ร้องหน่วยงานรัฐ ตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดใน จ.นครปฐม นำเงินวัดไปซื้อที่ดินและขายต่อบุคคลที่สาม

พุทธศาสนิกชน เรียกร้องให้หน่วยงานราชการตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง จ.นครปฐม สร้างกุฏิรุกล้ำลำคลองสาธารณะ สร้างโรงครัวโดยไม่ได้รับอนุญาต นำเงินวัดไปซื้อที่ดินโดยใส่ชื่อเจ้าอาวาส และขายต่อให้บุคคลที่สาม

นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความพร้อมด้วย นายสามารถและนายมานวรรธน์ สุธรรมพิทักษ์ ซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากวัดธรรมปัญญารามบางม่วง จ.นครปฐม โดยนายสามารถ เป็นผู้บริจาคที่ดินสร้างวัดดังกล่าว เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ต้องการดำเนินคดีกับพระคณานัมธรรมเมธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสมณานัมบริหาร และพระพิสิษฐ์ ศรีวิชา เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญาราม บางม่วง

นายอนันต์ชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2566 นายสามารถและคณะเข้ายื่นหนังสือกับตนเองโดยอ้างว่า เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง สร้างกุฏิรุกล้ำลำคลองสาธารณะ และสร้างโรงครัวโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำเงินวัดไปซื้อที่ดินใส่ชื่อของเจ้าอาวาส ก่อนนำไปขายต่อให้บุคคลที่สาม และจากการตรวจสอบข้อมูลและหลักฐานจึงมาดำเนินการแจ้งความ 2 คดี

คดีแรก นายมานวรรธ์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 2565 ได้ทำหนังสือร้องเรียนต่อ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าเจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง ต.บางช้าง อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยสร้างกุฏิสงฆ์ของวัดทับทางสาธารณะ และรุกล้ำลำคลองสาธารณะ(คลองโรงหีบ) โดยการก่อสร้างกุฏิดังกล่าวผิดแบบก่อสร้างที่เคยขออนุญาตไว้ และสร้างอาคารโรงครัวโดยไม่ได้ขออนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ขณะที่ วันที่ 3 พ.ค. 2565 ผู้อำนวยการ ป.ป.ช. จ.นครปฐม มีหนังสือถึง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทั่งวันที่ 17 พ.ค. 2565 ได้ทำหนังสือถึง พระคณานัมธรรมเมธาจารย์ เจ้าคณะใหญ่อนัมนิกาย เจ้าอาวาสวัดสมณานัม ว่าสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พิจารณาแล้วเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับการปกครองคณะสงฆ์อนัมนิกาย เป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ เพื่อโปรดพิจารณาในทางปกครองคณะสงฆ์ และขอความเมตตาแจ้งผลให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทราบ

ด้านนายมานวรรธ์ อ้างว่า เจ้าคณะใหญ่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน ตาม พรบ.คณะสงฆ์ 2505 และตามกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 11 พ.ศ.2521 ขณะเดียวกันได้สอบถามไปยัง ป.ป.ช. และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับคำตอบ พร้อมบอกว่าให้ไปดำเนินคดีกับเจ้าคณะใหญ่เอง

“ได้ยินมาว่ามีการพูดถึงคดีดังกล่าวว่าจะไม่ดำเนินการใดๆ หากพระคณานัมธรรมเมธาจารย์ ยังเป็นเจ้าคณะใหญ่ จะไม่มีใครทำอะไร เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วงได้  ผมจึงแจ้งความเจ้าคณะใหญ่ และเจ้าอาวาสวัดปัญญารามบางม่วง ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 86” นายมานวรรธ์ กล่าว

ส่วนอีกคดีนายอนันต์ชัย กล่าวว่า นายมานวรรธน์และนายสามารถ เข้าร้องเรียนเรื่องนี้ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2555 เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง ทำการซื้อที่ดิน โฉนดเลขที่ 63023 เลขที่ดิน 424 ต.บางช้าง อ.สามพราน จ.นครปฐม เนื้อที่ 2 ไร่ 2 งานราคา 1.5 ล้านบาท ซึ่งมีการใส่ชื่อผู้ร้องร่วมกับสีการายหนึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ คาดว่าจะนำเงินวัดไปซื้อและได้มีการรังวัดแบ่งแยกโฉนดคนละครึ่ง ต่อมาวันที่ 20 ต.ค. 2559 เจ้าอาวาสวัดธรรมปัญญารามบางม่วง ได้ขายที่ดินส่วนของผู้ร้องให้กับสีการายเดิมราคา 400,000 บาท และคาดว่าไม่ได้นำเงินจำนวนนี้เข้าวัด จึงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ และหากพบการกระทำความผิดขอให้ดำเนินคดี เบื้องต้นจากการตรวจสอบกับสำนักงานที่ดิน จ.นครปฐม สาขาสามพราน พบว่ามีการซื้อขายจริงจึงมองว่าการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายความผิดทางกฎหมาย