ธนาธร เสนอมาตรการ “3 ป. 3 เปิด” ปฏิรูปกองทัพ

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เสนอมาตรการ 3 ป. 3 เปิด ปฏิรูปกองทัพ พร้อมขอบคุณผู้ตั้งแคมเปญคัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปราศรัยเวที จากโคราชสู่การปฏิรูปกองทัพ ที่จัดภายในอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงเหตุผลที่ตนไม่มั่นใจให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ปฏิรูปกองทัพ เนื่องจาก ตนเคยขอข้อมูลจาก ป.ป.ช. เพื่อจะดูทรัพย์สินของนายพล 81 คนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นสนช. (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) พบว่า มีทรัพย์สินเฉลี่ยคนละ 78 ล้านบาท นอกจากนี้แต่ละคนยังมีทหารรับใช้ แตกต่างจากข้าราชการะดับสูงในหน่วยราชการอื่นๆ และตลอดเวลา 6 ปี ที่มีมาตรา 44 ไม่เคยใช้เพื่อจัดระเบียบกองทัพเลย

นายธนาธร ได้เสนอมาตรการ 3 ป. 3 เปิด เพื่อปฏิรูปกองทัพ 1. เปิดชื่อ เช่นเปิดชื่อทหารที่เกษียณอายุราชการแล้วแต่ยังใช้งบหลวง 2. เปิดงบ เปิดรายละเอียดงบต่างๆ ให้โปร่งใสตรวจสอบได้ และ 3. เปิดทาง ให้ประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการปฏิรูปกองทัพในครั้งนี้

ขณะที่สัปดาห์หน้า พรรคอนาคตใหม่จะเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร ตั้งกรรมาธิการ(กมธ.) วิสามัญติดตามการปฏิรูปกองทัพตามที่พล.อ.อภิรัชต์ได้เสนอมา นอกจากนี้ยังเปิดให้ทหารชั้นผู้น้อยสามารถส่งข้อมูลการไม่ได้รับความเป็นธรรมเข้ามาที่เฟซบุ๊กของตนเองได้ เพื่อที่จะนำข้อมูลไปใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นวันที่ 24-26 ก.พ.นี้ ทั้งนี้ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม จะกลับมาทวงสัญญาเรื่องการปฏิรูปอีกครั้ง

ในช่วงท้ายมีการเปิดให้ผู้ร่วมงานถามคำถาม โดยมีคนหนึ่งสอบถามที่มาที่ไปแคมเปญคัดค้านยุบพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร ตอบว่า แคมเปญนี้มาจากกลุ่มคน 100 กว่าคน มีทั้งอาจารย์ ดารานักแสดงที่ร่วมลงชื่อเพื่อส่งเสียงว่าการยุบพรรคอนาคตใหม่ไม่เป็นผลดี ก็ขอขอบคุณผู้ร่วมลงชื่อในแคมเปญนี้

สำหรับการปฏิรูปกองทัพ นายธนาธร ระบุว่า สิ่งต่างๆ เป็นการเดินทางเชื่อว่าต้องใช้เวลา 10 ปี ไม่ใช่การเลือกตั้งครั้งเดียว หรือแก้กฎหมายฉบับเดียว

มีคำถามด้วยว่า หากพรรคอนาคตใหม่ ถูกยุบพรรค จะนำมวลชนลงถนนหรือไม่ นายธนาธรได้ถามกลับว่า “อยากลงหรือเปล่า” และกล่าวต่อว่า ความเชื่อของตนที่ใดมีการกดขี่ที่นั่นมีการต่อสู้ของประชาชน การจะเปลี่ยนแปลงต้องรณรงค์ทุกพื้นที่ทั้งในสภา นอกสภา โซเชียลมีเดีย ยืนยันอีกครั้งว่า การชุมนุมในที่สาธารณะเพื่อแสดงเจตจำนงทางการเมืองเป็นสิทธิเสรีภาพโดยชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย การชุมนุมโดยสันติเป็นความชอบธรรม

อีกคำถามระบุว่า ถ้าทหารไม่รัฐประหารรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะยังปฏิรูปกองทัพหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่าโจทย์นี้การปฏิรูปกองทัพไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าเกิดรัฐประหารในปี 2549 หรือ 2557 หรือไม่ก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดหรือไม่เกิด การปฏิรูปกองทัพก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นของสังคมไทย