เมื่อ ‘New You’ ไม่ได้จำเป็นเสมอไป สำหรับ ‘New Year’

พอเทศกาลปีใหม่กำลังใกล้เข้ามา หลายๆ ท่านก็น่าจะเริ่มเห็นโพสต์หรือแชร์ต่างๆ ตามโซเชียลมีเดีย ที่หลายต่อหลายคนอยากจะเป็นคนใหม่ หรือ New You…New Me อะไรก็ตามแต่ เพื่อเริ่มต้นไปกับปีใหม่ที่กำลังเริ่มต้นขึ้น

ผมไม่ได้โต้แย้งว่ามันไม่ดีนะครับ เพราะถ้า New You เป็นอะไรที่เป็นไปได้จริง เป็นธรรมชาติ ทำได้จริง และดีจริงแน่นอน มันย่อมดีกว่าการที่เรายังคงนั่งทำอะไรเดิมๆ รอรับผลลัพธ์เดิมๆ จากพฤติกรรมเดิมๆ ที่อาจจะไม่เป็นที่ต้องการของตัวเราเองหรือคนรอบข้าง

แต่สังเกตไหมครับ การตั้งปณิธานสำหรับปีใหม่ หรือ New Year Resolutions นี้ มักจะล้มเหลว และสลายหายไปภายในไม่กี่เดือนแรกของปีใหม่

แล้วไม่นานเราก็กลับมาเป็น Old You (คือเป็นทั้งคน ‘เก่า’ ที่ ‘แก่’ ขึ้นครบตามความหมายของคำว่า Old)

นั่นก็เพราะบางที New You ที่คุณตั้งใจจะไปให้ถึง มันเป็นอะไรที่ท้าทายเกินไป ไกลตัว ไม่สมดุล เกินประมาณ และทำไม่ได้จริง

ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ อย่างที่เคยตั้งเป้าว่า อยากจะมี Six Pack แต่แล้วก็เลิกล้มไปเพราะมันไม่ได้ทำได้ง่ายๆ เกินประมาณตน และไกลจากสภาพปัจจุบันมาก

และในหลายๆ ครั้ง เราก็ต้องยอมรับครับว่า บางที New You ที่เรากำหนดขึ้น มันก็เป็น You ที่ไม่มีวันน่าจะกลายมาเป็นตัวเราได้ง่ายๆ

เพราะเราเองก็เหมือนกำลังไล่ตาม You ที่มาจากความคาดหวังของสังคม ของคนรอบข้าง หรือค่านิยมที่เราเองก็หลงไปติดกับและให้คุณค่ากับมัน จนคิดว่านั่นคือตัวเรา หรือน่าจะเป็นตัวเราในปีใหม่

วันนี้ผมอยากลองมาชวนทุกคน ลองถอยหลังลงมาสัก 1 ก้าว ลดความอยากเป็น New You ลง แล้วลงมาเป็น Better You กันดู ให้มันใกล้ความจริงมากขึ้น เป็นไปได้ง่ายขึ้น และเราเองก็ไม่ท้อแท้ไปเสียก่อน

คือ ลองหาจุดที่เราดีขึ้นได้กว่านี้ ดีกว่าคนเดิมในปีที่ผ่านมา ในอัตราที่ทำได้จริง แต่ไม่ใช่เปลี่ยนเราไปทั้งคน จนไม่เหลือคนคนเดิมที่ก็มีส่วนดีอื่นๆ อยู่แล้วเป็นทุน

อยากลองเริ่ม คิดตาม หรือทำตาม ดังต่อไปนี้ครับ

-เริ่มจาก “สะท้อนดูตนเองที่ผ่านมา ทั้งด้านที่ดี และด้านที่ต้องปรับ แต่ไม่ฟูมฟายกับอดีต” เพื่อหาฐานของสิ่งที่เราอยากปรับ ลองดูครับว่าในอดีตมีอะไรที่เราทำไปแล้วเราภูมิใจ ดีใจที่ได้ทำ และน่านำกลับมาทำใหม่ให้ดีกว่าเก่า

ในทางตรงกันข้าม มีอะไรไหมที่เราไม่น่าทำมันลงไปเลย และไม่อยากให้มันเกิดขึ้นซ้ำ ตรงนี้อยากเน้นว่าอะไรที่เรารู้สึกเสียดาย เสียใจ ถ้าเรามองย้อนไปเห็นมันแล้วก็รับรู้ แล้วบอกตนเองว่าเดี๋ยวต่อไปฉันจะดีขึ้น จะพลาดน้อยลง จะมีสติมากขึ้นกับการกระทำที่มักพลาดไป

-“ลองมองที่คำว่า ‘ปรับ’ เพื่อพัฒนาก่อน ‘เปลี่ยน’ ดีไหม” แล้วอะไรมันจะเบาสบายขึ้น โดยที่ไม่ต้องพยายามเปลี่ยนจากขาวเป็นดำ หรือดำเป็นขาว เพราะกระบวนการระหว่างทางของการ ‘ปรับ’ กับการ ‘เปลี่ยน’ มันคนละเรื่องกันครับ

ลองตั้งเป้าแบบ Small bites ดู คือยังคงได้ลิ้มรสชาติของความสำเร็จได้เช่นกัน แต่เป็นเหมือนการค่อยๆ จิบกินความสำเร็จไปเรื่อยๆ มากกว่าการที่จะเอาก้อนความสำเร็จขนาดใหญ่มากดดันตนเองให้ต้องยัดเอาความสำเร็จนั้นเข้าปากไปในคราวเดียว

ขอผมเปรียบให้เห็นภาพแบบนี้ครับ ถ้าสิ่งที่คุณตั้งเป้าไว้มันใหญ่เท่าปลาวาฬที่คุณอยากกินมันทั้งตัว คุณก็ต้องค่อยๆ จัดสรรและค่อยๆ แบ่งมันมากินใช่ไหมครับ หรือคุณจะกินปลาวาฬทั้งตัวในคราวเดียว?

-“อย่าตั้งเป้าหมายอะไรแค่ที่ผลลัพธ์ จนลืมมองและประเมินกระบวนการระหว่างทาง” ตัวอย่างที่ชัดคือ บางคนอยากมีหุ่นสวยแบบนางแบบนายแบบ เลยเอามาตั้งเป็นเป้าหมายแบบ New You

แต่ลืมไปว่า ระหว่างทางมันยังมีปัจจัยอีกหลายหลากมากที่กว่าจะไปถึงตรงนั้น แล้วสุดท้ายก็ล้มเลิกไปเพราะเส้นทางมันไกล กระบวนการก็ยาก และองค์ความรู้ก็ยังไม่มี

ลองหันมาใช้วิธีการตั้งเป้าแบบ ‘Better you’ มากขึ้นดูครับ เช่น ฉันจะลดแป้งต่อหนึ่งมื้ออาหารมากขึ้น จะออกกำลังกายมากขึ้นอีก 1 วันต่อสัปดาห์ และจะไม่รับประทานอาหารหลัง 19.00 น.

แน่นอนครับ สิ่งเหล่านี้ชัดเจน และมันทำให้คุณดีขึ้นได้โดยไม่ต้องไปบอกว่าฉันจะมี Six Pack แล้วท้อไปเอง

-“อย่าลืมเข้าใจตนเอง และธรรมชาติของตัวเราด้วย” อย่าทำให้ New You มาหลอกให้เรากลายไปเป็นคนอื่นครับ เราคือเราที่ดีขึ้นได้

บางคนพยายามเปลี่ยนตนเองจนลืมไปเลยว่าคนเดิมคือใคร บางรายทิ้งนิสัยและเอกลักษณ์ดีๆ ของตัวเองไปเสียด้วย ทั้งๆ ที่เดิมก็มีความดีงามในตนเองอยู่แล้ว เพียงเพราะอยากจะ ‘เปลี่ยน’ เลยเหมารวม เกลียดชังตัวตนของตนเองที่เป็นตัวเองมาตั้งแต่เกิด

-“ลองมองหาเพื่อนร่วมเดินทาง ในการสร้าง Better You” บางทีการเดินทางแม้จะเรียบง่ายและเบาใจ แต่มันก็จะเบาใจยิ่งกว่าถ้ามีคนให้พูดคุย ส่งแรงใจ แลกเปลี่ยน กระตุ้นไปด้วยกันครับ

บางทีบทสนทนาสั้นๆ ง่ายๆ ที่คอยถามไถ่ถึง mission ที่ตั้งไว้ร่วมกัน มันก็มีความหมายมากในการสร้างกำลังใจ ขอแค่อย่าชวนกันท้อแล้วล้มเลิกกันกลางทางก็พอ

นี่คือคำแนะนำง่ายๆ แต่น่าจะทำได้จริงสำหรับหลายๆ คนจากผมครับ ลองไปปรับใช้กันดูเพื่อสร้าง Better You แล้วส่งต่อแนวคิดนี้ดู

ผมเชื่อว่าแค่เราปรับตัวเราให้ดีขึ้นคนละนิด มันก็จะสามารถส่งแรงบวกให้คนรอบข้างได้อีกทีละนิด จนมวลรวมของสังคมเรามันสามารถดีขึ้นไปต่อไปเรื่อยๆ ครับ

Happy New Year to all better You(s) ครับ