‘นาโต’ โวย ‘ปูติน’ ติดตั้งนิวเคลียร์ในเบลารุส อันตราย และไร้ความรับผิดชอบ

‘นาโต’ เผยกำลังจับตาความเคลื่อนไหวรัสเซียอย่างใกล้ชิด หลัง ‘ปูติน’ ประกาศจะติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีในเบลารุส ชี้เป็นการกระทำที่อันตรายและไร้ความรับผิดชอบอย่างยิ่ง

องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต (NATO) ออกมาประณามความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่ออกมาประกาศเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า รัสเซียจะเข้าไปติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุส ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านและเป็นพันธมิตรทางการทหารที่สำคัญที่สุดอีกชาติหนึ่งของรัสเซียในสงคราม

“วาทกรรมเกี่ยวกับนิวเคลียร์ของรัสเซียนั้นอันตรายละไร้ความรับผิดชอบ นาโตกำลังเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด” โออานา ลังเกสคู โฆษกนาโตระบุ และเสริมว่า นาโตและชาติตะวันตก “ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีนิวเคลียร์ของรัสเซียที่จะทำให้เราต้องเปลี่ยนตาม” 

โฆษกนาโตเสริมว่า “คำกล่าวอ้างของรัสเซียในเรื่องการแบ่งปันอาวุธนิวเคลียร์ของนาโตนั้น ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเป็นอย่างยิ่ง เพราะพันธมิตรนาโตกระทำการต่างๆ ด้วยความเคารพต่อพันธสัญญาระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน แต่รัสเซียเป็นฝ่ายที่ละเมิดข้อตกลงในการควบคุมอาวุธมาโดยตลอด” 

ขณะเดียวกัน โจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายระหว่างประเทศของสหภาพยุโรป หรือ อียู (EU) ก็ได้ออกมาเรียกร้องให้เบลารุสยกเลิกข้อตกลงกับรัสเซีย โดยเตือนว่า ความเคลื่อนไหวนี้อาจทำให้เบลารุสต้องเผชิญกับการคว่ำบาตรเพิ่มเติม 

“เบลารุสยังสามารถหยุดเรื่องนี้ได้ นี่เป็นทางเลือกของพวกเขา” บอร์เรลล์ระบุ

ขณะที่ ชเวียตลานา ชีคาโนว์สกายา ผู้นำฝ่ายค้านของเบลารุส ซึ่งลี้ภัยอยู่ต่างประเทศได้แสดงความคิดเห็นต่อความเคลื่อนไหวของรัฐบาลในครั้งนี้ว่า “ขัดแย้งกับเจตจำนงของชาวเบลารุสอย่างมาก” และจะทำให้ประเทศต้องตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีตอบโต้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัสเซียยิ่งเป็นการกระตุ้นความกังวลเกี่ยวกับสงครามนิวเคลียร์ให้เพิ่มขึ้น โดยนักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่า นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เนื่องจากรัสเซียเคยภาคภูมิใจที่พวกเขาไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ประจำการอยู่ในประเทศอื่นๆ เหมือนกับสหรัฐฯ และถือเป็นครั้งแรกที่รัสเซียดำเนินการเช่นนี้นับตั้งแต่กลางทศวรรษที่ 1990 

ซูซี สไนเดอร์ นักวิเคราะห์จากโครงการรณรงค์นานาชาติเพื่อยุติอาวุธนิวเคลียร์ (International Campaign to Abolish Nuclear Weapons) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอัลจาซีราว่า การที่รัสเซียเข้าไปติดตั้งนิวเคลียร์ในเบลารุส อาจนำไปสู่ผลที่ตามมาอย่างร้ายแรง

“มันยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ ด้วยการเพิ่มตัวละคร ซึ่งอาจมีความสามารถในการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ และสร้างโอกาสที่จะทำให้เกิดความโกลาหล และการสื่อสารที่ผิดพลาด” สไนเดอร์กล่าว และเสริมว่า “อาวุธเหล่านี้หากถูกนำมาใช้ อาจทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงหรืออาจจะมากกว่าที่เราเห็นในฮิโรชิมาและนางาซากิเมื่อปี 1945 พวกมันจะทำให้เกิดอันตรายที่ร้ายแรงมาก” 

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงแสดงท่าทีอย่างระมัดระวัง แม้จะยอมรับว่ามีความกังวลเกี่ยวกับแผนการนิวเคลียร์ของรัสเซีย โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารระดับสูงในรัฐบาลสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า ยังไม่เห็นสัญญาณว่ารัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ในสงครามยูเครน และการประจำการอาวุธนิวเคลียร์ในครั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่ว่ารัสเซียกับเบลารุสพูดคุยกันมานานแล้ว

ด้านนักวิเคราะห์จากสถาบันศึกษาด้านสงครามในวอชิงตันให้มุมมองถึงเรื่องนี้ว่า ความเสี่ยงที่จะทำให้บานปลายกลายเป็นสงครามนั้นยังคงต่ำมาก  

ส่วนท่าทีจากฝั่งยูเครน หลังจากที่ปูตินประกาศจะติดตั้งนิวเคลียร์ในเบลารุส กระทรวงต่างประเทศยูเครนได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติจัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือในเรื่องดังกล่าว พร้อมกับร้องขอไปยังประชาคมนานาชาติให้ใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อขัดขวางไม่ให้รัสเซียใช้อาวุธนิวเคลียร์ 

ที่มา BBC Reuters Al Jazeera