เปิดแล้ว MUJI The EmQuartier มูจิสาขาใหญ่อันดับ 3 ในไทย สินค้า อาหาร คาเฟ่ ครบครัน

หลังเปิดตัวในไทยตั้งแต่ปี 2549 และได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ทำให้แบรนด์เสื้อผ้าและสินค้าไลฟ์สไตล์จากญี่ปุ่นอย่าง ‘มูจิ’ (MUJI) เดินหน้าขยายสาขาในไทยอย่างต่อเนื่อง

โดยล่าสุดเปิดสาขาใหม่ที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ ด้วยร้านขนาด ‘บิ๊กไซส์’ กินพื้นที่เกือบทั้งชั้น 2 ของอาคาร Building B เลยทีเดียว

แล้วสาขาใหม่ของมูจินี้มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง TODAY Bizview ขอพาชมไปด้วยกัน

-มูจิ สาขาใหม่ที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์นี้ เป็นสาขาที่ 26 ในประเทศไทย มีขนาดร้านกว่า 1,500 ตร.ม. ใหญ่เป็นอันดับ 3 ในไทยรองจากสาขาสามย่าน มิตรทาวน์ และเซ็นทรัล ชิดลม

-มูจิเลือกทำเลที่ดิ เอ็มควอเทียร์ เพราะเป็นอีกหนึ่งศูนย์การค้าที่ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักของคนไทย ชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว ทั้งยังตั้งอยู่ในย่านธุรกิจอย่างสุขุมวิท ที่ถือเป็นทำเลศักยภาพ

-การเปิดสาขาที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ Big size ของมูจิ เพื่อรองรับดีมานด์ของสินค้าและบริการแบบฉบับญี่ปุ่นของผู้บริโภคได้อย่างครบครัน

-โดยหลังจากเปิดสาขาแรกที่สามย่าน มิตรทาวน์เมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นต้นแบบคอนเซ็ปต์สโตร์ มีสินค้าและบริการครบครัน รวมถึงร้านกาแฟสาขาแรก ต่อมาในปี 2564 ได้เปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 5 สาขา และปรับโฉมสาขาเดิมให้มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นอีก 2 สาขา

-มูจิสาขาใหม่นี้ครบครันด้วยสินค้ากว่า 3,000 รายการ ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชายและหญิง โดยเป็นสาขาแรกที่มูจิเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นหน้าหนาวด้วย

-โซนซิกเนเจอร์อย่าง MUJI Coffee Corner มุมกาแฟ ที่นี่มีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ มี Light Meal & Bakery ที่มีของหวานเมนูพิเศษที่ขายเฉพาะสาขานี้ รวมถึงเมนูเบนโตะเมนูใหม่ๆ ที่เริ่มวางขายที่นี่ที่แรกด้วย

-ในโซนเครื่องใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้านของสาขานี้มีพื้นที่จัดแสดงสินค้ามากขึ้น ทั้งยังมีบริการให้คำปรึกษา หรือ Interior Consultation Service มีโซนต้นไม้กระถาง ไม้ประดับ

-ที่น่าสนใจคือมีโซน Normal Shop ที่เป็นรีฟิลสเตชั่น ให้ลูกค้ามารีฟิลน้ำยาต่างๆ ที่เราใช้ในบ้านได้ เช่น ครีมอาบน้ำ แชมพูสระผม น้ำยาซักผ้า น้ำยาทำความสะอาด โดยผลิตภัณฑ์น้ำยาเหล่านี้ล้วนเป็นสินค้าออร์แกนิก ผลิตโดยวิสาหกิจชุมชนในไทย

-การออกแบบร้านมูจิสาขานี้ยังคงเป็นสไตล์ของมูจิ คือเน้น ‘ความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ’ การตกแต่งให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตา มินิมอล ด้วยโทนสีและการจัดวางสินค้าที่เป็นสไตล์มูจิ ผสานเข้ากับความเป็นท้องถิ่น ตามแนวคิด Localization โดยใช้ไม้เก่าที่คัดสรรจากพื้นที่ทุกภูมิภาคของประเทศไทยมาเป็นวัสดุในการตกแต่งร้าน

-มูจิบอกว่าด้วยกลยุทธ์ขยายสาขาต่อเนื่อง รวมถึงสินค้าที่มีคุณภาพ มีเรื่องราว มีเอกลักษณ์ ตอบโจทย์คนได้ทุกเพศทุกวัย ทำให้มูจิมียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง

-ปัจจุบันลูกค้าของมูจิจะมีสัดส่วนของผู้หญิงมากที่สุดกว่า 60% เรียงลำดับกลุ่มอายุตามลำดับ คือ 1.อายุ 25-34 ปี 2.อายุ 35-44 ปี และ 3.อายุ 45-54 ปี

-ส่วนกลุ่มสินค้าที่สร้างยอดขายเป็นสัดส่วนมากที่สุดของมูจิคือเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย 50% รองลงมาคือของใช้ในบ้าน 48% และอาหาร 2%

-สำหรับอนาคตมูจิวางแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 8-10 สาขาภายในปี 2566 โดยจะมีทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองต่างจังหวัด นอกจากนี้ ปีหน้ามูจิยังมีแผนเปิดสาขาใหญ่สุดที่จะเป็นแฟล็กชิปสโตร์ของมูจิด้วย ซึ่งจะมีพื้นที่ราว 3,000 ตารางเมตร

-มูจิยังมีแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่คนรุ่นใหม่ที่เป็นกลุ่มนักศึกษาอายุระหว่าง 18-24 ปี จนถึง First Jobber และวัยทำงานอายุระหว่าง 25-34 ปี ตลอดจนกลุ่มวัยกลางคน รวมถึงกำลังทำการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มผู้ชายให้มากขึ้นอีกด้วย

-กลยุทธ์การตลาดที่จะนำมาใช้ มีทั้งปรับราคาสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น และยังเดินหน้ากลยุทธ์ Mass Marketing สร้างการรับรู้ในวงกว้าง ด้วยการเลือกใช้ KOL และ Influencer ชื่อดัง รวมถึง Micro Influencer และ YouTuber

-รวมไปถึงการใช้แนวคิด Localization ที่มีการออกแบบสินค้าเฉพาะภูมิภาคและท้องที่ เช่น เสื้อผ้าคอลเล็กชันใหม่ที่มีการปรับดีไซน์ให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ รวมถึงให้ดูเป็นทางการมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การสวมใส่เสื้อผ้าของคนไทยที่นิยมใส่ได้หลายโอกาส