หวือหวา แต่ถ้าอยากให้หวือหวา ให้เชียร์โดนัลด์ ทรัมป์ เพราะถ้าชนะทองขึ้นแน่นอน ยิ่งมีโควิด และสงครามการค้าระหว่างอเมริกากับจีนก็ยังไม่จบ”

สิ่งหนึ่งที่เห็นเป็นเทรนก็คือธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มซื้อทองเก็บ ไม่ว่าจะเป็นรัสเซียจะเป็นจีนหรือว่าหลายประเทศ เพราะเขามองว่าการที่อเมริกาพิมพ์เงินออกมามากขนาดนั้นเขารู้ว่าเมริกาอีกหน่อยแบงก์ดอลล่าจะเป็นแบงค์กงเต็ก ก็คือเผาแล้วก็ไม่มีมูลค่า แต่ผมมองว่าในอนาคตยังไงมันก็ไม่เป็นเพราะว่าทั่วโลกก็ยังใช้ดอลล่าแต่การที่คนจะเลิกใช้ คือคนพยายามจะออกจากดอลล่ามากขึ้นคือต่างคนต่างอยู่การค้าระหว่างประเทศจะน้อยลงทุกคนตอนนี้พยายามจะทิ้งดอลล่าแล้วเริ่มเก็บทอง

ด้วยปัจจัยนี้พวกธนาคารกลางของหลายประเทศเริ่มเก็บทอง เริ่มขายดอลล่าเราก็จะเห็นดอลล่าออกมาในระบบ แล้วดอลล่าไปไหน ก็จะเข้าไปในตลาดหุ้นอเมริกาถ้าพูดในแง่เทรนมองว่าทองคำถ้าดูในอีกสักครึ่งปี ยังมีโอกาสขึ้นได้อยู่ ไปดูตอนแฮมเบอร์เกอร์ไครซิส เขาบอกว่ารอบนี้เงินที่ธนาคารกลางอัดฉีดเข้ามามากกว่าตอนแฮมเบอร์เกอร์ไครซิส เพราะว่าตอนแฮมเบอร์เกอร์ไครซิสอัดเงินมาสมมุติว่า 2 ล้านล้านก็จบแล้ว แต่รอบนี้เขาเรียกว่าเป็นพิมพ์เงินแบบไม่อั้น

“สิ่งที่เขากลัวกันก็คือจะเกิดพวก Zombie Company เคยดูหนังพวกซอมบี้ไหม ซอมบี้คาแรคเตอร์คือคนเป็นผักไม่ตายนะแต่ไม่มีความรู้สึกไม่มีวิญญาณก็คือเหมือนซอมบี้ เหมือนเป็นบริษัทจ่ายเงินเดือนแต่ไม่โตไม่มียอดขายแต่ว่าขาดทุนทุกปีมีรัฐบาลคอยช่วยคอยซับซิไดซ์ Zombie Company อยู่ไปยังไงก็ตายอยู่ดี การอัดฉีดเงินมามากขนาดนี้ มันจะสร้างระบบ Zombie Company เยอะมากในอเมริกา”

“พอเกิดความกลัว ก็จะเป็น After Effect ซึ่งมันจะเกิดขึ้นหลังทรัมป์ หรือ ไบเดนใครจะได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของอเมริกา แล้วทำให้คนแพนิคซึ่งก็จะหันกลับมาสู่การลงทุนทองคำมากขึ้น ฉะนั้นถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือทองเรายังมองว่ายังดีและยังสดใสใน 1- 2 ปี และอาจจะได้เห็นราคาทองสามหมื่นขึ้นไป”

อย่างไรก็ตาม ปีหน้าถ้าเจอวัคซีนโควิด จะเป็นข่าวดีที่อาจจะทำให้ทองราคาตก ซึ่งอาจจะตกแรงบ้างแต่อย่างที่บอกไปในช่วงแรง ว่าทองไม่ได้ราคาขึ้นเพราะโควิด แต่ทองขึ้นด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเพราะโควิด พอมีวัคซีนอารมณ์ของคนมันจะต่างไปเลย อย่างตอนนี้คนไม่กล้าใช้เงินคนไม่กล้าเดินทางคนไม่กล้าทำอะไรเพราะว่ามันดูแล้วเหมือนไม่มีความหวังแต่พอมีวัคซีนปุ๊บมันคล้าย ๆ คนเริ่มเชื่อมั่น ก็จะเริ่มใช้จ่ายมากขึ้นเศรษฐกิจก็จะเริ่มกลับมา ก็อาจจะทำให้ราคาทองมีแรงเทขายตกลงมาบ้าง แต่พอตกแล้วเงินที่ยังอยู่ในระบบก็ยังอยู่ ซึ่งอันนี้ก็จะทำให้เข้าไปสู่ระบบทองคำทำให้ทองมันโตขึ้นได้ต่อ  

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า