Netflix-Amazon ตั้งเป้าผลิต original series เป็นเท่าตัว

ยักษ์ใหญ่แห่งวงการสตรีมมิ่ง อย่าง ‘Netflix’ และ ‘Amazon’ กำลังเผชิญกับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากคู่แข่งมากมาย ทั้ง Facebook, YouTube และ Apple รวมไปถึง DC Universe และ Disney ที่กำลังจะมีบริการต่อลูกค้าโดยตรง

จากผลการวิจัยของ Ampere Analysis พบว่า Netflix มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตผลงานเป็นเท่าตัว ด้วยสูตรความสำเร็จที่ได้สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นของตัวเอง หรือ ‘original series’ เพื่อรักษาสถานภาพการเป็นผู้นำ ในด้าน SVOD ต่อไป

SVOD หรือ Subscription Video on demand เป็นบริการรูปแบบการรับสมัครสมาชิกแพ็คเกจรายวัน รายเดือน หรือรายปี เพื่อเลือกรับชมภาพยนตร์ ซีรีย์ หรือรายการ ที่อยู่ภายในบริการแบบไม่จำกัดเรื่องและเวลา

ผลวิจัยดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์เมื่ออังคารที่ผ่านมา โดยแสดงให้เห็นว่า Netflix ยังคงเป็นผู้นำในด้าน SVOD ด้วยช่องว่างที่ห่างชั้นจากคู่แข่งอยู่มาก และการวางแผนที่กำลังจะจัดสร้าง original series อีกกว่า 250 ผลงาน ทำให้เห็นถึงการวางแผนเพิ่มยอดการผลิตเป็นเท่าตัว จากผลงานเดิมที่เป็นของตัวเอง จำนวน 229 ผลงาน ในหมวดหมู่ของเว็บไซต์ Netflix อยู่แล้ว

รีด ฮาสติงส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Netflix / AFP Photo

ขณะที่ Amazon มี original series จำนวน 105 ผลงาน บนเว็บไซต์สตรีมมิ่ง ที่รู้จักกันในนาม ‘Amazon Prime Video’ และด้วยแผนที่จะสร้างผลงานของตัวเอง อีกจำนวนเท่าตัวในอนาคต ทำให้ถูกจัดอยู่ในอับดับ 2 แต่ก็ยังมีระยะห่างจาก Netflix พอสมควร

ด้วยพื้นฐานที่สอดประสานกัน แสดงให้เห็นว่า สองยักษ์ใหญ่กำลังเพิ่มยอดการผลิตของตัวเองเป็นเท่าตัว

อย่างไรก็ตาม คู่แข่งหน้าใหม่ อย่าง Facebook Watch, Apple และ Google ที่เป็นเจ้าของ YouTube กำลังเพิ่มการลงทุน ในการผลิตผลงานของตนเองอย่างดุเดือด

ทาง Netflix ยังจะต้องเผชิญกับผู้เข้าแข่งขันรายใหม่ ที่ประกอบไปด้วย DC Entertainment เจ้าของ DC Universe ซึ่งเปิดตัวในสหรัฐอเมริกาไป เมื่อเดือนก่อนหน้านี้ รวมทั้ง Warner Bros ที่กำลังจะเปิดตัว การให้บริการต่อลูกค้าโดยตรง ในปี 2019 อีกด้วย

ด้าน Ampere ตั้งขอสังเกตว่า การเปิดตัวการให้บริการของ DC Entertainment และ Warner Bros จะทำให้ Netflix หมดสิทธิ์ ในการเผยแพร่เนื้อหา ที่บริษัทสตูดิโอเหล่านี้เคยปล่อยให้เช่าด้วย ซึ่งนั่นจะส่งผลให้เกิดการแข่งขันโดยตรง กับยักษ์ใหญ่แห่งวงการสตรีมมิ่งอย่างแน่นอน

ในระหว่างที่ Netflix กับ Amazon กำลังดำเนินการผลิต original series ในหลากหลายประเภท ทาง Ampere ก็ได้ตั้งขอสังเกตอีกด้วยว่า Netflix จะยังคงรักษาจุดสนใจของตัวเอง ในการสร้างสรรค์ผลงานในรูปแบบเยาวชน ประเภท comedy และ Sci-fi ไว้ได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นประเภทผลงาน ที่สร้างความสำเร็จอย่างมากให้กับบริษัท

ในเชิงเปรียบเทียบแสดงให้เห็นว่า ผลงานถึง 29% ของ Amazon ที่กำลังอยู่ในกระบวนการผลิต ถูกจัดอยู่ในประเภท drama แต่ผลงานประเภทดังกล่าว กลับถูกคิดเป็นเพียง 17% ของกระบวนการสร้างโดย Netflix

ถึงแม้ผลงานที่ Netflix และ Amazon กำลังดำเนินการผลิตอยู่นั้น จะข่มคู่แข่งในวงการสตรีมมิ่งอยู่ก็ตาม แต่ทั้ง Apple, YouTube และ Facebook ก็กำลังเดินหน้าอย่างดุดันและรวดเร็ว ด้วยผลงานทั้งหมดรวมกันถึง 64 ผลงาน ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็ววันนี้

ส่วน Disney ก็กำลังรวบรวมผลงานซึ่งเป็นที่นิยม เพื่อตอบสนองต่อบริการ DTC ของตน และได้ออกมาประกาศเปิดตัวผลงานใหม่ถึง 19 ผลงาน รวมไปถึง spin-offs ของทั้งรายการ High School Musical และ Monster Inc. อีกด้วย

“ผู้เล่นคนสำคัญทั้งหมดกำลังขยาย เพิ่มจำนวนการผลิตผลงานของตนในตลาด ที่กำลังมีการแข่งขันสูง” ริชาร์ด คูเปอร์ นักวิจัยแห่ง Ampere กล่าว

“สิ่งที่น่าสนใจจากงานวิจัยชิ้นนี้ พบว่า แต่ละผู้ให้บริการต่างผลิตผลงานของตนขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชม ที่มีโปรไฟล์แตกต่างกันออกไป ซึ่งสามารถบ่งชี้ให้เห็นว่า พวกเขากำลังตั้งเป้าในการตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมาย ที่เฉพาะเจาะจงในตลาด SVOD”

คูเปอร์ เสริมว่า YouTube Premium นั้น ให้ความสนใจกับกลุ่มเป้าหมายใหญ่ ของผลงานรูปแบบเยาวชน ประเภท comedy เป็นหลัก และลดความสำคัญของรายการ Reality ลง (คิดเป็นเพียง 6% ของผลงานการผลิต ที่กำลังจัดสร้าง เทียบกับ 36% ของผลงานการผลิตเดิม ที่ได้ถูกสร้างไปแล้ว)

ในขณะที่ Facebook ได้ให้ความสำคัญเป็นหลัก ต่อการผลิตข่าว สารคดี และรายการ Reality มากกว่า แต่ก็ยังเพิ่มการผลิตรายการประเภท drama และ comedy อีกด้วย

ผลงานวิจัยของ Ampere ได้แสดงให้เห็นว่า Apple ให้ความสำคัญกับการทำตลาดในมุมกว้างมากกว่า โดยการผลิตรายการใหม่ ถูกแบ่งออกเป็นสัดส่วนที่สมดุล ในทุกประเภทรายการ รวมไปถึงประเภท comedy, Sci-fi และ crime