SHARE

คัดลอกแล้ว

บทสัมภาษณ์ ‘NCT DREAM’ การคัมแบ็กและเติบโตไปพร้อมกับเสียงเพลง

แข็งแกร่งขึ้นทุกครั้งที่คัมแบ็กกับ 7 หนุ่ม NCT DREAM ที่พร้อมพาทุกคนเข้าสู่โหมดติดเพลง ด้วยอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ‘Glitch Mode’ (กลิตช์ โหมด) ที่ออกมาพร้อมเพลงไตเติลอย่าง ‘Glitch Mode’ ไปเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา

แน่นอนว่า workpointTODAY PLAY ได้มีโอกาสเข้าร่วมงานเเถลงข่าวเปิดตัวอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ‘Glitch Mode’ ของ NCT DREAM รวมถึงภายในงานยังได้ โดยอง หนึ่งในสมาชิกวง NCT มารับหน้าที่ MC พร้อมกับ 7 หนุ่ม NCT DREAM ที่จะเผยเบื้องหลังการทำงาน และท่าเต้นที่กำลังเป็นไวรัลจาก Glitch Mode

โดยอง หนึ่งในสมาชิกวง NCT รับหน้าที่ MC

อยากให้เล่าถึงอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ‘Glitch Mode’

มาร์ค (MARK) : ‘Glitch Mode’ เป็นอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ของ NCT DREAM ครับ โดยจะมีทั้งหมด 11 เพลง รวมถึงเพลงไตเติล ‘Glitch Mode’ ครับ พวกเราได้รับกระแสตอบรับมากมายในเชิงบวกสำหรับอัลบั้มเต็มชุดแรก และอยากแสดงให้เห็นถึงเวอร์ชันที่อัปเกรดของพวกเราเมื่อเทียบกับตอนนั้น ดังนั้น พวกเราทุกคนจึงทำงานหนักยิ่งขึ้นในอัลบั้มนี้ ผมหวังว่า แฟน ๆ จะเพลิดเพลินไปกับการฟังเพลงในอัลบั้มนี้ รวมถึงช่วยมอบความรักและสนับสนุนพวกเราต่อไปด้วยนะครับ

ก่อนการคัมแบ็ก คุณได้ทำลายสถิติของตัวเอง พร้อมได้รับสถานะว่าที่ ‘Double Million Seller’ รู้สึกอย่างไรบ้างกับความสำเร็จ และสถิติสูงสุดในเส้นทางนี้?

เจโน่ (JENO) : ผมรู้สึกขอบคุณมาก ๆ สำหรับความรักที่แฟน ๆ มอบให้กับพวกเราในอัลบั้มเต็มชุดแรก และผมขอขอบคุณจากใจจริง สำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องในอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ครับ ผมรู้สึกเซอร์ไพรส์เมื่อได้ยินเกี่ยวกับยอดสั่งจองอัลบั้มของเรา มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลยครับ แต่ก็รู้สึกดีและมอบพลังให้กับผมมาก ๆ ครับ พวกเราจะตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้แฟน ๆ ของเรารู้สึกผิดหวัง และเพื่อให้สมกับความเชื่อมั่นที่แฟน ๆ มีให้กับพวกเราครับ รวมถึงจะทำงานให้หนักขึ้น เพื่อเป็นการตอบแทนด้วยการแสดงด้านที่ยอดเยี่ยมของพวกเราครับ หวังว่าทุกคนจะคอยติดตามกันนะครับ

เล่าถึงเพลง ‘Fire Alarm’

แจมิน (JAEMIN) : ‘Fire Alarm’ เป็นเพลงเปิดเพื่อเข้าสู่อัลบั้มเต็มชุดที่ 2 ของพวกเราครับ โดยอัลบั้มนี้ ประกอบไปด้วยความตั้งใจที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับแฟน ๆ อีกครั้งครับ และพวกเราเลือกเพลง ‘Fire Alarm’ เป็นเพลงอินโทร เพราะว่ามันแสดงถึงอารมณ์โดยรวมของอัลบั้มได้ดีครับ เสียงไซเรนที่ถูกแทรกอยู่ระหว่างเพลงนั้น ค่อนข้างมีพลัง และคอนเซ็ปต์แสดงถึงเด็กหนุ่มแบดบอยที่ฝันอยากจะหลุดพ้นครับ ในตอนที่เราเริ่มทำเพลงนี้ นี่คืออารมณ์ที่เราอยากจะถ่ายทอดออกมาครับ ดังนั้น เพลงนี้เลยถูกเขียนออกมาเพื่อแสดงอารมณ์ทางดนตรีตามแนวคิดนี้ครับ

จีซอง (JISUNG) : ส่วน Mood Sampler ก็ได้มีการถ่ายทำในธีม ‘Fire Alarm’ เหมือนกันครับ ทางทีมงานอธิบายถึงคอนเซ็ปต์นี้ว่า มาจากภาพยนตร์เกาหลีเรื่อง ‘Attack The Gas Station’ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ผมแทบไม่คุ้นเลย เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายก่อนที่ผมจะเกิดอีกครับ โดยพวกเราได้นำคอนเซ็ปต์และบรรยากาศของภาพยนตร์เรื่องนี้ มาใช้ในการถ่ายทำ และตัวผมเองก็รู้สึกพอใจกับผลงานที่ออกมามาก ๆ เพราะมันรวบรวมด้านความเป็นอิสระของเราได้เป็นอย่างดีครับ

เล่าถึงเพลง ‘Better Than Gold’

แฮชาน (HAECHAN) : ‘Better Than God’ เป็นเพลงแนว Synth Pop ที่สื่อสารถึงช่วงเวลาที่เราได้ใช้ร่วมกันในปัจจุบันนั้นมีมูลค่ามากกว่าทองคำเสียอีก เหมือนกับชื่อเพลงเลยครับ มันมีทำนองแนว Funk ที่สนุกสนาน ผสมผสานกับเนื้อเพลงเชิงบวกอย่างลงตัวครับ และเป็นเพลงที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกเพลิดเพลิน ราวกับอยู่ในงานเทศกาลครับ เพลงนี้ทำให้ผมค่อนข้างตื่นเต้นเมื่อได้ฟัง และหวังว่าวันหนึ่ง พวกเราจะสามารถร้องเพลงไปด้วยกันกับ NCTzen ของเราในคอนเสิร์ตได้ครับ

เล่าถึงเพลง ‘Never Goodbye’

เฉินเล่อ (CHENLE) : ‘Never Goodbye’ เป็นเพลงโปรดของผมเลยครับ โดยเป็นเพลงแนว R&B Ballad ที่มีบรรยากาศอบอุ่น ถ่ายทอดถึงการรอคอย และคงอยู่ที่ในเดิมเสมอ เช่นเดียวกับดาวเหนือครับ อีกทั้งเพลงนี้ยังเป็นเพลงที่สมาชิกทุกคนชอบ ดังนั้น ผมเลยอยากแสดงเพลงนี้บนเวที พร้อมถ่ายทอดความรู้สึกร่วมกันกับแฟน ๆ ครับ

c (MARK) : ผมได้มีส่วนร่วมในการทำท่อนแร็ป กับทั้ง JENO, JAEMIN และ JISUNG ครับ มันเป็นเพลงที่มีแนวความคิดของดาวเหนือเป็นหลัก แต่สมาชิกแต่ละคนก็มีการตีความเพลงนี้แตกต่างกันออกไป ซึ่งแฟน ๆ จะสามารถรับรู้ได้เองเมื่อฟังเพลงนี้ครับ

เล่าถึงเพลง ‘Arcade’

เหรินจวิ้น (RENJUN) : ‘Arcade’ เป็นเพลง hip-hop ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเกมตู้ (เกม Arcade) โดยมีข้อความที่ว่า ท้ายที่สุดแล้วคุณต้องปฏิบัติตาม หากต้องการชนะในเกมนี้ครับ ผมเองก็อยากรู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร เพราะพวกเราเพิ่งได้ลองทำเพลงที่มีอารมณ์แนวนี้เป็นครั้งแรกครับ ผมพอใจกับทั้งดนตรีและท่าเต้นที่ถูกออกแบบมาอย่างดี พวกเราจะขึ้นแสดงเพลงนี้พร้อมกับเพลงไตเติล ‘Glitch Mode’ ดังนั้น รอติดตามชมกันนะครับ

เล่าถึงเพลง ‘Rewind’

เจโน่ (JENO) : ‘Rewind’ เป็นเพลงแนว medium R&B pop ที่มีความหมายเกี่ยวกับ การย้อนเวลากลับไปและชวนให้นึกถึงความทรงจำเช่นเดียวกันกับชื่อเพลงครับ ด้านเนื้อเพลงเองก็ถ่ายทอดข้อความที่เราเขียนถึงสมาชิกและแฟน ๆ ของเรา ในขณะที่เราเตรียมตัวทำอัลบั้มนี้ครับ ผมเชื่อว่าพวกเราจะหลงรักเพลงนี้มากขึ้น เพราะพวกเราทุ่มเทใจของเราลงไปด้วยครับ ไม่เพียงเท่านี้ ยังเป็นเพลงสุดท้ายของอัลบั้มด้วย หวังว่าทุกคนจะ ‘Rewind’ กลับไปฟังเพลงแรกอีกครั้ง หลังจากฟังมาทั้งอัลบั้มแล้วนะครับ

เล่าถึงเพลงไตเติล ‘Glitch Mode’

แฮชาน (HAECHAN) : ‘Glitch Mode’ เป็นเพลงแนว Hip-hop Dance ที่น่าประทับใจ พร้อมกับการร้องและเนื้อเพลงที่มีเอกลักษณ์ในท่อนคอรัสครับ เป็นเพลงที่ติดหูมาก ๆ จนหยุดนึกถึงไม่ได้ หลังจากฟังแค่เพียงครั้งเดียวครับ ผมเชื่อว่าเป็นเพลงที่เหมาะกับพวกเราสุด ๆ ครับ อาจจะเพราะนักแต่งเพลงนึกถึงพวกเราขณะแต่งเพลงไปด้วยครับ โดยเนื้อเพลงบรรยายอย่างมีลูกเล่นเกี่ยวกับ ช่วงเวลาที่ตัวแข็งราวกับหยุดชะงัก เมื่อเจอคนที่ชอบครับ

การแสดงแบบไหน ที่คุณอยากจะแสดงให้เห็น?

จีซอง (JISUNG) :การออกแบบท่าเต้นที่สอดคล้องไปกับคีย์เวิร์ดของเพลง เช่น “Lagging”, “Error”, “Electric Shock” และท่าเต้นสำคัญ คือ ท่าที่แสดงถึงช่วงที่เคลื่อนไหวซ้ำ ๆ แบบติด Buffering เหมือนชื่อเพลงครับ ท่านั้นเต้นตามได้ง่าย หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับพวกเราได้ครับ

จุดไหนที่ห้ามพลาด ในการรับชมมิวสิกวิดีโอ

เฉินเล่อ (CHENLE) : ผมได้รับสองบทบาทในมิวสิกวิดีโอ เป็นทั้งพนักงานร้านเกม และอีกบทบาทเป็นกามเทพครับ ในมิวสิกวิดีโอจะนำเสนอออกมาอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับช่วงเวลาที่ “หยุดชะงักซ้ำ ๆ” (Buffering) เมื่อตกหลุมรักใครสักคน ผมหวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับการรับชม (มิวสิกวิดีโอ) นะครับ

เหรินจวิ้น (RENJUN) : นอกจากนี้ ยังมีฉากเต้นท่า “หยุดชะงักซ้ำ ๆ” (Buffering) ซึ่งเราถ่ายทำกันโดยเล่นเพลงให้ช้าลง 0.5 เท่าในฉาก และทำให้เล่นเร็วขึ้นเป็น 2 เท่าในขั้นตอนหลังการถ่ายทำ เพื่อทำให้การ “หยุดชะงักซ้ำ ๆ” (Buffering) ดูน่าทึ่งยิ่งขึ้นครับ มันเป็นเรื่องน่าสนุกที่จะดูฉากเต้นเหล่านั้น เพราะดูเหมือนกับว่าเรากำลัง “หยุดชะงักซ้ำ ๆ” (Buffering) จริง ๆ ครับ

บอกเล่าความรู้สึกที่มีต่อมิวสิกวิดีโอนี้

มาร์ค (MARK) : นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นมิวสิกวิดีโอตัวเต็ม ที่ตัดต่ออย่างสมบูรณ์พร้อม CG ครับ ตัวเพลงเองมีความน่าสนใจในตัวอยู่แล้ว แต่ก็มีภาพประกอบอื่น ๆ เสริมเข้ามาด้วย มันเป็นมิวสิกวิดีโอที่มีความสมดุล ทั้งความสุขในการฟังและการดู อย่างสมบูรณ์แบบเลยครับ

ภาพลักษณ์แบบไหน ที่คุณอยากแสดงให้เห็นในอัลบั้มเต็มชุดที่ 2

แฮชาน (HAECHAN) : ผมต้องการแสดงภาพลักษณ์ของพวกเราในด้านความเป็นผู้ใหญ่ และเติบโตมากขึ้นกว่าอัลบั้มเต็มชุดแรกครับ อีกทั้งผมยังอยากแสดงให้เห็นว่า พวกเราแต่ละคนตีความคอนเซ็ปต์ของการ “หยุดชะงักซ้ำ ๆ” (Buffering) แตกต่างกันอย่างไร และพวกเราจะแสดงบนเวทีอย่างไรครับ

มาร์ค (MARK) : ผมเชื่อว่าคอนเซ็ปต์ของ ‘Glitch Mode’ เป็นอะไรที่เข้ากับพวกเรา NCT DREAM มาก ๆ ครับ และยังเป็นอะไรที่พวกเราเองก็ไม่เคยทำมาก่อน พวกเราเลยพยายามคิดกันอย่างหนักว่า เราจะสามารถถ่ายทอดคอนเซ็ปต์นี้ออกมาให้ดีที่สุด ในแบบของเราเองได้อย่างไร

ภาพทีเซอร์ที่ถูกปล่อยออกมา ดูมีสีสันเป็นอย่างมาก ชวนให้นึกถึงภาพยนตร์เกาหลี เรื่อง “Attack The Gas Station!” แนวคิดของอัลบั้มนี้เป็นอย่างไร และสมาชิกแต่ละคนรู้สึกพอใจกับคอนเซ็ปต์นี้มากน้อยแค่ไหน?

แฮชาน (HAECHAN) : พวกเราเองต่างก็ประทับใจในคอปเซ็ปต์ ตั้งแต่ที่ได้ยินเพลงไตเติล ‘Glitch Mode’ ครับ พวกเราเลยอยากยึดคอนเซปต์นี้เอาไว้ และแสดงอารมณ์ “ความไม่ปกติ” ผ่านหลายมุมมองที่มองเห็นได้ เริ่มตั้งแต่การแต่งกายครับ แฟน ๆ จะได้เห็นพวกเราในคอนเซ็ปต์ที่มีความอิสระ และเสื้อผ้าสีชมพูร้อนแรง ซึ่งเป็นสีที่แสดงถึงความผิดพลาด ในการพยายามที่จะรวบรวมเสน่ห์ที่ไม่ปกติ เหมือนข้อผิดพลาดครับ

เหรินจวิ้น (RENJUN) : ผมคิดว่าท่าเต้นของเพลงไตเติล ‘Glitch Mode’ เป็นอะไรที่แปลกใหม่ แล้วก็เข้ากันได้เป็นอย่างดีกับเพลงและคอปเซ็ปต์ครับ เพราะฉะนั้น ผมหวังว่าทุกคนจะชอบกันนะครับ

ทำไมถึงเลือกให้ ‘Glitch Mode’ เป็นเพลงไตเติล ตอนที่ได้ฟังครั้งแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง?

เจโน่ (JENO) : ด้วยตัวคอนเซ็ปต์ของเพลงค่อนข้างชัดเจน และเข้ากันได้ดีกับธีมของอัลบั้ม ‘Glitch Mode’ ครับ นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมีองค์ประกอบมากมายที่น่าสนุก ซึ่งเราสามารถนำไปถ่ายทอดในการแสดงบนเวทีได้ครับ และตัวเพลงเองก็มีความสนุกสนาน มีลูกเล่น เลยเป็นเหตุผลที่พวกเราเลือกให้เป็นเพลงไตเติลครับ ตั้งแต่ได้ยินเพลงนี้ครั้งแรก ผมก็มีภาพในหัวเลยครับว่า เราควรจะถ่ายทอดออกมาอย่างไร สมาชิกทุกคนใช้เวลาอย่างมากในการใส่ใจทุ่มเท เพื่อถ่ายทอดท่าเต้นออกมาให้ดีที่สุดครับ

จีซอง (JISUNG) : สมาชิกต่างก็บอกกันว่า เป็นเพลงที่สามารถติดหูได้ทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ฟัง ผมเองก็ชอบที่หลาย ๆ ท่อนของเพลงนั้น ถูกถ่ายทอดออกมาได้ดีผ่านท่าเต้นครับ

เพลงไหนที่ชอบมากที่สุด ในบรรดาทั้ง 11 เพลงในอัลบั้มนี้

เฉินเล่อ (CHENLE) : ‘Never Goodbye’ ครับ เป็นเพลงโปรดของผมเลย กับอีกเพลงที่ชอบรองมา คือ ‘Better Than Gold’ ครับ ทั้งสองเพลงมีอารมณ์ที่ดี สนุก และเต็มไปด้วยพลังในการแสดงสดบนเวทีครับ เมื่อฟังเพลงนี้ ผมสามารถจินตนาการได้ถึงภาพที่พวกเรามีปาร์ตี้กับแฟน ๆ ทุกคนในคอนเสิร์ตครับ

แฮชาน (HAECHAN) : เพลงโปรดของผม คือ ‘Teddy Bear’ เพราะว่าแฟน ๆ ชอบเรียกผมว่า ‘Teddy Bear’ และตัวเพลงเองก็ให้อารมณ์แบบอบอุ่น ซึ่งผมขอแนะนำให้ฟังเพลงนี้ตอนกลางคืนช่วงเวลาเข้านอน เหมือนกับชื่อภาษาเกาหลีของเพลงนี้ที่มีความหมายว่า ‘ฝันดี’ (Good Night) ครับ นอกจากนี้ ยังถ่ายทอดการประสานเสียงร้องอันยอดเยี่ยมของสมาชิกด้วยครับ

จีซอง (JISUNG) :       ผมชอบเพลง ‘Never Goodbye’ ที่สุดครับ ซึ่งเป็นเพลงที่ไพเราะ แต่ดูเหมือนจะเศร้ากว่าเพลงอื่น ๆ ในอัลบั้มที่ผ่านมา อย่างเพลง ‘Dear Dream’, ‘My Youth’ และ ‘Rainbow’ โดยเพลง ‘Never Goodbye’ จะมีกลิ่นอายคล้าย ๆ กับเพลงเหล่านั้นครับ แล้วผมก็ชอบเพลงนี้ เพราะทำให้ผมได้จินตนาการถึงเรื่องราวในระหว่างที่ฟัง บางทีอาจเป็นเพราะว่าพวกเราเป็นคนเขียนเนื้อเพลงนี้ด้วยตัวเองครับ

แจมิน (JAEMIN) :        เหมือนกันครับ ผมชอบ ‘Never Goodbye’ มากที่สุด แล้วก็เพลง ‘Rewind’ ถ้าให้เลือกได้อีกนะครับ เป็นเพราะชวนให้นึกถึงความทรงจำในตอนที่มีความสุขขณะเราซ้อมเพลงกันครับ และเพราะว่าผมชอบเพลง ‘Rewind’ ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายในอัลบั้ม ก็เลยทำให้ผมได้ฟังเพลงย้อนกลับขึ้นมา จากเพลงที่ 11 มาที่เพลงแรกครับ

เจโน่ (JENO) : ผมเคยชอบเพลง ‘Drive’ มาก ๆ ครับ แต่ทุกวันนี้ชอบเพลง ‘Fire Alarm’ ครับ ผมมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก และท้าทายมาก ๆ ในตอนที่อัดเพลงนี้ เลยทำให้มีความหมายกับผมมากทีเดียวครับ อีกทั้งยังประทับใจว่า เพลงนี้เป็นเพลงเดียวที่ผมจำเนื้อเพลงท่อนคอรัสได้โดยที่แทบจะไม่ต้องท่องเลยครับ

เหรินจวิ้น (RENJUN) : ผมชอบเพลง ‘Drive’ เพราะว่าช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและสงบเมื่อตอนที่ได้ฟังครั้งแรก แต่เพลง ‘Rewind’ ก็เป็นหนึ่งในเพลงโปรดเหมือนกันนะครับ ชอบทั้งสองเพลงเลยครับ เพราะให้ความรู้สึกที่สดใสร่าเริงเหมือนกันครับ

มาร์ค (MARK) : ‘Saturday Drip’ คือ เพลงโปรดของผมที่อยากแนะนำครับ ไม่ใช่แค่เพราะว่าตัวเพลงให้ความสนุก แต่ยังเป็นเพลงยูนิตแร็ปเพลงแรกที่เราปล่อยออกมา ผมตื่นเต้นมาก ๆ ที่จะนำเสนอด้านนี้ของเราให้แฟน ๆ ได้รู้จักเป็นครั้งแรก

ดูเหมือนกว่า NCT DREAM มีพัฒนาการ จากการเป็นวงไอดอล “วัยรุ่น” (High Teen) ไปสู่วงที่นำเสนอ “ความเป็นหนุ่ม” (Youth) มากขึ้น ในระหว่างที่ทำอัลบั้มชุดที่ 2 นี้ มีช่วงเวลาไหนบ้างที่ทำให้คุณรู้สึกเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เจโน่ (JENO) : ผมรู้สึกว่าพวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเมื่อได้เรียนรู้ว่าพวกเราเท่/เก่งอะไร พอเห็นแบบนั้นก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าพวกเรา “เติบโตขึ้น” มากจริง ๆ จากตอนเดบิวต์ครับ ผมเชื่อว่าพวกเราสามารถทำงานอัลบั้มเพลงอย่างหนักได้ และสามารถนำเสนอมิวสิกวิดีโอและการแสดงที่ยอดเยี่ยมได้ด้วยครับ

แจมิน (JAEMIN) : โดยส่วนตัว ผมคิดว่าภาพเราค่อนข้างดูโตขึ้นมากจาก ‘Chewing Gum’ ที่เป็นไอดอลวัยรุ่น (high Teen) จนมาถึงตอนนี้ครับ สมาชิกทำงานหนักมาด้วยกันจนถึงปัจจุบันกับอัลบั้มชุดใหม่ ‘Glitch Mode’ ก็ต้องขอบคุณ NCTzen ด้วยครับ อย่างไรก็ตาม เวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ก็ยังเล่นซนกันเป็นเด็กอยู่นะครับ

สีสันของเพลงของ NCT DREAM เหมือนจะค่อย ๆ เปลี่ยนไป คิดอย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงนี้ เทียบกับตั้งแต่เดบิวต์

มาร์ค (MARK) : ผู้คนมากมายได้เห็นถึงการเติบโตมากขึ้นของพวกเราจากช่วง ‘Chewing Gum’ ผมเลยคิดเสมอว่าพวกเราเป็นวงที่มีพัฒนาการอยู่ตลอด เมื่อมองผ่านอัลบั้ม ‘Glitch Mode’ นี้ คุณจะเห็นได้ถึงความแตกต่าง ทั้งด้านความเป็นผู้ใหญ่ วุฒิภาวะที่ลึกซึ้งขึ้น เมื่อเทียบกับช่วง ‘Hot Sauce’  และผมรู้สึกเหมือนว่า พวกเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในด้านจิตใจเช่นกันครับ ตอนที่เราเตรียมงานของอัลบั้ม พวกเรายึดมั่นกับความคิดที่จะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อนำเสนอผลงานที่ดีที่สุดครับ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ผมคาดหวังว่าจะสัมผัสได้ถึงรายละเอียดที่พวกเราใส่ไปในเพลงนะครับ นอกจากนี้ ผมเชื่อว่าความท้าท้ายตัวเองที่มีอยู่ตลอดนั้น เป็นสีสันที่นิยามความเป็น NCT DREAM ครับ

จีซอง (JISUNG) : โดยส่วนตัวผมคิดว่า การเติบโต คือ สีสันของเพลงของ NCT DREAM ครับ ถ้าคุณได้ฟัง ‘Chewing Gum’ ก็จะรู้สึกว่า พวกเรายังเป็นเด็กน้อยที่น่ารักเหมือนเมื่อก่อน แต่ถ้าคุณฟัง ‘Glitch Mode’ ก็จะรู้ได้เลยว่า พวกเราเติบโต และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเมื่อเทียบกับตอนเดบิวต์ครับ พวกเราเองก็รู้สึกว่า พวกเราเติบโตไปพร้อม ๆ กับผลงานแต่ละอัลบั้มเช่นกันครับ

ในปีที่แล้ว อัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกคุณ มียอดจำหน่ายทะลุ 3 ล้านชุด ขึ้นแท่นเป็น Triple Million Seller สำหรับในอัลบั้มเต็มชุดนี้ คาดหวังในการประสบความสำเร็จไว้อย่างไรบ้าง?

เหรินจวิ้น (RENJUN) : สำหรับอัลบั้มเต็มชุดแรกอย่าง ‘Hot Sauce’ เราเน้นไปที่ความสนุกสนานผ่านการแสดงบนเวทีเป็นหลัก ไม่ได้นึกถึงผลลัทธ์มากเท่าไรครับ อย่างไรก็ตาม พวกเราได้รับความรักมากมาย และรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากสำหรับการสนับสนุน ดังนั้น ในครั้งนี้ พวกเราจึงเตรียมอัลบั้มชุดนี้ เพื่อตอบแทนทุกการสนับสนุนที่เราได้รับมาโดยตลอด และเพื่อพิสูจน์ว่า พวกเราเป็นวงที่คู่ควรกับความรักมากมายเหล่านั้นครั้บ

มาร์ค (MARK) : เป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่จะเตรียมอัลบั้มหรือคัมแบ็กโดยไม่นึกถึง NCTzen แบบที่ เหรินจวิ้น (RENJUN) บอกครับ พวกเราพยายามที่จะไม่ทำให้ความรักและการสนับสนุนจากแฟน ๆ เสียเปล่า และถือเป็นจุดมุ่งหมายของเราที่จะถ่ายทอดสะท้อนความรู้สึกเหล่านั้นลงในอัลบั้ม เพื่อให้ NCTzen ได้รับรู้ครับ

นอกจากนี้ พวกเรายังคิดว่าอัลบั้มเต็มชุดที่ 2 นี้ ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของการเติบโตของพวกเรา และพวกเราจะพัฒนาตัวเองต่อไปครับ ผมหวังว่าทั้งหมดนี้ จะถูกส่งไปถึงแฟน ๆ ของเรา และต้องการแสดงให้เห็นจริง ๆ ว่าพวกเรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นขนาดไหนครับ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า