เสรีพิศุทธ์ เผย พบข้อมูลฝากเข้ารับราชการตำรวจกว่า 100 คน รุ่น ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ เผอิญไม่เป็นข่าว

“มีฝากเข้าตำรวจเป็นร้อยคน รุ่น ส.ต.หญิง กรศศิร์ เผอิญไม่เป็นข่าว”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกับ workpointTODAY ถึงคดี ส.ต.ท.ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม เรื่องการเข้ารับราชการตำรวจ และเป็นที่ปรึกษาของ กมธ. รวมทั้งเรื่องวุฒิการศึกษา โดยรวมๆ แล้วถูกตรวจสอบว่าการเข้ารับราชการตำรวจมีคนฝากเข้า

“ส.ต.ท.หญิง ไม่ได้ใช้เส้นหรอกผู้ใหญ่ใช้เส้นให้ ส.ต.ท. จะมีอะไร ฝากเข้าเป็นตำรวจคุณสมบัติก็เกิน ก็ ส.ว. นั่นแหละ เสนอชื่อให้ ผบ.ตร. แล้วก็สั่งรวมไว้ในบัญชี พอถึง 100 คนก็เปิดรุ่นทีหนึ่ง การฝากเข้าไม่ได้แค่คนเดียวนะ ถ้ารุ่น ส.ต.ท.หญิง คนนี้ร้อยกว่าคน เผอิญไม่เป็นข่าว”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังบอกอีกว่า หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติทำรัฐประหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การใช้เส้น การฝากเข้ารับราชการตำรวจทหาร ยิ่งมีเยอะขึ้น ยกตัวอย่าง ‘ตั๋วช้าง’ ยอมรับยังไม่เคยพบเห็นการทุจริตที่เลวร้ายกว่ายุคนี้ใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้โอกาสคนที่สอบเข้าตามขั้นตอนหรือ นายตำรวจที่ทำผลงาน ต้องแพ้คนที่ใช้เส้นหรือฝากเข้า

“แพ้เส้นหมดเขาไม่ได้พิจารณากันหรอก ตอนนี้มหาศาล ยิ่งตอน คสช. มายิ่งเยอะ เห็นตั๋วช้างไหม ตำรวจเกรงใจกัน ตั้งแต่ตั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาหลังๆ มีตั๋วช้างมาทุกปี หน้าด้าน เขาถึงบอกตั๋วช้าง ใหญ่มาก”

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้ระบบอุปถัมภ์หมดไปก็ต้องมาปฏิรูปจากการเลือก บุคคลที่จะมาเป็นประธาน คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ต้องไม่ใช่นายกรัฐมนตรี ตนเองไม่เห็นด้วยเพราะไม่ได้เป็นเรื่องที่ดียิ่งเลวร้ายกว่าเดิม และขอเสนอให้เลือก อดีต ผบ.ตร. ที่สมัครใจ โดยให้นายตำรวจเลือกกันขึ้นมาเองใครก็ได้แล้วปกครองกันเอง แค่นี้ก็ไม่มีการเมืองแทรกแซงและจะทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เป็นอยู่ขณะนี้