โค้งสุดท้าย ชิงเก้าอี้ดนตรี(ผบ.ตร.) เอฟเฟกต์‘รองสุรเชษฐ์’ ถึงวงการตำรวจ วัดใจ ‘เศรษฐา’ เคาะใคร?

“ผมทราบมาหลายวันแล้วเรื่องนี้มีการตระเตรียมการไว้ มีคนจะดิสเครดิตผม” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล กล่าว

“คุณค้นผมได้ยังไง ออกหมายค้นผม ผมไม่ให้ค้นนะ กลับไปเลยไป ผมไม่ให้ค้นนะครับ” น้ำเสียงเคร่งขรึมของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ยังอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้น ถุงเท้าสีขาว ยืนกรานปฏิเสธหมายขอค้นบ้านพัก ที่ตั้งอยู่ย่านวิภาวดีซอย 60 หลังสโมสรตำรวจ กทม. หลังตำรวจไซเบอร์และตำรวจคอมมานโดครบอาวุธ เข้าบุกค้น เมื่อเช้าตรู่วันนี้ (25 ก.ย. 2566) สร้างแรงสั่นสะเทือนองค์กรตำรวจอยู่พอสมควร เพราะในห้วงเวลานี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกเสนอชื่อชิงเก้าอี้แคนดิเดต ผบ.ตร. คนใหม่ ที่ใกล้วันเคาะตำแหน่ง 27 ก.ย. 2566 นี้

ต่อมาเวลาประมาณ 12.45 น. ของวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ก็ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนอย่างเป็นทางการด้วยชุดตำรวจเต็มยศอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่ปฏิเสธว่าเหตุกาณ์นี้จะเชื่อมโยงไปถึงการเคาะตำแหน่งเก้าอี้ ผบ.ตร. คนใหม่ในอีก 2 วันข้างหน้า แต่ให้ประชาชนไปคิดเอาเอง และประกาศชัดว่า คนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์วันนี้ต้องการดิสเครดิตตัวเอง ให้เสียชื่อเสียง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบสื่อทุกคำถาม โดยไม่มีสะดุด เหตุการณ์นี้ถือเป็นการขอหมายค้นบ้านตนเองโดยไม่สุจริต ในหมายค้นบอกแค่บ้านเลขที่ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นบ้านของใคร ซึ่งถือว่าเป็นการหลอกศาล เพราะใครก็รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของผม สุดท้ายก็ยินยอมให้ค้นบ้านทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงการจะค้นบ้านตำรวจชั้นผู้ใหญ่ต้องมีตำรวจระดับชั้นผู้ใหญ่มาค้นด้วย และต้องมีหลักฐานที่พบว่าเชื่อมโยงไปถึงเส้นทางการเงินแก๊งพนันออนไลน์ ก็ไม่เป็นไรแต่จะขอไล่ดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ทั้งหมด

“แต่เชื่อหรือไม่ว่าตอนนี้ยังหาคนสั่งการให้ค้นบ้านผมไม่ได้ เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ นิสัยผมผมเป็นนักสู้อยู่แล้ว”

[ขอประกันตัวลูกน้องที่ถูกจับ ให้แต่ละคนสู้คดีต่อไป พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ]

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า ส่วนลูกน้องที่ถูกจับกุมไปถ้าหากผิดก็ต้องอธิบายให้ได้ ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หลังมีรายงานระบุว่า มีภาพปรากฏ ทั้งเจ้านาย (พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล) และลูกน้องอยู่ในงานเลี้ยงสังสรรค์ที่มีหญิงสาวรายหนึ่งเธอเป็นผู้ต้องหาในคดีเกี่ยวกับพนันออนไลน์ เรื่องนี้ รอง ผบ.ตร. ปฏิเสธทันทีว่า รู้มานานแล้วว่าจะมีการเอาภาพหรือคลิปเหล่านี้ไปดิสเครดิต พร้อมอธิบายเพิ่มว่า วันนั้นเป็นวันเลี้ยงลูกน้องโดยใครจะเอาใครมาไม่ทราบได้ ส่วนผู้หญิงคนดังกล่าวยืนยันไม่รู้จักไม่มีความเชื่อมโยงหรือมีการติดต่อ ไม่มีเบอร์โทรศัพท์

“ลูกน้องก็ต้องตอบให้ได้ว่า มีความสัมพันธ์ที่สนิทเกี่ยวพันกับหญิงสาวที่ถูกจับคดีพนันออนไลน์ ระดับไหน ไม่ใช่หน้าที่ผมต้องไปตอบ เราไม่มีสิทธิรับรู้หรอกว่าลูกน้องไปทำอะไรมาบ้าง แต่ถ้าทำไม่ดีก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เราต้องทำตัวตรงเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกน้อง นิ้วไหนร้ายต้องตัดทิ้ง” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว

ดูเหมือนว่าในการให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พยายามจะอธิบายซ้ำๆ ว่า “ตนเองถูกดิสเครดิต” ถ้านับได้น่าจะพูดคำนี้เกิน 5 ครั้ง พร้อมกับยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ ส่วนประเด็นที่ให้ลูกน้องไปจ่ายค่าไฟของบ้านทั้ง 5 หลังรวมประมาณหมื่นกว่าบาทต่อเดือน ไม่ได้เอาเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันมาจ่าย เป็นเงินของตัวเอง คนไปจ่ายค่าไฟเป็นลูกน้องผมเอง

ถ้าย้อนกลับไปเมื่อช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้แทบจะทุกสื่อจับตาไปที่คดีใหญ่ ‘กำนันนก’ ผู้มีอิทธิพลใน จ.นครปฐม สั่งยิงตำรวจทางหลวงเสียชีวิต ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นแม่ทัพใหญ่คุมทำคดีนี้ด้วยตัวเอง สามารถไล่กล้องวงจรปิดในงานเลี้ยงสังสรรค์ คำ่คืนวันที่ 6 กันยายน 2566 ได้ทั้งหมด ทำให้ได้ผู้กระทำผิดเพิ่มขึ้น ซึ่งแทบจะเป็นตำรวจทั้งหมดที่อยู่ในงานเลี้ยงเพราะพบว่าพฤติกรรมในกล้องวงจรปิดไม่ตรงกับคำให้การไปก่อนหน้านั้น จนทำให้มีการคุมตัวตำรวจระดับชั้นปฏิบัติการดำเนินคดี ถัดมาอีกไม่นาน สำนวนคดี ‘กำนันนก’ ก็กลับตกไปอยู่ในมือของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภาษาทางการคือ ถูกโอนสำนวนคดีเพื่อเปลี่ยนคณะทำงาน โดยเป็นไปตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ผบ.ตร. ทำให้ต้องเริ่มนับ 1 กับการทำเคสนี้ โดยเมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2566 พล.ต.ท.จิรภพ ชี้แจงเหตุผลว่า เป็นเรื่องปกติคดีนี้เกี่ยข้องกับผู้มีอิทธิพลและอุกอาจ เป็นหน้างานของตำรวจกองปราบหรือตำรวจสอบสวนกลางอยู่แล้ว ในคดีที่มีความซับซ้อนและมีผู้มีอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง การทำคดีของส่วนกลางน่าจะโปร่งใส ตรงไปตรงมาและชัดเจนมากที่สุด ย้ำว่าเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และยืนยันว่าสิ่งที่ปฏิบัติหน้าที่มาไม่ได้ช่วยเหลือตำรวจรายใด ยศอะไรมีอิทธิพลแค่ไหน เราสนใจทำงานอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ เพื่อให้พยานหลักฐานแน่นให้มากที่สุด

เวลาช่างเหมาะเจาะ เมื่อมีรายงานว่า ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ทนายฟ้องนายอัจฉรยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ข้อหาหมิ่นประมาท ซึ่งนายอัจฉริยะ ก็ได้ให้สัมภาษณ์กับ PPTV ช่อง36 ว่ามีหลักฐานเด็ด แฉลูกน้อง รอง ผบ.ตร. รายนี้ถือบัญชีม้า จากคดีบอสตาลและมินนี่ ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวกับพนันออนไลน์ทั้งหมด และบ่ายวันเดียวกันที่ จ.ชลบุรี พล.ต.ต.กิตติ์ธเนศ ธนนันท์ทวีสิน ผู้บังคับการประจำกองบัญชาการตำรวจสันติบาล อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรชลบุรี เข้าแจ้งความเอาผิด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ในมาตรา 157 เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากคดีเปลี่ยนตัวผู้กระทำความผิดพูลวิลลา พัทยา

และเรื่องนี้ก็ไปถึงหูนายกฯ เศรษฐษ อย่างทันควัน และพร้อมตั้งคณะกรรมการที่ไม่ใช่องค์กรตำรวจ แต่จะต้องเป็นคนนอกขึ้นมาตรวจสอบกรณีนี้ เพราะ ‘ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก’ และยืนยันว่าไม่ได้กระทบวาระการพิจารณาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนใหม่ ยังคงเป็นไปตามวาระเดิมไม่มีการเลื่อนออกไป

โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ยกหูรายงานสถานการณ์แบบใกล้ชิดถึงนายกฯ โดยบอกว่าคดีนี้สืบเนื่องจากการขยายผลของทีมตำรวจไซเบอร์เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว ที่มีการขยายผลจากการจับเครือข่ายพนันออนไลน์ขนาดใหญ่ และขออนุมัติหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง 23 หมาย แบ่งเป็นหมายจับระดับตำรวจ 8 หมาย และพลเรือน 15 หมาย หมายตรวจค้นครั้งนี้เกี่ยวข้องกับกลุ่มพนันออนไลน์มินนี่ ส่วนตัวคิดว่าไม่เกี่ยวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่อาจจะเกี่ยวกับตำรวจ 8 นายที่เป็นลูกน้อง ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน และยังยืนยันอีกเสียงว่าไม่ได้ขัดขาเก้าอี้ ตำแหน่ง ผบ.ตร.

[ลุ้น 4 ตำรวจมากฝีมือ เข้าชิงเก้าอี้หนึ่งเดียว ตำแหน่ง ผบ.ตร.]

เมื่อดูประวัติผู้ที่เข้าชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. คนใหม่ ที่มีทั้งหมด 4 คน ประกอบไปด้วย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้มีความอาวุโสลำดับที่ 1 เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 24 และนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 40 มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายจบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปริญญาโท MPA จากสหรัฐอเมริกา จบหลักสูตรหลัก FBI จากสหรัฐอเมริกา หลักสูตรสืบสวนจากสหรัฐอเมริกา-ออสเตรเลีย ระหว่างปี 2561-2564

ต่อด้วย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ผู้มีลำดับอาวุโสเป็นอันดับที่ 2 จบมัธยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนมหาวชิราวุธ นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 31 และจบปริญญาตรี จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 47จบปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต ปริญญาโทสังคมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม จากมหาวิทยาลัยมหิดล และระดับปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย และระดับ ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาอาชญาวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล มีผลงานด้านกราบปราบปรามสืบสวนสอบสวนที่โดดเด่นอยู่ในสื่อตลอดเวลา

ตามมาด้วยผู้อาวุโสลำดับที่ 3 พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. นักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 และปริญญาตรีจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41 โดยจะครบวาระเกษียณอายุราชการ ในปี 2569

และสุดท้ายท่านที่ 4 พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผบ.ตร. ลำดับอาวุโสเป็นอันดับที่ 4 จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนโยธินบูรณะ ระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นที่ 38 และปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศรีปทุม หลังเรียนจบก่อนจะมาเป็นตำรวจ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เคยทำงานเป็นพนักงานในบริษัทน้ำมันคาลเท็กซ์ 7 ปี และลาออกมาสมัครรับราชการตำรวจเข้าอบรมหลัก สูตรการฝึกอบรม ผู้มีคุณวุฒิทางด้านนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร (กอต.) รุ่นที่ 4

หลังจากนี้ต้องจับตาให้ดี วันที่ 27 กันยายน 2566 เก้าอี้ผบ.ตร. คนใหม่ จะเป็นของใคร โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นั่งประธาน ก.ตร. ซึ่งจะเป็นผู้เลือกเองกับมือ