ผลประกอบการไตรมาสสองของ Netflix ออกมาแล้ว และเป็นไปตามคาด ว่า Netflix เสียฐานลูกค้าหรือ subscriber ไปอีกมาก ซึ่งรวมๆ ทั่วโลกในไตรมาสนี้เสียไป 970,000 ราย
ถ้านับเฉพาะในสหรัฐและแคนาดา Netflix เสียลูกค้าไป 1.3 ล้านรายและอีก 770,000 รายในยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา แต่ในเอเชียแปซิฟิก ได้ลูกค้าเพิ่มมา 1.1 ล้านราย ส่วนหนึ่งเพราะ Netflix ลดราคาในอินเดีย โดยจำนวนสมาชิกทั่วโลกรวมมี 220.67 ล้านราย
[ ลูกค้าหาย แต่ราคาหุ้นเพิ่ม ]
รวมๆ แล้ว เป็นความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของ Netflix แต่ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่แย่อย่างที่เคยคาดการณ์กันไว้ นักลงทุนหรือแม้แต่ตัว Netflix เอง ก็เคยคาดไว้ว่าไตรมาสนี้ ลูกค้าน่าจะหายไปราวๆ 2 ล้านราย
รายได้ของ Netflix ก็เพิ่มจากไตรมาสก่อนด้วย เพิ่มจาก 7.8 พันล้าน เป็น 8 พันล้านดอลลาร์ กำไรสุทธิ อยู่ที่ 1,441 ล้านดอลลาร์
ส่วนหนึ่งที่ช่วยดันรายได้เพิ่มคือการขึ้นราคาในสหรัฐฯและแคนาดาปีที่แล้ว นักลงทุนบางรายยังประเมินด้วยว่า Stranger Things ซีซั่นใหม่ที่เพิ่งลงฉายไป ก็มีส่วนทำให้ลูกค้าไม่หนีหายไปมากกว่านี้
การสูญเสียที่ต่ำกว่าที่คาดกันไว้ ทำให้ราคาหุ้นของ Netflix พุ่งขึ้นมาราว 7% อยู่ที่ 215 ดอลลาร์ต่อหุ้น
[ จับตาดูแผนการใหญ่ Netflix กู้บังลังก์อันดับ 1 สตรีมมิ่ง ]
สิ่งที่ต้องจับตาดูต่อไปนี้สำคัญมาก เพราะ Netflix เตรียมแผนใหญ่ไว้สองเรื่องคือ Netflix แบบมีโฆษณา จ่ายในราคาถูกกว่า และการเก็บเงินเพิ่ม ถ้าแชร์รหัสนอกบ้าน
Netflix แบบมีโฆษณานั้น ได้พาร์ทเนอร์รายใหญ่อย่าง Microsoft มาช่วยดูระบบ ซึ่ง Microsoft เป็นบิ๊กเทคด้านซอฟต์แวร์ คลาวด์ มีเครื่องไม้เครื่องมือรองรับระบบโฆษณา และยังเชี่ยวชาญเรื่องความเป็นส่วนตัวด้วย ซึ่งถ้า Netflix ต้องเริ่มทำเองคนเดียวใหม่หมด ก็จะลำบากกว่านี้มาก
ที่สำคัญ Microsoft ยังเป็นกลุ่มเทคไม่กี่รายที่ยังไม่ทำสตรีมมิ่งมาแข่งกับ Netflix ด้วย น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ Netflix เลือก Microsoft มาเป็นพาร์ทเนอร์
มีข้อมูลเพิ่มด้วยว่าแพ็กเกจมีโฆษณา แม้มาในราคาถูก แต่อาจมีคอนเทนต์ไม่ครบ Ted Sarandos ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Netflix กล่าวว่า ผู้ใช้งานแพ็กเกจราคาถูกมีโฆษณาจะยังคงได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม แต่จะไม่ใช่คอนเทนต์ทั้งหมด สื่อเป็นนัยว่า แพ็กนี้ อาจไม่มีคอนเทนต์ทั้งหมดเหมือนอย่างที่พรีเมี่ยมมี
สองคือการเก็บเงินเพิ่มถ้าแชร์รหัสนอกบ้าน ตรงนี้ Netflix ทดสอบในหลายประเทศแล้ว มีตั้งแต่เก็บเงินเพิ่มถ้าเพิ่มผู้ใช้นอกบ้านเข้ามา โดยตัวเลขที่ลูกค้าต้องจ่ายเพิ่มอยู่ที่ 110 บาท
การทดสอบยังไม่นิ่งและอยู่ในวงจำกัด แต่คาดว่า Netflix จะเร่งทำระบบและเปิดใช้งานโดยทั่วไปให้ได้ภายในต้นปีหน้า
ที่มา : The Sydney Morning Herald, Forbes, Workpoint TODAY