ไนกี้ เปิดให้บริการสมาชิกวัยเด็ก ส่งรองเท้าให้ใส่ ไร้กังวลปัญหาเท้าโตไว

หมดปัญหาการเลือกซื้อรองเท้าสำหรับเด็ก ๆ ที่มีขนาดเท้าโตไว ไนกี้ แบรนด์เครื่องกีฬาชื่อดังระดับโลก กระโจนเข้าสู่ตลาดการให้บริการสมัครสมาชิกโดยจ่ายค่าบริการรายเดือน (Subscription service) ที่มีรูปแบบเหมือนการจ่ายให้เว็บไซต์ให้บริการดูหนังอย่าง Netflix หรือบริการฟังเพลงออนไลน์อย่าง Spotify ด้วยการเปิดตัว Nike Adventure Club เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา 

Nike Adventure Club ถูกออกแบบมาเพื่อให้การเลือกซื้อรองเท้าสำหรับเด็กง่ายขึ้น เป็นตัวเลือกที่ใช้ในการแก้ปัญหาสำหรับพ่อแม่ที่ประสบปัญหาการเลือกซื้อรองเท้าให้ทันกับความต้องการของลูก ที่มีขนาดเท้าใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยแทนที่จะต้องพาเด็ก ๆ ไปที่ร้านเพื่อลองรองเท้าทีละคู่ Nike Adventure Club ได้เสนอบริการที่สะดวกกว่านั้น  โดยจะทำการจัดส่งรองเท้า 4 – 12 คู่ต่อปี ไปยังที่ใดก็ได้ในสหรัฐ ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่แต่ละครอบครัวเลือก

บริการนี้เหมาะสำหรับเด็กที่มีขนาดเท้า 4C ถึง 7Y หรือครอบคลุมอายุ 2-10 ขวบ

 สำหรับผู้ที่จะสมัครสมาชิก Nike Adventure Club มี 3 แพ็คเกจให้เลือก เริ่มต้นที่แพ็กเกจที่ถูกที่สุด มีค่าบริการเดือนละ 20 ดอลลาร์ (ราว 620 บาท) หรือคิดเป็นปีละ 240 ดอลลาร์ (ราว 7,420 บาท) โดยจะได้รับรองเท้า 4 คู่ต่อปี ต่อมาคือแพ็กเกจเดือนละ 30 ดอลลาร์ (ราว 930 บาท) หรือคิดเป็นปีละ 360 ดอลลาร์ (ราว 11,130 บาท) จะได้รับรองเท้า 6 คู่ต่อปี 

ส่วนแพ็กเกจที่แพงที่สุดมีค่าบริการเดือนละ 50 ดอลลาร์ (ราว 1545 บาท) หรือ 600 ดอลลาร์ต่อปี (ราว 18,550 บาท) ซึ่งจะได้รับรองเท้าใหม่ทุกเดือน เหมาะสำหรับเด็กที่สวมใส่รองเท้าผ้าใบเป็นประจำทุกวัน สวมใส่เพื่อเล่นกีฬา หรือเด็กที่มีแนวโน้มที่จะทำรองเท้าพังอยู่บ่อย ๆ 

อย่างไรก็ตาม สำหรับพ่อแม่ของเด็กที่โตแล้ว แพ็กเกจที่ถูกที่สุดที่ได้รองเท้า 4 คู่ต่อปี อาจจะเกินความจำเป็น เพราะขนาดเท่าของพวกเขาเริ่มคงที่

ตามข้อมูลของสมาคมศัลยกรรมกระดูกเท้าและข้อเท้าอเมริกา ระบุว่า เท้าของเด็กวัยหัดเดินที่อายุต่ำกว่า 16 เดือนจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าครึ่ง ทุก ๆ 2 เดือน เด็กที่อายุตั้งแต่ 16-24 เดือนจะมีขนาดเท่าที่ใหญ่ขึ้นครึ่งหนึ่งโดยเฉลี่ย ทุก 3 เดือน และเด็กที่อายุตั้งแต่ 24-36 เดือน ขนาดเท้าจะใหญ่ขึ้นทุก ๆ 4 เดือน แต่หลังจากนี้ ขนาดเท่าจะค่อย ๆ มีขนาดใหญ่ขึ้นช้าลง 

พ่อแม่ที่สมัครสมาชิกนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงแพคเกจได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะอัพเกรดเป็นแพคเกจที่แพงขึ้นหรือลดไปเป็นแพ็กเกจที่ถูกลงและพ่อแม่ยังสามารถหยุดใช้บริการชั่วคราวได้อีกด้วย 

เมื่อสมัครสมาชิกแล้ว สมาชิกจะได้รับอีเมล์ที่ประกอบไปด้วยแบบรองเท้าไนกี้และคอนเวิร์ส มากกว่า 100 แบบให้ได้เลือก โดยพ่อแม่สามารถเลือกสรรได้พร้อมกับลูก ๆ  ขั้นตอนในการรับรองเท้าก็ง่ายดาย เพียงเลือกรองเท้าคู่ที่อยากได้ จากนั้นทางไนกี้จะจัดส่งรองเท้ามาที่บ้านโดยจ่าชื่อหน้ากล่องเป็นชื่อของเด็ก ๆ เจ้าของรองเท้า และนอกเหนือจากรองเท้าที่สมาชิกจะได้รับแล้วนั้น ในกล่องที่ไนกี้จัดส่งมายังประกอบไปด้วย ‘ชุดอุปกรณ์ผจญภัย’ (Adventure kit) ที่เต็มไปด้วยกิจกรรมและเกมส์ที่พ่อแม่ทำกับลูก ๆ ของพวกเขาได้ รวมถึงสติกเกอร์ และของขวัญชิ้นเล็ก ๆ โดยของขวัญเหล่านี้ถูกสร้างสรรค์ร่วมกับ KaBoom องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ซึ่งเป็นองค์กรที่สนับสนุนให้เด็ก ๆ มีวิถีชีวิตที่มีสุขภาพแข็งแรง

ทั้งนี้หากรองเท้าที่สั่งมาใส่ไม่ได้หรือผิดขนาดไนกี้ก็มีบริการเปลี่ยนขนาดโดยไม่เสียค่าบริการหากดำเนินการภายในอาทิตย์ที่ทำการจัดส่ง

สิ่งที่น่าสนใจของโปแกรม Nike Adventure Club คือ การรีไซเคิลหรือการนำรองเท้าที่ใช้แล้วแปรสภาพเป็นวัสดุใช้ใหม่ โดยสมาชิกสามารถส่งรองเท้าที่ใส่แล้วของเด็ก ๆ กลับมายังไนกี้ ถ้าหากรองเท้านั้นยังมีสภาพดี ไนกี้จะทำการบริจาคให้ครอบครัวที่ขาดแคลน แต่หากรองเท้าอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้ต่อได้แล้ว ทางไนกี้จะนำรองเท้าคู่นั้นไปรีไซเคิลผ่านโครงการ Nike Grind ซึ่งเป็นโครงการที่จะทำการแยก ยาง โฟม หนัง สิ่งทอหรือวัสดุต่าง ๆ ออกและนำไปบดเพื่อนำไปสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ประกอบไปด้วย รองเท้า เสื้อผ้า และพิ้นผิวสนามเด็กเล่น 

 “พวกเราเห็นว่า Nike Adventure Club ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่โดดเด่น ไม่ใช่เพียงเป็นคลับรองเท้าผ้าใบสำหรับเด็กเจ้าแรกเท่านั้น บริการนี้เสนอตัวเลือกอันหลากหลายให้กับเด็ก ๆ และยังขจัดปัญหาสำหรับพ่อแม่ที่เลือกซื้อของให้ลูก ๆ อีกด้วย” Dave Cobban รองประธาน Nike Adventure Club ในการแถลงการณ์การเปิดตัว

ไนกี้ยังได้เปิดเผยว่า ไนกี้ได้มีการทดลองให้บริการลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ‘Easy Kicks’ โดยมีสมาชิกกว่า 10,000 คน 

ไนกี้ไม่ได้เป็นบริษัทแรกที่ให้บริการสมัครสมาชิกที่มุ่งเป้าไปกลุ่มลูกค้าที่เป็นเด็ก แต่ในปีนี้บริษัทค้าปลีกขนาดยักษ์อย่าง Foot Locker ได้ถือหุ้นใน Rockets of Awesome และ Walmart ก็ได้ร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพอย่าง Kidsbox ซึ่งทั้งสองให้บริการสมัครสมาชิกที่เกี่ยวกับเสื้อผ้าทั้งเด็กผู้ชายและผู้หญิง

นอกจากนี้ Stitch Fix บริการจัดแต่งทรงผมส่วนตัวออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา ก็ได้เสนอบริการจัดแต่งทรงผมสำหรับเด็กโดยเฉพาะ รวมถึง Amazon เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ เสนอบริการที่น่าสนใจอย่าง ‘ลองก่อนซื้อ’ โดยไม่ต้องทำการสมัครสมาชิก เป็นบริการที่ให้ลูกค้าสามารถลองสินค้าได้ก่อน หากไม่ชอบหรือใส่ไม่ได้สามารถส่งคืนได้ เอื้อให้พ่อแม่ของทั้งเด็กผู้หญิงและผู้ชายสามารถเลือกเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ มาให้ลูก ๆ ลองที่บ้านได้ และสามารถส่งคืนสินค้าที่ไม่ถูกใจได้ ซึ่งเป็นบริการที่มีชื่อเรียกว่า Prime Wardrobe

การเปิดตัว Nike’s Adventure Club เป็นก้าวแรกของไนกี้ที่เข้าสู่การแข่งขันในตลาดการให้บริการแบบสมัครสมาชิก จึงเป็นที่น่าติดตามต่อไปในอนาคตว่า ไนกี้จะให้บริการในลักษณะเดียวกันกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ หรือไม่