“ดูหน้าไม่รู้ใจ” สรุป พ่อค้าไก่หมุนปลอมเป็นทนายความ

กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ถูกพูดถึงในโซเชียลฯ ไทยวันนี้ กับกรณีแฉการปลอมตัวเป็นทนายความของผู้ทำอาชีพขาย ‘ไก่หมุน’ คนหนึ่ง ที่แนบเนียนเสียจนคนจับไม่ได้นับปี

เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Prapoj Wongkorkua ซึ่งเป็นทนายความตัวจริง ได้โพสต์ภาพและข้อความลงในกลุ่ม ทนายอาสา ปรึกษาในกลุ่มฟรี โดยทนายอาชีพ เพื่อเตือนภัยสมาชิกว่า มีพ่อค้าไก่หมุน ปลอมบัตรทนายใส่ครุย ขึ้นว่าความในศาลทำมานานหลายปี พร้อมกับเปิดเผยเอกสารการตรวจสอบประวัติทนายความ ซึ่งพบว่าชื่อทนายปลอมรายนี้ และไม่ปรากฏชื่อในทะเบียนทนายความ

พร้อมทั้งระบุอีกข้อความว่า “ทนายปลอม ว่าความชนะ อัยการที่ศาลจังหวัดกำแพงเพชร วันนี้ศาลยกฟ้องโจทก์” 

ต่อมามีรายงานข่าวว่า ทนายปลอมรายนี้ถูกจับกุมแล้ว ในข้อหา ปลอมคำพิพากษา ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมว่า ทำไปครั้งเดียว แต่ในกลุ่มดังกล่าวมีหลายคนทยอยออกมาระบุแล้วว่า เคยให้ทนายความปลอมว่าความให้ โดยตอนนี้ในกลุ่มมีการรวบรวมหลักฐานของผู้ที่เสียหายกันแล้ว

ขณะที่วันนี้ (5 ต.ค. 65) สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ออกแถลงการณ์เรื่องทนายความปลอมว่า ได้ทำการตรวจสอบแล้ว ไม่ปรากฏชื่อที่ถูกกล่าวหาดังกล่าวว่า เป็นผู้ที่ผ่านการอบรมและทดสอบวิชาว่าความจากสำนักฝึกอบรมวิชาว่าความแห่งสภาทนายความ และไม่ได้จดทะเบียนรับใบอนุญาตให้เป็นทนายความแต่อย่างไร ส่วนเลขหมายใบอนุญาตให้เป็นทนายความที่ทำการปลอมแปลงนั้น ก็เป็นของทนายความท่านอื่น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผู้ปลอมแปลงใบอนุญาตให้เป็นทนายความแต่ประการใด

“การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำความผิด ตามพระราชบัญญัติทนายความ พ.ศ. 2528 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ จะได้ทำการมอบอำนาจให้ นายชัยวัฒน์ บุญเกื้อ นายทะเบียนสภาทนายความไปดำเนินคดีกับบุคคลดังกล่าวโดยเด็ดขาดในทันที”

ขณะเดียวกันในการแถลงข่าวของ ดร.วิเชียร นายกสภาทนายความในวันนี้ สามารถสรุปความผิดที่ทนายความปลอมจะถูกดำเนินคดีเบื้องต้น ได้ดังต่อไปนี้

– เข้าข่ายกระทำผิดเกี่ยวกับที่ตัวเองไม่เป็นทนายความแต่ไปดำเนินการในฐานะทนายความ มีโทษทางอาญา

– ปลอมใบอนุญาตทนายความ ซึ่งปัจจุบันเป็นลายมือทางอิเล็กทรอนิกส์

– ใช้เอกสารปลอมทางอิเล็กทรอนิกส์

– การไปแอบอ้างโดยมีการประชาสัมพันธ์ว่าเป็นทนายความทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าเป็นทนายความอาจเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชน

– เข้าข่ายละเมิดอำนาจในชั้นศาล จากการเข้าไปดำเนินคดีในชั้นศาล

สำหรับคดีที่ทนายปลอมดำเนินการไปก่อนหน้านั้น นายกสภาทนายความ บอกว่า ขึ้นอยู่ดุลพินิจของศาลว่าจะมีดุลพินิจอย่างไร แต่ส่วนคดีที่ยังคาอยู่ในชั้นพิจารณาต้องมีการแต่งตั้งทนายใหม่เข้าไป หรือคู่ความจะว่าความเองก็สามารถทำได้

ทั้งนี้สภาทนายความฯ อยู่ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติมว่า มีทนายความจริงเข้าไปช่วยเหลือทนายปลอมรายนี้ด้วยหรือไม่ ขณะที่การป้องกันหลังจากนี้สภาทนายความฯ จะหารือสำนักงานศาลยุติธรรม เร่งทำระบบเชื่อมโยงเพื่อให้ศาลสามารถตรวจสอบใบอนุญาตทนายความที่จะเข้าไปว่าความในแต่ละคดี

กรณีที่เกิดขึ้นกับแวดวงทนายความครั้งนี้ยังถูกพูดถึงว่ามีความคล้ายกับภาพยนตร์ดังในอดีต เรื่อง Catch Me If You Can ที่ตัวเอกของเรื่อง แฟรงค์ ดับเบิ้ลยู อบาเนล หรือ แฟรงค์ อบาเนล ปลอมตัวทำงานเป็นทั้งหมอ ทนายความ และนักบินร่วมของสายการบินสำคัญ ได้อย่างเนียนจนไม่มีใครจับได้ โดยทั้งหมดนี้แฟรงค์ อบาเนล ลงมือทำก่อนที่จะถึงวันเกิดปีที่ 21 ของเขา

นอกจากนี้ แฟรงค์ อบาเนล ยังเป็นพวก 18 มงกุฎจอมลวงโลกเรื่องโกงเช็ค ทำให้เขาได้เงินหลายล้านดอลลาร์ จนนักสืบเอฟบีไอ คาร์ล ฮันแร็ทตี้ ได้รับมอบภารกิจสำคัญในการจับกุมแฟรงค์และนำเขามาขึ้นศาลให้ได้ แต่ในภาพยนตร์นั้นแฟรงค์ก็มักจะนำนักสืบเอฟบีไอไปหนึ่งก้าวเสมอ คล้ายกับทนายปลอมเวอร์ชั่นไทยคนนี้ ที่จะปลอมตัวทำมานาน และเพิ่งถูกจับกุมตัวได้ในช่วงนี้เอง

ตัวอย่างภาพยนตร์ Catch Me If You Can :