เลขาฯ ยูเอ็น ไม่เข้าร่วมประชุมอาเซียน ร่วมกับผู้แทนจากเมียนมา หวั่นถูกตีความรับรองรัฐบาลทหาร

เลขาธิการสหประชาชาติ เปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย ไม่เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน เนื่องจากมีรัฐมนตรีจากเมียนมาเข้าร่วมด้วย หวั่นถูกตีความรับรองรัฐบาลทหาร

วันที่ 15 ต.ค. 2564 เว็บไซต์ Al Jazeera รายงานอ้างแหล่งข่าวในแวดวงการทูตของสหประชาชาติที่ระบุว่า นายอันโตนีโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ปฏิเสธการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (8 ต.ค.) ในนาทีสุดท้าย เนื่องจากไม่ต้องการอยู่ในการประชุมเดียวกับนายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาที่คณะรัฐประหารตั้งขึ้น และอาจถูกตีความว่า เป็นการรับรองรัฐบาลทหารเมียนมา

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า ก่อนการประชุมดังกล่าวเพียง 1 วัน เลขาธิการสหประชาชาติเรียกร้องให้อาเซียนระงับการประชุมดังกล่าวไปก่อน จนกว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับกับรูปแบบการประชุมที่ทุกฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ภายใต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในระดับโลกและระดับภูมิภาคตอนนี้

นักการทูตสหประชาชาติหลายคนให้ข้อมูลว่า ที่ผ่านมาเลขาธิการสหประชาชาติ พยายามหลีกเลี่ยงการตัดสินว่า ใครควรเป็นผู้แทนเมียนมาประจำสหประชาชาติ ระหว่างนายจ่อ โม ตุน ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว กับผู้แทนที่คณะรัฐประหารแต่งตั้งขึ้นมาใหม่

การปฏิเสธร่วมประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมา เกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่ชาติสมาชิกอาเซียนอย่างน้อย 2 ประเทศ ได้แก่มาเลเซียและฟิลิปปินส์ เสนออาเซียนไม่ให้ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำการรัฐประหารเมียนมาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนปลายเดือนนี้ในฐานะผู้แทนเมียนมา เนื่องจากที่ผ่านมา รัฐบาลทหารเมียนมาไม่ตอบสนองแนวทางแก้ปัญหา 5 ข้อของอาเซียน ที่หวังเข้าไปช่วยแก้วิกฤติในเมียนมา

โดยล่าสุดรัฐบาลทหารเมียนมา ยังยืนยันด้วยว่า ไม่อนุญาตให้ผู้แทนอาเซียนเข้าพบนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา ซึ่งถูกคณะรัฐประหารจับกุมและดำเนินคดีในตอนนี้ โดยอ้างว่าเธอเป็นผู้ต้องหาในคดี และกระบวนการยุติธรรมของเมียนมาเป็นอิสระอยู่แล้ว

นับตั้งแต่กองทัพเมียนมาก่อรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา เกิดความรุนแรงจากการต่อต้านของประชาชน จนทำให้มีประชาชนถูกสังหารจากการใช้ความรุนแรงโดยกองทัพแล้วอย่างน้อย 1,171 คน และมีอีกกว่า 7,000 คนถูกจับกุม ขณะที่สถานการณ์ในตอนนี้กำลังน่าเป็นห่วง เนื่องจากมีการต่อสู้จากฝ่ายต่อต้าน นำโดยรัฐบาลคู่ขนานของเมียนมา โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่เป็นฐานที่มั่นของกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์