น้ำท่วมใต้ยังวิกฤตเรือประมงอับปาง สวนยางพาราน้ำท่วม จนท.เร่งช่วยเหลือ

สถานการณ์น้ำท่วม จ.นราธิวาส ยังน่าห่วง เจ้าหน้าที่เร่งกู้เรือประมงขึ้นฝั่งหลังแม่น้ำโก-ลกพัดลงทะเลก่อนอับปาง ขณะที่สวนยางพาราถูกน้ำท่วมเสียหาย ชาวสวนยางกรีดยางไม่ได้ ขาดรายได้เลี้ยงครอบครัว  

วันที่ 5 ธ.ค.2562 ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะ จ.นราธิวาส ชาวสวนยางพาราไม่สามารถกรีดยางได้ ทำให้ขาดรายได้ และยังมีพื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายจากสภาวะน้ำท่วม รวมไปถึงน้ำป่าไหลหลาก ซึ่งอาจจะมีพืชสวนทางการเกษตรได้รับความเสียหายกว่า 1,000 ไร่ เจ้าหน้าที่การยางแห่งประเทศจังหวัดนราธิวาส แต่ละอำเภอไปสำรวจพื้นที่ได้รับผลกระทบเกษตรชาวสวนยางที่ได้รับความเสียหาย โดยในส่วน กยท. นราธิวาส มีความช่วยเหลือเกษตรชาวสวนยางเกิดจากการภัยพิบัติจากกรณีน้ำท่วมรายละ 3,000 บาท เกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนกับ กยท ก่อน ในกรณีเกษตรกรชาวสวนยางได้รับความเสียหาย เจ้าหน้าที่จะไปสำรวจในพื้นที่ไก้รับผลกระทบจริงและไม่เกี่ยวทางจังหวัดประกาศภัยพิบัติ

นายพนัสพล โกสิยาภรณ์ ผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศจังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ขอให้ชาวสวนยสงพาราที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วมชะลอการกรีดยางออกไปก่อน หลังจากน้ำลดเกษตรกรสามารถไปดูแลใส่ปุ๋ย บำรุง ทายาโรคเปลือกยาเน่าอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งและคอยไปกรีดยางได้

นอกจากชาวสวนยางพาราที่ได้รับผลกระทบแล้วกลุ่มเรือประมงก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน หลังแม่น้ำสุไหงโก-ลก หลากเข้าท่วมขังพื้นที่ทางเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนเพื่อไหลระบายลงสู่ทะเลด้านปากอ่าว อ.ตากใบ มวลน้ำที่มีปริมาณมากและไหลเชี่ยวกลากพัดเอาเรือประมงสัญชาติมาเลเซีย ขนาด 70 ตัน จำนวน 1 ลำ และเรือประมง ขนาด 20 ตัน จำนวน 5 ลำ รวมเป็น 6 ลำ ที่จอดซ่อมแซมอยู่ที่อู่เรือริมตลิ่งของแม่น้ำสุไหงโก-ลกช่วงบริเวณบ้านตาบา ม.1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ ซึ่งห่างจากปากอ่าวทะเล ด้าน อ.ตากใบ ประมาณ 2 ก.ม. ได้ถูกกระแสน้ำที่เชี่ยวกลาก พัดเรือประมงทั้ง 6 ลำ ที่ผูกติดไว้กับเสาไม้ที่อู่เรือ ลอยไปกับกระแสน้ำหลุดออกจากปากอ่าว และไปเกยตื้นอยู่ที่ชายหาดห่างจากปากอ่าว ประมาณ 3 ก.ม. ตั้งแต่ในช่วงดึกของวันที่ 1 ธันวาคม 62 ที่ผ่านมา

ล่าสุดมีเรือประมงขนาด 20 ตัน จำนวน 2 ลำ ที่เกยชายหาดถูกคลื่นคลื่นที่มีกระแสลมแรงพัดจนเรือทั้ง 2 ลำเสียหาย ส่วนอีก 4 ลำ เจ้าของเรือชาวมาเลเซียและเจ้าของอู่ซ่อมเรือ ได้นำรถแบกโฮ จำนวน 7 คัน มาทำการกู้เรือทั้ง 4 ลำขึ้นฝั่ง เพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นเหมือนเรือประมง 2 ลำแรก ซึ่งการกู้เรือประมงขึ้นฝั่งในครั้งนี้ ได้มีการดำเนินการตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ โดยใช้รถแบกโฮ จำนวน 7 คัน โดย 4 คันแรก ได้ทำการขุดเนินทรายรอบๆใต้ท้องเรือให้มีลักษณะเป็นร่อง แล้วนำเชือกไปผูกที่ตัวเรือกับรถแบกโฮ ทำการดึงขึ้นฝั่ง ซึ่งขณะติดตามทำข่าวพบว่า การกู้เรือประมงแต่ละลำต้องใช้เวลานานร่วม 3 ช.ม. และได้กู้ขึ้นฝั่งแล้ว 2 ลำ เหลืออีก 2 ลำ จะมีการกู้เรือให้แล้วเสร็จภายในวันนี้

สำนักงานชลประทาน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สถานีอุตุนิยมวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ร่วมรายงานสถานการณ์โดยสภาพอากาศในพื้นที่ มีฝนอยู่ในเกณฑ์กระจาย ไม่มีฝนตกหนัก มีปริมาณฝนสูงสุดที่อำเภอจะแนะ 14.4 มิลลิเมตร ระดับน้ำในลุ่มน้ำสาย 3 หลัก ลุ่มน้ำสายบุรี ลุ่มน้ำบางนรา ลุ่มน้ำโก-ลก เริ่มลดลง แต่ในพื้นที่ลุ่มต่ำยังมีท่วมขังยังคงรอการระบาย ภาพรวมสถานการณ์ในพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดลง เจ้หน้าที่ได้เร่งให้ความช่วยเหลือ อพยพประชาชนไปอยู่ในพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้ แจกจ่ายถุงยังชีพ น้ำดื่มแก่ผู้ประสบภัย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการให้นายอำเภอ ดูแลให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้ครอบคุมผู้ประสบภัยทุกราย

สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ ทางศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ได้สรุปรายงาน มีพื้นที่ประสบภัย 13 อำเภอ 69 ตำบล 373 หมู่บ้าน 66 ชุมชนใน 3 เทศบาล ผู้ประสบภัย 47,745 คน 17,294 ครัวเรือน