เตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน เมื่อได้ใบสั่ง ต้องชำระค่าปรับ หากเพิกเฉย นายทะเบียนจะไม่ออกป้ายภาษีให้ แต่จะได้ใบแทนภาษีชั่วคราวใช้ได้ 30 วัน หากพ้น 30 วัน จะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท พร้อมตัดแต้มความประพฤติในการขับรถ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ร่วมกันดำเนินการกวดขันวินัยการขับขี่ บังคับใช้มาตรการตามที่กำหนดในกฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่
การตัดคะแนนความประพฤติ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา
มาตรการชะลอการออกเครื่องหมาย แสดงการเสียภาษี สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระ ตาม 141/1 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น
ในส่วนของมาตรการชะลอเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีจะใช้กับรถยนต์ที่มีใบสั่งจราจรที่ค้างชำระ ซึ่งเพิกเฉยไม่ชำระค่าปรับตามที่กำหนด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะส่งข้อมูลระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังนายทะเบียนกรมการขนส่งทางบก
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผู้ขับขี่ที่มีใบสั่งค้างชำระ เมื่อไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี นายทะเบียนจะรับต่อภาษีประจำปีแต่ยังไม่ได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายภาษี) โดยจะได้หลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษี ซึ่งมีอายุ 30 วัน เพื่อให้ผู้นั้นไปชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน แล้วจึงสามารถมารับป้ายภาษีได้
หากประชาชนต้องการจะชำระค่าปรับในขณะต่อภาษี กฎหมายกำหนดให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้นายทะเบียนสามารถรับชำระค่าปรับตามใบสั่งพร้อมกับชำระภาษี และรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีได้ทันที
ทั้งนี้ การขับรถโดยไม่มีป้ายภาษี จะมีโทษ ตาม พ.ร.บ.รถยนต์ มาตรา 11 ซึ่งกำหนดว่ารถยนต์คันที่ต่อภาษีแล้วจะต้องแสดงเครื่องหมายตามที่ ขบ. กำหนด ให้ครบถ้วน มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ถูกตัดคะแนนความประพฤติในการขับรถ 1 คะแนน ซึ่งประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลใบสั่งค้างชำระและคะแนนความประพฤติได้ที่เว็บไซต์ E-ticket PTM และแอปพลิเคชัน ขับดี
น.ส.รัชดา กล่าวว่า มาตรการชะลอการออกเครื่องหมาย แสดงการเสียภาษี เพื่อให้เกิดการบูรณาการข้อมูลได้แบบ Real Time ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดผลสัมฤทธิ์และมีประสิทธิภาพสูงสุดในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก นำไปสู่การเสริมสร้างวินัยจราจร จิตสำนึกด้านความปลอดภัย และช่วยลดอุบัติเหตุทางถนน รัฐบาลมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ