วันที่ 23 ม.ค.63 สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายอับดุลกาวี อาเหม็ด ยูซูฟ ประธานคณะตุลาการศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (The International Court of Justice :ICJ) ได้อ่านคำพิพากษาในคดีที่รัฐบาลแกมเบีย ในฐานะตัวแทนขององค์การความร่วมมืออิสลามได้ยื่นฟ้องรัฐบาลเมียนมา ในข้อหาละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการป้องกันและลงโทษอาชญากรรมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ที่สมาชิกสหประชาชาติ ( ยูเอ็น ) รวมถึงแกมเบียและเมียนมาร่วมลงนามเมื่อเดือน ธ.ค. 2491
โดยทางคณะตุลาการทั้ง 17 คน มีมติให้ รัฐบาลเมียนมาใช้ในอำนาจตามกฏหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮีนจา ไม่ว่าจะเป็นความรุนแรงต่อร่างกายหรือจิตใจแก่ชาวชาวโรฮีนจา รวมทั้งจะต้องรวบรวมหลักฐานในกรณีที่อาจเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ เพื่อให้หน่วยงานระหว่างประเทศทำการตรวจสอบ ด้านอาเหม็ด ยูซูฟ ประธานคณะผู้พิพากษากล่าวย้ำว่า รัฐบาลเมียนมาต้องจัดทำรายงานส่งให้สำนักงานเลขานุการ ICJ ทุกๆ 4 เดือน เพื่อรายงานว่าได้ดำเนินมาตรการในเรื่องดังกล่าวอย่างไรบ้าง
โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วง เดือนธันวาคมปีที่แล้ว นางอองซาน ซูจี ในฐานะที่ปรึกษาแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเมียนมา ให้การและตั้งคำถามถึงการฟ้องร้องของรัฐบาลแกมเบียว่า ไม่เหมาะสมและพยายามให้ข้อมูลที่บิดเบือนสถานการณ์ไม่มีหลักฐานเพียงพอ ของ รัฐบาลแกมเบีย พร้อมระบุว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวได้มีการดำเนินคดีต่อทหารที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนแล้ว