‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ล่าสุด (10 ก.ย.) แจก 2 รอบ แบ่งจ่าย 3 ครั้ง อาจเป็นเงินสดทั้งหมด

ความคืบหน้าล่าสุด ‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ จากรัฐบาล ‘แพทองธาร’ คือความเป็นไปได้ที่จะจ่ายเป็น ‘เงินสด’ ทั้งหมด ซึ่งเท่ากับว่าอาจไม่มีเงื่อนไขจำกัดพื้นที่ใช้เงินอีกต่อไป แต่จะแบ่งการจ่ายออกเป็น 3 ครั้ง ให้กับคนสองกลุ่มใหญ่ โดยจะจ่ายครบทุกงวดในปีหน้า

นี่คือความเปลี่ยนแปลงอีกครั้งของโครงการเรือธงรัฐบาลเพื่อไทย ที่แม้มีความชัดเจนอย่างเห็นได้ชัดในยุครัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ผ่านการเปิดเผยที่เป็นรูปธรรมที่สุดของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ บนเวทีเนชั่นทีวีเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา ว่าอาจจะมีการแบ่งจ่ายเป็น 2 รอบ

แต่ล่าสุด รัฐมนตรีในรัฐบาลแพทองธาร ออกมาเปิดเผยความคืบหน้าเพิ่มเติมที่เปลี่ยนไป

โดยเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลจะโอนเงิน 10,000 บาทให้กับกลุ่มเปราะบางและคนพิการ ซึ่งน่าจะมีประมาณ 14.5 ล้านคน เป็นกลุ่มแรก พร้อมคาดการณ์ว่า จะโอนเงินให้สักช่วงวันที่ 20 ก.ย.นี้ โดยจะจ่ายเป็นเงินสด

วันเดียวกัน (9 ก.ย.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยเพิ่มเติมว่า จะเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยจะนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก 17 ก.ย. นี้ โดยกลุ่มแรกคือกลุ่มเปราะบางและผู้พิการราว 14.5 ล้านคน จะจ่ายเป็นเงินสด เข้าบัญชีที่มีอยู่แล้ว และสามารถนำไปใช้ที่ไหนก็ได้

ขณะที่กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มคนที่ลงทะเบียนในระบบไปแล้ว และไม่ใช่กลุ่มคนเปราะบาง จะแจกเป็นเงินสด 5,000 บาทก่อนภายในปลายปี 2567 และส่วนที่เหลืออีก 5,000 บาท หากรัฐบาลวางระบบดิจิทัลได้ทันอาจจะแจกเป็นเงินดิจิทัลวอลเล็ต แต่หากไม่ทันอาจจะแจกเป็นเงินสดเช่นกัน คาดว่าจะดำเนินการส่วนที่เหลือได้ในปี 2568

มีข้อสังเกตเกี่ยวกับแหล่งเงินงบประมาณที่ยังติดขัด จำนวน 140,000 ล้านบาท ซึ่งถูกคาดการณ์ว่า อาจเกี่ยวข้องกับการแบ่งจ่ายรอบที่ 3 ในปีหน้า อย่างไรก็ตาม นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ที่ชี้แจงต่อวุฒิสภาเมื่อวานนี้ (9 ก.ย.) โดยระบุว่า รัฐบาลจะมีการปรับเปลี่ยนโครงการหลังการปิดลงทะเบียน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลทราบจำนวนผู้ลงทะเบียนทั้งหมด เพื่อบริหารงบประมาณที่มีอยู่

รัฐมนตรีช่วยคลังระบุว่า จำนวนผู้ลงทะเบียนขณะนี้ 32 ล้านคน ยังไม่หักกลุ่มเปราะบางออก พร้อมยืนยันว่า ยังอยู่ในวิสัยที่รัฐบาลยังสามารถบริหารจัดการได้