กพช. เคาะ 3 แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ตรึงค่าไฟปีหน้า 4 เดือนแรก เฉพาะกลุ่มเปราะบาง ขอ ‘ปตท.’ 6,000 ล้านบาท หนุนลดต้นทุน

กพช. เคาะ 3 แผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ตรึงค่าไฟปีหน้า 4 เดือน ‘ม.ค. – เม.ย. 66’ เฉพาะกลุ่มเปราะบาง ขอ ‘ปตท.’ จัดสรรรายได้จากโรงแยกก๊าซ หนุนลดต้นทุนค่าไฟ รวม 6,000 ล้านบาท

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน พิจารณาแนวทางเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤติราคาพลังงาน มุ่งเน้นการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้า

โดยที่ประชุม กพช. มีมติเห็นชอบแนวนโยบายการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤติราคาพลังงาน ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2566 ดังนี้

1. การบริหารก๊าซธรรมชาติเพื่อการผลิตไฟฟ้า โดยจัดสรรก๊าซธรรมชาติ จากอ่าวไทยหลังโรงแยกก๊าซธรรมชาติ เพื่อใช้ในการผลิตไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัยก่อน ในปริมาณที่ไม่เพิ่มภาระอัตราค่าไฟฟ้าจากปัจจุบัน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) คำนวณอัตราค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่า Ft สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทบ้านอยู่อาศัย และมอบหมายให้ กกพ. เร่งศึกษาการจัดทำอัตราค่าไฟฟ้า กลุ่มประเภทบ้านอยู่อาศัยที่มีการใช้ไฟฟ้า มากกว่า 500 หน่วยต่อเดือนขึ้นไป เพื่อส่งเสริมการประหยัดพลังงาน

“กพช. มีมติเห็นชอบแนวทางตรึงค่าไฟฟ้า เดือนมกราคม-เมษายน 2566 เฉพาะกลุ่มครัวเรือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือน ไว้เท่าเดิม 3.78 บาทต่อหน่วย แม้อัตราค่าไฟฟ้างวด เดือนมกราคม-เมษายน 2566 จะปรับขึ้นเท่าไรก็ตาม ทั้งนี้มอบหมายให้ กกพ. ไปจัดทำรายละเอียดตามแนวทาง กพช.ต่อไป ส่วนที่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ปรับการช่วยเหลือเป็นแบบขั้นบันได” นายสุพัฒนพงษ์ ระบุ

2. ขอความร่วมมือจาก บมจ. ปตท. (PTT) ให้พิจารณา จัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ประมาณ 1,500 ล้านบาทต่อเดือน ระยะเวลา 4 เดือน ตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2566 มาช่วยสนับสนุนในรูปแบบที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนค่าไฟฟ้า โดยแบ่งการจัดสรร ดังนี้

– ส่วนที่ 1 เป็นส่วนลดราคาค่าก๊าซธรรมชาติ ให้กับ กฟผ. เพื่อสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือลดค่าไฟฟ้าแก่กลุ่มเปราะบางที่ใช้ไฟฟ้าต่ำกว่า 500 หน่วยต่อเดือน โดยมอบหมายให้ กกพ. กำกับดูแลการดำเนินการต่อไป

– ส่วนที่ 2 เป็นส่วนลดราคาก๊าซธรรมชาติ สำหรับโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ในการคำนวณต้นทุนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อเป็นเชื้อเพลิง

3. เห็นชอบให้ ปตท. ร่วมกับ กฟผ. บริหารจัดการผลกระทบของราคาก๊าซธรรมชาติต่อค่าไฟฟ้า โดยให้ ปตท. คิดราคาก๊าซธรรมชาติ สำหรับโรงไฟฟ้าของ กฟผ. IPP และ SPP ในระดับราคาเดียวกับที่ใช้การประมาณการค่าไฟฟ้า ตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ตั้งแต่เดือนที่ กพช. มีมติเป็นต้นไป

นอกจากนี้ กพช. ยังเห็นชอบการดำเนินการตามมาตรการการตอบสนองด้านโหลด (Demand Response) ในกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่น โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมเพื่อลดการใช้ก๊าซธรรมชาติ โดยกำหนดให้ผลตอบแทนจากการดำเนินมาตรการ Demand Response เป็นส่วนหนึ่งของค่า Ft และมอบหมายให้ กกพ. เร่งดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ เพื่อให้สามารถลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในภาพรวมต่อไป

และมีมติมอบหมายให้ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณาดำเนินการและกำกับดูแลแนวทางการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ เพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤติราคาพลังงานต่อไป

ทั้งนี้ นายสุพัฒนพงษ์ ระบุว่า มาตรการดังกล่าวข้างต้น เป็นเพียงมาตรการระยะสั้นเพื่อบรรเทาวิกฤติด้านราคาพลังงาน โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ที่มีราคาสูงถึง 30 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียูในเดือนตุลาคม 2565  ซึ่งสูงกว่าอดีตในปี 2564 ที่ราคาเพียง 10 เหรียญสหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู แต่คาดว่าช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2566  จะเป็นช่วงที่ราคาพลังงานปรับตัวขึ้นสูงสุด เพราะเข้าสู่ฤดูหนาวในต่างประเทศ ประกอบกับการสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้ราคาพลังงานปรับสูงขึ้น แต่คาดว่าหลังจากผ่านพ้นฤดูหนาว ราคาพลังงานน่าจะดีขึ้น

ภาพประกอบจาก : ทำเนียบรัฐบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ค่าไฟปีหน้าขึ้นแน่ สูงสุด 6.03 บาทต่อหน่วย

กพช. เคาะใช้ ‘น้ำมันดีเซล-น้ำมันเตา’ แทนก๊าซธรรมชาติราคาสูง หวังมาตรการลดต้นทุน ช่วยควบคุมอัตราค่าไฟปีหน้า