รัฐบาลทหารเมียนมาต่อรอง ขอซื้อวัคซีนเพิ่มจากจีน-รัสเซีย หลังเชื้อระบาดใกล้ชายแดนอินเดีย

มิน อ่อง หล่าย เร่งเจรจาหวังพึ่งวัคซีนจากจีนและรัสเซีย เหตุไม่สามารถสั่งเพิ่มจากอินเดียได้ 

วันที่ 30 มิ.ย. 2564 สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า รัฐบาลทหารของเมียนมากำลังเจรจาต่อรองเพื่อขอซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 สปุตนิก วี (Sputnik V) จากรัสเซียเพิ่ม และวางแผนที่จะติดต่อจีนเป็นชาติต่อไป เพื่อรับมือกับการระบาดระลอกล่าสุด ที่มีรายงานว่าเกิดการติดเชื้อรายใหม่บริเวณใกล้ชายแดนเมียนมา-อินเดีย

ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอาร์ไอเอ (RIA) ของรัสเซีย พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมียนมา ผู้นำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา เปิดเผยว่า ในแผนเบื้องต้นนั้นจะขอซื้อวัคซีน 2 ล้านโดส แต่ในตอนนี้ เมียนมาต้องการซื้อวัคซีนเพิ่มอีก 7 ล้านโดส

โดยในการต่อรองขอซื้อเพิ่มครั้งนี้ ทางผู้นำรัฐประหารเมียนมาไม่ได้ระบุว่าจะซื้อวัคซีนตัวเดิมอย่างสปุตนิก วี หรือวัคซีนตัวใหม่อย่าง สปุตนิก ไลต์ ที่ใช้ฉีดเพียง 1 โดส

นอกจากนั้น มิน อ่อง หล่าย ยังเผยว่า จีนได้ส่งวัคซีนจำนวนหนึ่งมาให้เมียนมาได้ใช้ และเมียนมาจะดำเนินการต่อรองกับจีนต่อไป

ทั้งนี้ เพื่อนบ้านที่มีชายแดนติดกันและเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่อย่างอินเดียไม่สามารถส่งมอบวัคซีนเพิ่มให้เมียนมาได้ เนื่องจากต้องนำไปใช้ควบคุมการระบาดภายในประเทศ

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเมียนมาระบุว่า มีผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศจำนวน 155,697 ราย เสียชีวิต 3,320 ราย นับตั้งแต่เกิดการระบาดขึ้น โดยล่าสุดในเดือนมิ.ย. มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในบริเวณชายแดนเมียนมา-อินเดีย

อย่างไรก็ตาม ทางผู้เชี่ยวชาญมองว่าจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าที่รายงานมาก เนื่องจากระบบตรวจเชื้อในเมียนมาเริ่มมีปัญหาตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อเดือนก.พ. จึงน่าจะไม่สามารถเก็บข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ