SHARE

คัดลอกแล้ว

‘ศ.ดร.พิรงรอง’ ย้ำตำแหน่ง เลขาธิการ กสทช. เป็นตำแหน่งที่สำคัญ พร้อมชี้แจง 3 เหตุผลไม่เห็นด้วยให้ประธาน กสทช. เป็นผู้ชี้ขาดเลือกเลขาธิการ เพราะต้องทำงานเพื่อสนองนโยบายกรรมการ กสทช. ทุกคนอย่างเท่าเทียม

ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)

ศ.ดร.พิรงรอง รามสูต คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรคมนาคม แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาเลขาธิการ กสทช. ที่จำกัดการมีส่วนร่วมของ กสทช. ผ่านเฟซบุ๊กระบุข้อความว่า กสทช. มีมติโดยเสียงชี้ขาดของประธาน กสทช. หลังเสียงโหวตของกรรมการ (รวมประธานด้วย) ออกมา 3-3 เท่ากัน ในประเด็นการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช.

ฝั่งหนึ่งเห็นว่า จำเป็นต้องพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาเป็นเลขาธิการกับกระบวนการคัดเลือกไปพร้อมๆ กัน ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งมองประเด็นกระบวนการคัดเลือกแยกขาดจากคุณสมบัติ โดยฝ่ายหลังมองว่าประธานมีอำนาจตามกฎหมาย ในการกำหนดกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ ทั้งนี้โดยอ้างถึงมาตรา 61 ของ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ที่ว่า “ให้ประธานกรรมการ โดยความเห็นชอบของ กสทช. เป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช.”

ศ.ดร.พิรงรอง ระบุว่า การลงมติ วันนี้ (8 มี.ค. 2566) สำนักงาน กสทช. โดยอำนาจการบรรจุวาระของประธานได้เสนอกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. เป็นวาระเพื่อทราบ และเสนอเรื่องคุณสมบัติเป็นวาระเพื่อพิจารณาแยกจากกัน ซึ่งกรรมการสามเสียงที่โหวตให้ถอนวาระการพิจารณาแบบแยกส่วนอย่างนี้ออกไป ตั้งคำถามอย่างชัดเจนต่อการกระทำที่ขัดต่อมติ กสทช. ที่เคยบอกให้รวมทั้งสองเรื่องอยู่ในวาระเดียวกัน และต่อข้อเสนอของประธาน กสทช. ที่เสนอให้กระบวนการแต่งตั้งเลขาธิการ กสทช. ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน รวม 5 สัปดาห์ ได้แก่

  1. กสทช. เห็นชอบกำหนดคุณสมบัติอื่น ตามมาตรา 61 วรรค 2 ของ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นฯ พ.ศ. 2553
  2. ประธาน กสทช. ส่งหนังสือเชิญทาบทามผู้ที่มีคุณสมบัติ ใช้เวลา 7 วัน
  3. ​ผู้ประสงค์ส่งหนังสือตอบรับพร้อมเอกสารแนบคุณสมบัติ คุณสมบัติอื่น ประวัติ ประสบการณ์ และความเหมาะสม ขั้นตอนนี้ใช้เวลา 14 วัน
  4. ​ประธาน กสทช. คัดเลือกบุคคลที่ผ่านคุณสมบัติและมีความเชี่ยวชาญผ่านการสัมภาษณ์และแสดงวิสัยทัศน์ เสนอให้ กสทช. เห็นชอบตามมาตรา 61 วรรค 1 พ.ร.บ. องค์กรฯ 53 ใช้เวลา 14 วัน
  5. กรรมการ กสทช. พิจารณาเห็นชอบรายชื่อตามที่ประธานคัดเลือกมา

ศ.ดร.พิรงรอง สรุปข้อมูลตามเอกสารที่มีการนำเสนอในที่ประชุมโดยประธาน กสทช. ในวันที่ 7 มี.ค. 2566 ระบุว่า แม้กฎหมายหลักของ กสทช. คือ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ จะมีการปรับปรุงแก้ไขถึงสองครั้ง แต่สาระที่เกี่ยวกับการคัดเลือกเลขาธิการไม่ได้มีการปรับปรุงแก้ไขแต่อย่างใด ตั้งแต่มีการตั้ง กสทช. มาใน พ.ศ. 2554 มีเลขาธิการหนึ่งคน โดยผ่านการสรรหาที่มีการออกประกาศซึ่งกำหนดคุณสมบัติและกระบวนการสรรหาที่กรรมการ กสทช. ทุกคนมีส่วนร่วมตลอดกระบวนการอย่างชัดเจน เมื่อมีการยกร่างรัฐธรรมนูญ และปรับปรุงกฎหมายในปีพ.ศ. 2559 บอร์ดกสทช. ในขณะนั้น ก็มีมติให้เลขาธิการคนเดิมทำงานต่อไป เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสำนักงาน กสทช. เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสำนักงาน กสทช. ยังคงสามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อตอบสนองการทำงานของภาครัฐและประชาชนได้อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งในกรณีหลังนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ และเป็นมติบอร์ด กสทช. ไม่ใช่การใช้อำนาจของประธานแต่เพียงลำพัง

ทั้งนี้ ตำแหน่งเลขาธิการสำนักงาน กสทช. เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญมาก เพราะ

• เป็นผู้รับผิดชอบการปฏิบัติงานของสำนักงาน กสทช. และเป็นผู้บังคับบัญชาพนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน กสทช. ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการรับผิดชอบในการรับและจ่ายเงินรายได้ของสำนักงาน กสทช. ซึ่งมีวงเงินมหาศาล จัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตรวจสอบและติดตามการใช้คลื่นความถี่ ซึ่งเป็นทรัพยากรของชาติ ฯลฯ

• เป็นผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ กสทช. เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา

• นอกจากนี้ตามกฎหมายเลขาธิการ กสทช. ยังจะมีตำแหน่งเป็นกรรมการและเลขานุการกองทุนวิจัยและพัฒนากิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม เพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือกองทุน กทปส. ซึ่งต้องรับผิดชอบงบประมาณเงินกองทุน และตามแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมอีกปีละนับหมื่นล้านบาท

และแม้ประธาน กสทช. จะมีอำนาจในการกำกับดูแล สำนักงาน กสทช. แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เลขาธิการ กสทช. คือ เลขานุการของประธาน แต่จะต้องทำงานเพื่อสนองนโยบายกรรมการ กสทช. ทุกคนอย่างเท่าเทียม

ในฐานะกรรมการเสียงหนึ่งที่โหวตให้ถอนวาระการพิจารณาแบบแยกส่วน และไม่เห็นด้วยกับกระบวนการคัดเลือกที่ประธาน กสทช. นำเสนอและกล่าวอ้างว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของท่านโดยชอบธรรม ขอตั้งคำถามและแสดงความกังวลต่อกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. ที่จำกัดการมีส่วนร่วมของกรรมการ กสทช. ไว้ในประเด็นต่อไปนี้

1. การลดทอนความโปร่งใส ตรวจสอบได้ขององค์กรอิสระ ที่ดูแลกิจการอันเป็นพื้นฐานสำคัญของชาติ การที่ประธานจะเป็นผู้ส่งหนังสือเชิญทาบทามผู้ที่มีคุณสมบัติให้มาเป็นเลขาธิการ กสทช. นั้น อาจขัดกับหลักการธรรมาภิบาลที่ดีขององค์กรเนื่องจากไม่ได้สะท้อนความโปร่งใสของกระบวนการคัดเลือกที่ควรจะเปิดกว้างและตรวจสอบได้ ด้วยความสำคัญที่สูงมากของตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. ดังได้กล่าวไปแล้ว กระบวนการคัดเลือกยิ่งควรจะสะท้อนความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้าร่วมการคัดเลือก อีกทั้งยังเป็นการลดความเสี่ยงจากการแทรกแซงทางการเมืองและภาคธุรกิจ เพื่อจะเป็นหลักประกันเบื้องต้นว่าเลขาธิการ กสทช. จะปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลกิจการวิทยุกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมอันเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของชาติอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม

นอกจากนี้ ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติมไว้ด้วยว่า การคัดเลือกผู้บริหารสูงสุดในองค์กรอิสระ หรือองค์กรของรัฐ มักประกาศเปิดรับสมัครเป็นการทั่วไปล่วงหน้า มีระยะเวลาให้ยื่นใบสมัครพอสมควร (15-30 วัน) และมีกระบวนการคัดเลือกที่ชัดเจนโดยออกเป็นกฎหมาย เช่น เลขาธิการคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ตามข้อ 6 ของประกาศ กขค. เรื่อง รับสมัครคัดเลือกบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ กขค. (ปี 2565), ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ตามมาตรา 42 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. 2561 และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตามข้อ 6.2 ของประกาศ เรื่อง การรับสมัครบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกเป็นบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ปี 2566) โดยในข้อ 7.1 ได้กำหนดว่า “คณะกรรมการ ก.ล.ต. กำหนดวิธีการเปิดรับรายชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการ 2 วิธีการ ได้แก่ (1) การเปิดรับสมัครเป็นการทั่วไปตามประกาศนี้ และ (2) การเสนอชื่อโดยกรรมการ ก.ล.ต. โดยแต่ละคนมีสิทธิเสนอชื่อไม่เกินคนละ 1 รายชื่อ”

2. การขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การที่ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 61 บัญญัติให้ประธานกรรมการโดยความเห็นชอบของ กสทช. เป็นผู้แต่งตั้งและถอดถอนเลขาธิการ กสทช. ไม่ได้หมายความว่าไม่จำเป็นต้องมีกระบวนการสรรหาที่เปิดกว้างให้ผู้มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเข้าสมัครรับการสรรหา อันก่อให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรมากกว่าการที่ประธาน กสทช. เป็นผู้ส่งหนังสือเชิญซึ่งเป็นวิธีการคัดเลือกที่ไม่มีการแข่งขัน อาจเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมอันขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 27 ที่ระบุว่า “การเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ไม่ว่าด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่อง … สถานะของบุคคล … การศึกษาอบรม… หรือเหตุอื่นใด จะกระทํามิได้” ซึ่งศาลได้เคยมีคำพิพากษาเพิกถอนการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายไปแล้วในหลายกรณี ส่งผลให้ตำแหน่งเลขาธิการ กสทช. อาจมีความสุ่มเสี่ยงกับการถูกฟ้องเพิกถอนการแต่งตั้ง และจะกระทบถึงการปฏิบัติหน้าที่ในอนาคต อีกทั้งการให้ กสทช. ทั้งคณะร่วมพิจารณาคุณสมบัติของเลขาธิการ กสทช. และกระบวนการคัดเลือกไปพร้อมๆ กัน ยังสอดคล้องกับ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ มาตรา 58 และสอดคล้องกับแนวทางการสรรหาเลขาธิการ กสทช. ที่ผ่านมาด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น หากกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการ กสทช. สามารถทำได้ในลักษณะตามที่ประธาน กสทช. ได้นำเสนอมาคือประธานเป็นผู้ทาบทามและดำเนินการคัดเลือกเป็นหลัก ก็จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ที่ไม่สะท้อนแนวปฏิบัติที่ดีของการทำงานแบบองค์คณะ ที่ควรจะมีการมีส่วนร่วมของกรรมการทุกคนอย่างเท่าเทียม

3. รายชื่อ กสทช. ท่านที่ 7 ซึ่งเป็นท่านสุดท้าย ได้ผ่านกระบวนการสรรหาและได้ผ่านการเห็นชอบของวุฒิสภาแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ระหว่างรอการโปรดเกล้าฯ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก่อนจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่มีเหตุผลที่ประธาน กสทช. ควรจะเร่งทำกระบวนการคัดเลือกเลขาธิการฯ โดยไม่รอกรรมการท่านใหม่นี้ เพราะที่ผ่านมา ประธานก็ได้ปล่อยให้ว่างเว้นตำแหน่งนี้มายาวนาน โดยมีรักษาการเลขาธิการทำหน้าที่แทน แม้จะมีการทำหนังสือทักท้วงจากกรรมการอย่างน้อยสามคนตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2565 ก็ไม่ได้ริเริ่มกระบวนการในขณะนั้นแต่อย่างใด

 

https://www.facebook.com/pirongrong.ramasoota/posts/pfbid02LkQ4zX7LPtnKZCHJrnXHRFtUxdNQ9Sg64TRFA8DPqL9WcbRGnTkDeSYWitdpDXAel

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า