SHARE

คัดลอกแล้ว

สหรัฐฯ ชะลอการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ประเทศคู่ค้าในอัตรา 10-49% ที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เม.ย. นาน 90 วัน (9 เม.ย. – 9 ก.ค.) ถือว่าเป็น “ช่วงทดเวลา” เปิดทางให้ประเทศคู่ค้าเจรจาข้อแลกเปลี่ยนเพื่อขอลดอัตราภาษีตอบโต้ลงได้ แต่ละประเทศต้องงัด “ศิลปะการเจรจาต่อรอง” ออกมาใช้ โดยเฉพาะประเทศที่เกินดุลการค้าสหรัฐฯ สูง ไม่เช่นนั้นอาจถูกสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตราสูงมาก

ผ่านไป 30 วันแรกเริ่มเห็นพัฒนาการเชิงบวกขึ้น สหรัฐฯ ประกาศความสำเร็จในการเจรจาดีลกับ “สหราชอาณาจักร” เป็นประเทศแรกเมื่อวันที่ 8 พ.ค. นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่า อาจเห็นการทยอยประกาศดีลกับประเทศอื่นตามมาในไม่ช้า จากนั้นไม่นานก็เริ่มเห็นสัญญาณสหรัฐฯ และจีนนับหนึ่งหันหน้าเจรจาลดภาษีตอบโต้กันชั่วคราว หลังจากที่มีการตอบโต้ขึ้นภาษีนำเข้ากันรุนแรงกว่า 100% ในช่วงเดือน เม.ย.

จะเห็นว่าแต่ละประเทศกำลังเจอโจทย์ภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ เหมือนกัน แต่ระดับความรุนแรง ความเร่งด่วน รวมถึงความสามารถในการเตรียมข้อแลกเปลี่ยนและการเจรจาต่อรองต่างกัน จึงน่าสนใจว่าประเทศต่างๆ เลือกใช้กลยุทธ์เจรจาสหรัฐฯ แบบใด โดยเฉพาะอาเซียน ที่สำคัญท่าทีเดินเกมของไทยเป็นอย่างไรหากเทียบชาติอื่น ไม้แข็ง-ไม้นวม กลยุทธ์เจรจากับสหรัฐฯ

[ รวมกลยุทธ์งัดหมัดกับสหรัฐฯ ]

ท่าทีประเทศคู่ค้าตอบสนองต่อการประกาศขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ แตกต่างกันค่อนข้างชัด 

– ตอบโต้แข็งกร้าว (Aggressie) เช่น จีน ตอบโต้สหรัฐฯ หลายท่า เช่น 1) หลังถูกสหรัฐฯ ประกาศภาษีตอบโต้อีก 34% ในวันที่ 2 เม.ย. จีนขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ ทันที ทำให้สหรัฐฯ โต้กลับหลายรอบ จนภาษีสูงถึง 145% (สหรัฐฯ เก็บจีน) และ 125% (จีนเก็บสหรัฐฯ) รวมถึงออกมาตรการไม่ใช่ภาษี เช่น 2) จำกัดการส่งออกแร่ธาตุหายากไปสหรัฐฯ 

3) เพิ่มรายชื่อ 16 บริษัทสหรัฐฯ ในรายการ unreliable entities 4) สอบสวนการผูกขาดและเลี่ยงภาษีของบริษัทสหรัฐฯ ในจีน และ 5) ระงับการนำเข้าเครื่องบิน Boeing ไม้แปรรูป และถั่วเหลืองสหรัฐฯ การตอบโต้เช่นนี้เป็น lose-lose game แต่ไม่มีฝ่ายใดอยากเริ่มขอเจรจาก่อนในช่วงเดือน เม.ย.

อย่างไรก็ดี ในช่วงวันที่ 10-11 พ.ค. ผู้แทนระดับสูงของทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มหันหน้าเจรจานับหนึ่งที่กรุงเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ประกาศผลหลังเจรจาเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ตกลงลดภาษีตอบโต้กันชั่วคราว 90 วัน ลงมาเหลือ 10% (จีนเก็บสหรัฐฯ) และ 30% (สหรัฐฯ เก็บจีน รวมอัตราภาษีนำเข้าที่สหรัฐฯ เก็บจีนเพิ่มจากประเด็น Fentanyl 20% ด้วยแล้ว) 

และจีนจะยกเลิกมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีทั้งหมดต่อสหรัฐฯ ที่ประกาศออกมาหลัง 2 พ.ค. ชั่วคราวเช่นกัน พัฒนาการนี้ช่วยลดบรรยากาศความตึงเครียดทางการค้าโลกลงได้ระดับหนึ่ง ที่สำคัญเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้โลกเริ่มมีความหวังว่า สองประเทศใหญ่จะหารือกันต่อเนื่องและดีลกันได้ในอีกไม่นาน เพราะดีกว่าปล่อยให้เศรษฐกิจทั้งสองฝ่ายต้องเจ็บหนัก

– เจรจามีชั้นเชิง (Strategic) หลายประเทศมีกลยุทธ์เฉพาะ หรือพอจะมีอำนาจต่อรองกับสหรัฐฯ ให้ข้อเสนอให้เกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่ายได้บ้าง เช่น สหราชอาณาจักร (UK) เจรจาดีลสำเร็จเป็นประเทศแรกแบบ win-win 

โดยสหรัฐฯ ได้ประโยชน์จากอัตราภาษีขั้นต่ำที่จะเก็บได้เพิ่ม 10% และจะส่งออกเข้าตลาด UK ได้เพิ่มหลายมูลค่ารวม 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสินค้า Ethanol สินค้าเกษตร เนื้อวัว และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ ขณะที่ UK ต่อรองขอลดอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์เหลือ 10% สำหรับ 100,000 คันแรกได้ 

หากเกินนี้จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษี Specific tariff 25% ตามเดิม ส่วนสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม UK ขอลดภาษีจาก 25% ไว้ โดยสหรัฐฯ จะตั้ง New Trading Union ขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้เฉพาะให้ รวมถึงสินค้ายาและเวชภัณฑ์ของ UK ที่จะได้รับ Preferential rate ซึ่งสหรัฐฯ มองว่าการลดภาษี Specific tariffs บางรายการให้ UK เป็นประโยชน์ต่อห่วงโซ่อุปทานการผลิตในสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน

ญี่ปุ่น เน้นบทบาทในฐานะนักลงทุนรายใหญ่ในสหรัฐฯ เป็นแต้มต่อในการเจรจาเชิงยุทธศาสตร์ แม้จะเจรจากับสหรัฐฯ หลายรอบ แต่ยังไม่ยอมตามข้อเรียกร้องสหรัฐฯ ง่าย ๆ เพราะต้องการหาทางร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ญี่ปุ่นอาจยอมเปิดตลาดบางส่วน เช่น บริการและสินค้าเกษตร แลกกับการขอยกเว้นภาษีสินค้ารถยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ 

อย่างไรก็ดี ญี่ปุ่นมีอำนาจต่อรองระดับหนึ่ง เพราะถือไพ่หลายใบอยู่ในมือ และบอกว่า พร้อมจะใช้ทุกเครื่องมือในการเจรจา โดยรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นกล่าวไว้เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ว่า “We obviously need to put all cards on the table in negotiations.” เป็นการสื่อสารอ้อมๆ ว่า สามารถเลือกใช้ “ไพ่พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ” ในมือก็ได้ แต่ไม่ได้พูดว่าจะ “ขายพันธบัตร” ออกมาตรง ๆ จึงยังไม่กระทบต่อความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯ

– ร่วมมือเชิงรุก (Proactively cooperative) เช่น อินเดีย ไม่ตอบโต้ด้วยมาตรการภาษี แต่เร่งเจรจาหลายรอบ ให้ความร่วมมือตอบสนองเชิงบวกเร็วต่อข้อเสนอของสหรัฐฯ หวังจะปิดดีลได้รวดเร็ว โดยนาย Scott Bressent รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า อินเดียจะเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐฯ “I would guess that India would be one of the first trade deals we would sign.” 

ด้านอินเดียเองก็เห็นประโยชน์จากโอกาสนี้ในการขยับสถานะทางเศรษฐกิจและสร้างพันธมิตรระยะยาวกับสหรัฐฯ รวมถึงแสดงความพร้อมจะเปิดตลาดบางส่วนเพื่อแลกกับการขอยกเว้นภาษีสินค้ากลุ่มเทคโนโลยีและยา

– รอดูท่าที (Wait-and-See/Passive) เช่น หลายประเทศในอาเซียน UAE ประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ เลือกที่จะไม่ตอบโต้เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระยะยาว แต่ยังไม่มีท่าทีที่ชัดเจนในการเจรจา ขอรอดูสถานการณ์

[ ประเทศอาเซียนเดินเกมอย่างไร ] 

ประเทศในอาเซียนไม่ได้มีอำนาจต่อรองเหมือนประเทศใหญ่ข้างต้น จึงเลือกเดินเกมเจรจาสหรัฐฯ แบบร่วมมือเชิงรุก หรือรอดูท่าที เช่น เวียดนาม-ร่วมมือเชิงรุก ประเทศเกินดุลการค้าสหรัฐฯ มูลค่า 1.24 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024 ติดอันดับสามรองจากจีนและเม็กซิโก มีลักษณะการเดินเกมเจรจาเชิงรุกแบบ “proactive, constructive, and goodwill-driven approach” ให้ความร่วมมือกับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่องจริงจังในหลายระดับ เพื่อขอลดภาษีตอบโต้อัตรา 46% ลง 

โดยได้ยื่นข้อเสนอเปิดตลาดจะนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น เช่น ก๊าซธรรมชาติ และเครื่องบิน รวมถึงยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ เพื่อลดการเกินดุล และแสดงความตั้งใจจะเข้มงวดสินค้าจีนสวมสิทธิในประเด็น Country of Origin ที่สหรัฐฯ ต้องการให้แก้ไข หลังการเจรจากับสหรัฐฯ 

ล่าสุดในวันที่ 7 พ.ค. รัฐบาลเวียดนามได้หารือภาคเอกชนเพื่อจัดทำข้อตกลงจัดซื้อสินค้าสหรัฐฯ มากขึ้น เพื่อต้องการเห็นผลลดการเกินดุลสหรัฐฯ อย่างเป็นรูปธรรมภายในเดือน มิ.ย. และในช่วงข้างหน้า ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ มองว่ามีพัฒนาการเชิงบวก

สิงคโปร์-ร่วมมือเชิงรุก แม้จะขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ แต่กลับถูกสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีอัตราขั้นต่ำ 10% อย่างไรก็ดี สิงคโปร์มองว่าจะไม่ตอบโต้ แต่ต้องการให้ความร่วมมือสหรัฐฯ ใช้บทบาททางการเงินและโลจิสติกส์ในการรักษาความได้เปรียบ หลังการหารือปลายเดือน เม.ย. รัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการให้สิงคโปร์เสนอ Creative solutions เสริมความแข็งแกร่งการค้าสองฝ่ายกับสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าและเทคโนโลยีสำคัญ คือ 1) ยาและเวชภัณฑ์ ซึ่งมีสัดส่วนถึง 10% ของการส่งออกไปสหรัฐฯ และ 2) Artificial intelligence chips ที่บริษัท Data centers ในสิงคโปร์ต้องการเข้าถึง จากมาตรการควบคุมสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ

น่าสังเกตว่า แม้สิงคโปร์จะถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้อัตราต่ำสุดในอาเซียน แต่ผู้นำออกมาเตือนประชาชนว่าสงครามการค้าโลกรอบนี้จะทำให้ยุคโลกาภิวัตน์ที่มีระบบกฎเกณฑ์สิ้นสุดลง กติกาใหม่ของโลกกลายเป็นการเจรจาเลือกปฏิบัติ เก็บภาษีรายประเทศ/รายสินค้า เป็นความเสี่ยงเชิงระบบต่อประเทศเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็ก เช่น สิงคโปร์พึ่งพาการค้าระหว่างประเทศสูงกว่า 300% ของ GDP ประชาชนทุกคนจึงต้องเตรียมความพร้อม รัฐบาลเตรียมมาตรการสนับสนุนธุรกิจและแรงงานที่อาจได้รับผลกระทบให้ปรับตัวได้เร็ว

หลายประเทศในอาเซียนยังรอดูท่าที เช่น ไทย ฟิลิปปินส์ ลาว และยังไม่มีสื่อสารท่าทีที่ชัดเจน อยู่ในช่วงเตรียมการ และยังไม่ได้เริ่มเจรจาพูดคุยกับสหรัฐฯ

[ อาเซียนจับมือกันสร้างพลังต่อรอง ]

มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนปีนี้เป็นผู้นำในการประสานท่าทีร่วม และได้จัดประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจพิเศษ (Special AEM) อาเซียน เมื่อวันที่ 10 เม.ย. พร้อมแถลงการณ์สื่อสารท่าทีอาเซียนต่อมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ระบุถึงความกังวลจากการเก็บภาษีฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ ว่าจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ห่วงโซ่อุปทานโลก และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระยะยาวระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ นอกจากนี้ยังประกาศชัดว่าจะไม่ใช้มาตรการตอบโต้

และยืนยันยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคี เน้นการเจรจาสหรัฐฯ บนความร่วมมือและการรักษาเสถียรภาพของภูมิภาค นอกจากนี้ มาเลเซียเริ่มผลักดันแนวคิด “รวมพลังต่อรองร่วม (Collective bargaining) เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในประเด็นร่วมและสร้างมาตรฐานร่วมในอาเซียน” ซึ่งการดำเนินการใหม่ร่วมกันเช่นนี้ต้องจัดตั้ง Trade taskforce เฉพาะกิจ และประสานผลประโยชน์ท่าทีภายในกลุ่มให้เกิดขึ้น

นัยต่ออาเซียน จึงจำเป็นต้องตอบสนองเชิงกลยุทธ์แบบไม่แข็งกร้าว รวมตัวเข้มแข็งขึ้นเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง โดยต้องมีท่าทีชัดเจน มีการประสานงานระดับภูมิภาค เสนอผลประโยชน์ร่วมกันต่อสหรัฐฯ ในสิ่งที่จับต้องได้จาก “การต่อรองแบบแพ็คเกจ”

เช่น 1) เปิดตลาดสินค้าเกษตร แลกกับการลดภาษีสินค้าเฉพาะบางรายการที่เป็นสินค้าออกสำคัญ 2) เสนอความร่วมมือกันในประเด็นที่สหรัฐฯ ต้องการ เช่น มาตรการกีดกันการค้าที่มิใช่ภาษี การจัดการลิขสิทธิ์ทางปัญญา การป้องกันสินค้าจีนสวมสิทธิในประเด็น Country of Origin การเป็นแหล่งผลิตพลังงานสะอาด โลจิสติกส์เชื่อมโยงตลาดภูมิภาค รวมถึงประเด็นความมั่นคงในการรักษาสมดุลระหว่างสหรัฐฯ กับจีน

สำหรับไทย ภาครัฐควรเร่งท่าทีเชิงรุกในการเจรจากับสหรัฐฯ ทั้งระดับทวิภาคีและอาเซียน พร้อมสร้างกลไกภายในประเทศเพื่อรองรับผลกระทบ เช่น ช่วยเหลือภาคธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบ เร่งกระจายตลาดใหม่และเจรจาการค้าเสรีกับพันธมิตรใหม่ มีบทบาทร่วมในอาเซียนเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองบนผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงสื่อสารอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความเข้าใจสถานการณ์ ผลกระทบ และความพร้อมปรับตัวของประชาชน

“The Art of the Deal” คือศิลปะที่ทีมเจรจาการค้าทุกระดับของทุกประเทศต้องเลือกใช้กลยุทธ์มุ่งให้เกิด win-win สำหรับชาติอาเซียนเป็นโอกาสให้หันมาสร้างอำนาจต่อรองร่วมกันจากพลังของภูมิภาค ไทยเองก็ต้องรู้ว่ากำลังยืนอยู่ในตำแหน่งไหนในสนามนี้ เพราะช่วงทดเวลา 90 วันกำลังนับถอยหลังแล้ว ถึงเวลาภาครัฐต้องเร่งสร้างความคืบหน้า สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความไม่แน่นอนและผลกระทบที่กำลังเกิดขึ้น

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า