SHARE

คัดลอกแล้ว

เริ่มต้นฉายตอนแรกไปแล้วกับ Mr. Sunshine (สุภาพบุรุษตะวันฉาย) ซีรี่ส์เกาหลีฟอร์มยักษ์ที่หลายคนตั้งตาคอย เพราะเป็นการร่วมมือกันครั้งที่ 3 ของผู้กำกับ อี อึงบก และผู้เขียนบท คิม อึนซุก จากทีมผู้สร้างซีรี่ส์ยอดนิยมอย่าง Descendants of the Sun และ Goblin ทั้งยังเป็นโอกาสในการหวนคืนสู่แวดวงซีรี่ส์ของ อี บยองฮอน หลังจากห่างหายไปเดินในเส้นทางสายภาพยนตร์อยู่นานถึง 9 ปี ประกบคู่กับ คิม แทรี นักแสดงสาวดางรุ่ง สร้างความตื่นเต้นให้กับแฟน ๆ มากขึ้นไปอีก

ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ ได้รับเกียรติเข้าร่วมงานแถลงข่าวของ Mr. Sunshine ที่ Patio 9 กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ถือได้ว่าเป็นอีเว้นท์ใหญ่ระดับสากลเพราะนอกจากสื่อในประเทศที่มาร่วมงานอย่างคับคั่งแล้ว ยังมีสื่อต่างประเทศมากมายที่ได้รับเชิญมาในครั้งนี้ด้วย เนื่องจาก Netflix ได้ประกาศการซื้อลิขสิทธิ์ของ Mr. Sunshine เพื่อออกอากาศให้ผู้ชมทั่วโลกได้รับชมซีรี่ส์เรื่องนี้ไปพร้อมกัน

Mr. Sunshine (สุภาพบุรุษตะวันฉาย) เป็นเรื่องราวที่เกิดในช่วง ชินมิยังเกียว (Shinmiyangyo) หรือยุคที่มีการเข้ามาของทหารอเมริกันในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โดยเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กชายชาวเกาหลีที่เกิดในครอบครัวคนรับใช้ที่หนีไปพร้อมกับเรือรบอเมริกัน และกลับมาประเทศบ้านเกิดอีกครั้งในฐานะนายทหารประจำกองทัพเรือสหรัฐฯ แล้วโชคชะตาก็ทำให้เขาตกหลุมรักลูกสาวของตระกูลสูงศักดิ์ และได้เห็นถึงแผนการร้ายในการปกครองประเทศที่ครั้งหนึ่งเขาเคยหนีจากไป

ซีรี่ส์เรื่องนี้นำแสดงโดย อี บยองฮอน นักแสดงมากฝีมือที่เคยฝากผลงานในบทสตอร์ม แชโดว์ ในภาพยนตร์เรื่อง G.I. Joe ถึง 2 ภาค และบทฮันโชไบ ในภาพยนตร์เรื่อง Red 2 คราวนี้เขามาในบทบาทของ ชเว ยูจีน ชายเชื้อสายเอเชียเพียงคนเดียวในกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯ ที่ต้องเดินทางกลับมาเกาหลีเพื่อปฏิบัติภารกิจ และ คิม แทรี นักแสดงสาวที่โด่งดังจากเรื่อง The Handmaiden ที่มารับบทเป็น โก แอชิน หญิงสาวจากตระกูลสูงศักดิ์ของโชซอน ร่วมด้วย ยู ยอนซอก, คิม มินจอง และ บยอนโยฮัน ที่ต่างก็ได้รับบทสำคัญไม่แพ้กันในซีรี่ส์เรื่องนี้

นอกจากนักแสดงนำทั้ง 5 คน แล้ว ภายในงานแถลงข่าวเรายังได้พบกับผู้กำกับ อี อึงบก ที่มาร่วมเล่าถึงการถ่ายทำ และการร่วมงานในโปรเจคซีรีส์ฟอร์มยักษ์ในครั้งนี้อีกด้วย

“ส่วนใหญ่ซีรี่ส์ประวัติศาสตร์หลาย ๆ เรื่องจะย้อนไปในช่วงปี 1930 แต่เราย้อนไปไกลกว่านั้น เป็นโชซอนช่วงปี 1905 ซึ่งไม่ค่อยมีหลักฐาน หรือข้อมูลอะไรให้ค้นหาเท่าไหร่ มันจึงค่อนข้างลำบากในตอนที่เราจะต้องสร้างฉากต่าง ๆ ให้ออกมาเหมือนจริง อีกทั้งตัวละครหลาย ๆ ตัวก็มีที่มาจากหลายที่ เราเลยยิ่งต้องทำงานหนักในการออกแบบฉากให้เข้ากับทุก ๆ คาร์แรคเตอร์ ซีรี่ส์เรื่องนี้ได้รับการตอบรับ และความคาดหวังที่สูงมากทันทีที่ปล่อยข่าวออกไป ผมก็เลยยิ่งอยากจะสร้างผลงานดี ๆ ให้คนที่เสียสละชีวิตในยุคนั้นมาภูมิใจกับเราด้วย”

ด้านนักแสดงนำทั้ง 5 ก็ได้มีโอกาสบอกเล่าเกี่ยวกับบทบาทของตัวเอง ความรู้สึก และเรื่องราวระหว่างถ่ายทำ ให้แฟน ๆ เตรียมตั้งตารอชมผลงานฟอร์มยักษ์จากความตั้งใจของทั้งผู้กำกับและทีมงานในครั้งนี้ได้เลย

อี บยองฮยอน : ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับทั้งผู้กำกับ และผู้เขียนบทที่มีฝีมือ พอได้อ่านบทที่เล่าถึงยุคปลายศตวรรษที่ 18 ต้นศตวรรษที่ 19 แค่นี้ก็รู้สึกน่าค้นหาและแตกต่างที่ซีรี่ส์ย้อนยุคอื่น ๆ แล้ว ปกติคนเกาหลีมักจะได้รับบทรักชาติ รักแผ่นดิน แต่คาร์แรคเตอร์นี้แม้จะเป็นคนเกาหลี แต่ก็ไปเติบโตที่อเมริกา เขาก็เลยมีมุมมองความคิดแตกต่างออกไป มันจึงไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ผมจะไม่รับเล่นซีรี่ส์เรื่องนี้ครับ

คิม แทรี : สำหรับบทบาทของฉัน แอชิน เป็นผู้หญิงไฟแรง และมีความมุ่งมั่นมาก ๆ เธอไม่ได้ตัดสินใจเดินในเส้นทางที่ลำบากเพราะถูกบังคับ แต่เป็นเพราะเธอเลือกเส้นทางนี้เอง ก็ต้องทำการบ้านเยอะมาก ๆ ค่ะ ว่าจะแสดงออกมายังไงที่จะเป็นคนที่ต้องการปกป้องครอบครัว โดยที่ยังเป็นคุณหนูอยู่เหมือนเดิม ฉันก็จะพยายามสื่อสารความรู้สึกของตัวละครตัวนี้ออกมาให้ได้หลาย ๆ มุม เพื่อไม่ให้แฟน ๆ ต้องผิดหวังค่ะ

“การได้มาร่วมงานกับรุ่นพี่อี บยองฮยอนก็มีคนถามเยอะมากว่ากดดันไหม เพราะนี่เป็นซีรี่ส์เรื่องแรกของฉัน แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกเป็นเกียรติมากกว่าค่ะ ทีแรกก็ค่อนข้างกังวลว่าจะทำได้ไม่ดี แต่รุ่นพี่อี บยองฮยอนก็ช่วยแนะนำเยอะมาก แล้วก็ไม่ถือตัวเลยทำให้การถ่ายทำเป็นไปอย่างสบาย ๆ มาก”

ยู ยอนซอก : ที่จริงผมเป็นแฟนผลงานของทั้งผู้กำกับ และผู้เขียนบทอยู่แล้วครับ ยิ่งบทบาทที่ได้เป็นคาร์แรคเตอร์ที่ดูเจ็บปวด โศกเศร้า แล้วก็เย็นชา ก็รู้สึกว่าท้าทายมาก เพราะปกติผมมักจะได้รับบทเรียบร้อย โรแมนติกมาตลอด มาคราวนี้ผมได้เป็นตัวละครที่ดูเหมือนคนญี่ปุ่น ต้องฝึกดาบซามูไร แล้วก็ต้องพยายามสื่อความรู้สึกของผู้ชายที่ต่อให้ตายก็ไม่กลัวออกมาผ่านสายตาให้ได้ กังวลนิดหน่อยครับ ที่ผ่านมาแฟน ๆ บอกว่าผมมักจะได้รับบทรักข้างเดียว มาถึงเรื่องนี้ก็ยังรักข้างเดียวอยู่ดี ก็เลยคิดว่าน่าจะทำได้ดีครับ (หัวเราะ)

คิม มินจอง : นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาร่วมในซีรี่ส์ที่มีการถ่ายทำไปแล้ว รู้สึกแปลกใหม่มาก ๆ ค่ะ ได้ร่วมงานกับนักแสดงเก่ง ๆ หลายท่านก็รู้เลยว่าจะไม่ผิดหวัง ตอนแรกที่ได้อ่านบทคือไม่ได้ตื่นเต้นแบบนี้มาเป็น 10 ปีแล้วค่ะ เพราะเป็นบทของผู้หญิงที่มีความซับซ้อน แข็งแกร่ง แล้วก็ดูแลตัวเองได้ ฉันอยากจะแสดงความแข็งแกร่งของผู้หญิงออกมาผ่านตัวละครนี้ให้ได้ คุโดะ ฮินะเป็นตัวละครที่แต่งตัวเยอะมาก ทำผมก็ยากมาก แต่ส่วนตัวฉันคิดว่าเป็นส่วนที่ทำให้ตัวละครตัวนี้โดดเด่นออกมา ดังนั้น จะมาทำเล่น ๆ ไม่ได้ ต้องเต็มที่ค่ะ

บยอน โยฮัน : บทที่ผมได้รับค่อนข้างจะเป็นเพลย์บอย แล้วก็อินกับแฟชั่น การแต่งตัวเขาก็จะดูทันสมัยมากกว่าคนอื่น มีเงิน มีอำนาจ แต่เขาไม่ได้ใช้อำนาจในทางที่แย่ ผมว่ามันเป็นเสน่ห์ของคาแรคเตอร์นี้ครับ อีกอย่างที่ผ่านมาเคยรับบทที่ต้องติดหนวด แต่ไม่เคยต้องไว้หนวดจริง ๆ มาคราวนี้ได้ไว้หนวดแล้วผมรู้สึกว่าคาร์แรคเตอร์มันเปลี่ยนไปเหมือนกันครับ รู้สึกว่าพอมีฉากที่ต้องฟันดาบ แล้วตัวเองจะฟันเก่งขึ้นเพราะไว้หนวด (หัวเราะ)

Mr. Sunshine เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เกาหลี ทั้งยังคาบเกี่ยว และมีการกล่าวพาดพิงถึงประวัติศาสตร์ของหลาย ๆ ประเทศ เมื่อถูกตั้งคำถามในฐานะที่เป็นซีรี่ส์ที่กำลังจะถูกฉายผ่านช่องทางที่สามารถชมได้ทั่วโลกอย่าง Netflix ว่าถ้าเป็นในมุมมองของผู้ชมต่างชาติพวกเขาจะสามารถอินไปกับเนื้อเรื่องได้อย่างไร เหล่านักแสดง และผู้กำกับก็ต่างให้คำตอบไว้อย่างมั่นใจ

ยู ยอนซอก : เดี๋ยวนี้ชาวต่างชาติให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์เกาหลีมากขึ้นนะครับ ผมคิดว่าหลาย ๆ ประเทศในอดีตอาจจะเคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของประเทศอื่นมาเช่นกัน ซึ่งในเรื่องก็จะมีความคล้ายกันในการพยายามถ่ายทอดเรื่องราวของทหาร และนักรบ ที่พยายามต่อสู้เพื่อประเทศชาติของตัวเอง โดยที่คนอาจจะไม่รู้แม้แต่ชื่อของพวกเขา ผมเองก็จะพยายามทำออกมาให้ดีที่สุดเพื่อให้คนได้รู้ถึงวีรกรรมที่พวกเขาเคยทำไว้ครับ

อี บยองฮยอน : แม้ว่าประวัติศาสตร์ในแต่ละประเทศจะไม่เหมือนกัน แต่เรื่องความเป็นธรรมต่าง ๆ ผมคิดว่าทุกคนก็น่าจะรู้สึกถึงกันได้ ผมเองก็จะพยายามสื่อสารมันออกมาให้ดีที่สุดครับ

อี อึงบก : อย่างที่คุณอี บยองฮอนบอกไว้ ต่อให้คนดูจะไม่มีความรู้พื้นฐานอะไรเกี่ยวกับประวัติศาตร์เลย แต่ผมเชื่อว่าความรู้สึกของการเรียกร้องความเป็นธรรม และความสัมพันธ์ตัวละคร ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้สึกตามได้ ผมเชื่อว่าคนดูในต่างประเทศจะอินตามไปกับเนื้อเรื่องได้ต่อให้พวกเขาไม่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์บ้านเราเลย

 

ชมตัวอย่างของ Mr. Sunshine (สุภาพบุรุษตะวันฉาย)

 

  • Mr. Sunshine อำนวยการผลิตโดยฮวา แอนด์ แดม พิกเจอร์ส (Hwa&Dam Pictures) หนึ่งในบริษัทผู้สร้างชั้นนำของเกาหลี และสตูดิโอ ดรากอน (Studio Dragon) ที่เคยร่วมงานกับฮวา แอนด์ แดม พิกเจอร์ส มาแล้วหลายเรื่อง อาทิ Goblin และ Bravo My Life
  • Mr. Sunshine จะออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ tvN และใน 190 ประเทศทั่วโลกผ่าน Netflix มีทั้งหมด 24 ตอน ระหว่างวันที่ 7 กรกฎาคมถึง 23 กันยายน 2561 ทุกวันเสาร์ และอาทิตย์ เวลา 21.00 น.

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า