Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

เรื่องราวดราม่า ระหว่างดาราดัง หนิง ปณิตา กับ นายตำรวจจราจร ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ขาบจันทึก มีเรื่องราวเป็นอย่างไร ทำไมเกมถึงพลิกได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงเท่านั้น

Workpoint News จะสรุปสาระสำคัญของเหตุนี้ให้ฟังใน 16 ข้อ พร้อมทั้งน่าจะเป็นบทเรียนให้หลายคนได้เห็นด้วยว่า ในโลกออนไลน์แม้จะโพสต์ทุกอย่างได้ง่าย แต่การคิดให้ถี่ถ้วนก่อนจะตัดสินใจโพสต์ ก็ยังคงเป็นเรื่องจำเป็น

1) หนิง ปณิตา ธรรมวัฒนะ ปัจจุบันอายุ 40 ปี เธอเข้าวงการบันเทิงตั้งแต่เรียนมัธยม จากนั้นเมื่อขึ้นมหาวิทยาลัย ได้เซ็นสัญญากับช่อง 7 และเริ่มบทบาทเป็นนักแสดงตั้งแต่นั้น โดยส่วนใหญ่บทของเธอคือนางร้าย

ปี พ.ศ.2544 หนิง ปณิตา ได้รับรางวัลเมขลา สาขาดาวร้ายหญิง จากผลงานการแสดงเรื่อง “แม่ค้า” ซึ่งเธอก็ทำงานในวงการบันเทิงต่อมาเรื่อยๆ และก้าวขึ้นสู่บทบาทผู้จัดละครในที่สุด

2) ชีวิตส่วนตัว หนิง ปณิตา แต่งงานกับจรินทร์ ธรรมวัฒนะ เจ้าของตลาดยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่ ทั้งคู่มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ชื่อน้อง ณิริน สำหรับหนิง ปณิตา ถือว่าอยู่ในกลุ่มคนที่มีฐานะดีของประเทศไทยเลยทีเดียว

3) เหตุการณ์ดราม่าครั้งนี้ เกิดขึ้น วันที่ 21 ตุลาคม 2562 หนิง ปณิตา ได้โพสต์ใน IG ของตัวเองว่า เธอโดนตำรวจตั้งใจจะไถเงิน โดยมีข้อความดังนี้

“ด้วยความไม่รู้ทาง วันนี้ต้องขับรถเองเพื่อเอารถไปเข้าฉาก ขับผิดเลนแล้วหักออก ถูกตำรวจจับ ยอมรับมันคือสิ่งถูกต้องสำหรับการผิดกฎ ประโยคแรกที่พูดกับคุณตำรวจ “เขียนใบสั่งได้เลยค่ะ” (อินเนอร์คือผิด ยอมรับไม่ได้กวน แต่คุณตำรวจทำเป็นถามนั่นนี่เดินวนไปวนมา ถามแม้กระทั่งชื่อยี่ห้อรถ (เออท้ายรถที่เดินวนไปมาก็มียี่ห้อติด) ”

“คือแบบรู้เลยว่าจะเอาตัง เพราะคนส่วนมากจะขอช่วยหน่อยน้า เลยพูดไปว่า ขอโทษนะคะ ที่ทำให้เสียเวลา เขียนใบสั่งมาเถอะค่ะ ทำผิดก็ต้องปฏิบัติตามกฎ ถ้าตำรวจมายกโทษให้ แลกกับให้เราให้ตัง มันก็คงมีเรื่องแบบนี้ไปเรื่อยๆ สังคมมันถึงได้เห็นแก่ตัวขึ้นทุกวัน”

“พูดแรงไปมั้ยอ่ะ แต่มันคือเรื่องจริง ตำรวจดีๆก็มีเยอะ แต่คนเกลียดตำรวจ คือมันก็ไม่ต่างกับสุภาษิตไทย ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง”

4) หลังจากที่เธอโพสต์ในไอจี ปรากฏว่ามีแฟนคลับของหนิง ปณิตา เข้ามาเห็นด้วยกับเธอจำนวนมาก และตามน้ำด่าตำรวจ โดยมีคอมเมนต์ชื่นชมหนิง ปณิตา ตัวอย่างเช่น “ชัดเจนตรงประเด็นดีค่ะ” , “จัดไปพี่” , “จริงสุดๆเลยค่ะ ยิ่งมันเห็นรถราคาแพงๆด้วยเนี่ย ไม่ต้องสืบ เรียกเงินแน่ ไม่ต่างจากขอทาน”

5) หลังจากตำรวจโดนด่าอย่างหนักมาตลอดหลายชั่วโมง ทำให้สน.วิภาวดี ออกมาแก้ข่าวทันที โดยอธิบายเหตุการณ์ว่า

เวลา 7.00 น. ของเช้าวันที่ 21 ต.ค. สิบตำรวจโท ธีรพงษ์ ขาบจันทึก ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ถนนวิภาวดี บริเวณทางเบี่ยงที่จะมุ่งหน้าไปรัชโยธิน ปรากฏว่าเวลา 7.14 น. รถยนต์ยี่ห้อมาเซราติ ทะเบียน กท 191 กทม. ขับขี่มาจากบางเขน ได้เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน ขับรถฝ่าเส้นทึบในบริเวณห้ามเปลี่ยนเลน

ตำรวจจึงหยุดรถ และแจ้งข้อหาขับขี่ฝ่าเส้นทึบ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ขอใบขับขี่ แต่หนิง ปณิตา ไม่ได้พกมา จึงยื่นบัตรประชาชนให้แทน

ในระหว่างที่จะเขียนใบสั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทราบว่า รถยนต์ที่หนิง ปณิตาขับเป็นยี่ห้ออะไร จึงเดินวนสังเกตดูรอบรถ ก็ยังไม่ทราบอีก จึงเดินไปดูที่ป้ายวงกลมชำระภาษีประจำปี ทำให้ทราบว่ารถคันนี้เป็นยี่ห้อ Maserati

6) ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ระหว่างเขียนใบสั่ง ได้สังเกตว่ารถคันนี้ยังไม่ได้ชำระภาษีประจำปี 2562 จึงเพิ่มข้อหา “นำรถยนต์ที่ยังไม่ได้ชำระภาษี มาใช้” อีก 1 ข้อหา ก่อนจะปล่อยตัว หนิง ปณิตาออกจากจุดเกิดเหตุ

จากนั้น เมื่อส.ต.ท.ธีรพงษ์ กลับมาลงข้อมูลความผิดของรถยนต์ที่หนิง ปณิตาขับ พบว่า ทะเบียน กท 191 กทม. จริงๆแล้วเป็นรถ BMW ไม่ใช่รถ Maserati จึงเชื่อว่า ผู้ขับได้นำเอารถที่ยังไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องมาใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาต

เท่ากับว่า หนิง ปณิตา เบื้องต้นทำผิด 3 ข้อหา คือฝ่าฝืนเครื่องหมายเส้นทึบ, ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ และ ไม่ชำระภาษีประจำปี รวมถึงอาจเพิ่มเป็น 4 ข้อหา คือการสวมทะเบียนรถยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย

7) หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจออกมาอธิบาย ก็มีกระแสสังคมทั้ง 2 ด้าน บางส่วนยังคงสนับสนุนหนิง ปณิตาอยู่ แต่อีกกลุ่มก็ระบุว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่รู้จักแบรนด์รถยนต์ที่หนิง ปณิตาขับ ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เพราะ Maserati ไม่ใช่แบรนด์ที่มีวางขายโดยทั่วไป โดยชาวเน็ตจำนวนมากบอกว่า ต่อให้เห็นโลโก้ ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า โลโก้นี่คือรถยนต์ยี่ห้อ Maserati ดังนั้นจึงเข้าใจนายตำรวจ ที่ต้องถามยี่ห้อรถยนต์ที่หนิง ปณิตาขับ เนื่องจากจำเป็นต้องเขียนลงในใบสั่งด้วย

8 ) หลังมีเหตุดราม่าได้ระยะหนึ่ง ประเด็นนี้ ร้อนไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกตำรวจ ระบุว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ได้ทำตามขั้นตอนและกรอบของกฎหมาย แต่อาจทำให้ผู้ขับขี่เสียเวลา และรู้สึกไม่พอใจ แต่ไม่ได้มีการเรียกรับทรัพย์สินจากผู้ขับขี่ โดยหากคู่กรณีมีข้อมูลหลักฐาน สามารถส่งถึงต้นสังกัดที่เกี่ยวข้องได้ทันที ซึ่งที่ผ่านมาตำรวจทำผิด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีบทลงโทษทางวินัยและทางอาญามาโดยตลอดอยู่แล้ว”

9) เมื่อมีข้อมูลจากทั้ง 2 ด้านออกมา ชาวเน็ตจึงได้ทำการค้นหาประวัติของ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ผู้จับกุม ก่อนจะพบว่า เมื่อ 2 ปีก่อน นายตำรวจท่านนี้เคยตกเป็นข่าว เรื่องการจับกุมนักศึกษาวิชาทหารที่ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค โดยนายตำรวจให้เด็กๆเลือกว่า “จะเลือกใบสั่ง หรือเลือกออกกำลังกาย” ซึ่งนักศึกษาที่ทำผิด เลือกออกกำลังกายทั้งหมด ตำรวจจึงสั่งให้ลุกนั่ง 20 ครั้ง พร้อมตักเตือนอีกว่า ถ้าไม่ใส่หมวกกันน็อคอีก คราวนี้จะให้ใบสั่งจริงๆ

“หากจะออกใบสั่ง เด็กๆก็ยังไม่ได้ทำงาน ต้องรบกวนเงินจากพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งวิธีการให้เด็กๆลุกนั่ง ก็ได้ผลเป็นอย่างดี เพราะไม่มีเด็กคนไหนทำผิดซ้ำสองอีก ถือว่า เป็นการให้โอกาสน้องๆได้อย่างดี เพราะใบสั่งในมือ ยังไงก็สู้ใบสั่งในใจไม่ได้

10) รวมถึงอีกหนึ่งเหตุการณ์ เกิดขึ้นในปี 2560 เช่่นเดียวกัน เมื่อมีลูกแมวตัวหนึ่ง ติดอยู่ใต้รถตู้โดยสาร ซึ่งนายตำรวจธีรพงษ์ ได้นอนราบไปบนพื้นถนนวิภาวดี เพื่อช่วยดึงลูกแมวออกมาจากใต้รถอย่างปลอดภัย ท่ามกลางเสียงปรบมือจากประชาชนทั่วบริเวณ ก่อนจะนำลูกแมวไปไว้ในป้อมตำรวจ และสุดท้ายมีคนใจบุญไปรับเลี้ยงในเวลาต่อมา

11) มีการพยายามค้นหาประวัติเสื่อมเสีย ของส.ต.ท.ธีรพงษ์ ปรากฎว่าไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียว นั่นทำให้ประชาชนในโลกออนไลน์ ยอมรับว่าตำรวจท่านนี้คือ นายตำรวจน้ำดี และกระแสสังคม จึงตอบโต้กลับมาหาหนิง ปณิตาทันที ว่าการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้ มีหลักฐานหรือไม่ หรือว่าคิดเองเออเองไปทั้งหมด

12) ทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง แสดงทรรศนะกับเหตุการณ์ของหนิง ปณิตาว่า “การโพสต์ลักษณะนี้ เป็นการยืนยันตามความเชื่อของตัวเอง ไม่ใช่ข้อสันนิษฐาน หรือการสงสัย และการกล่าวอ้างใส่ความตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ไม่ใช่การติชมโดยสุจริต การอ้างว่าตำรวจเดินรอบรถแล้วจะเรียกรับเงิน คือการใส่ความ และมีความผิดชัดเจน”

13) 11.30 น. ของวันที่ 22 ตุลาคม 2562 จรินทร์ ธรรมวัฒนะ สามีของหนิง-ปณิตา ได้เดินทางมา สน.วิภาวดี ยืนยันว่า รถ Maserati มีทะเบียนที่ถูกต้องแล้วเรียบร้อย ส่วนทะเบียน กท 191 กทม. ได้ขายทะเบียนนี้ให้กับเจ้าของใหม่ที่ใช้รถ BMW

“ผมผิดเองที่ไม่ได้เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถ แต่ยืนยันว่ารถคันนี้นำเข้าโดยตรงจากโชว์รูม จดทะเบียนกับขนส่งอย่างถูกต้องตามกฎหมาย” นายจรินทร์กล่าว

14) 12.00 น. ของวันเดียวกัน ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับ Workpoint News ว่า “ผมเห็นรถคันนี้เปลี่ยนเลนกะทันหันขับข้ามเส้นทึบ จึงโบกให้จอด แล้วถามว่าจะไปไหน โดยตอนนั้นไม่รู้จักว่าคนขับรถคือ หนิง-ปณิตา และได้แจ้งข้อกฎหมายไป”

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า อยากฝากอะไรถึงหนิง ปณิตา หรือไม่ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ตอบว่า “ถ้าเขาได้รับใบสั่งไป ก็เอาไปชำระให้ถูกต้อง ส่วนผมไม่มีอะไรครับ ขอยืนยันว่าจะยังคงปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิมต่อไป”

15) ล่าสุด หนิง ปณิตา ได้ยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “สำหรับประเด็นเรื่องการเรียกรับเงิน เขาไม่ได้เรียก ไม่ได้พูด แต่สาเหตุที่เราโพสต์ เพราะในสถานการณ์ตรงนั้น เราเชื่อว่าใครก็เจอ ก็จะทำให้คิดไปแบบนั้น ว่าทำไมเขียนใบสั่งให้เราช้าจัง ทำไมต้องถามเยอะ ซึ่งเราก็ใจร้อนตัดสินใจด้วยความรู้สึกตัวเอง คือคุณตำรวจเขาก็ทำถูกต้องทุกอย่าง ยอมรับว่าเราอาจจะคิดเร็วทำเกินไป”

ส่วนกองบัญชาการนครบาล ต้นสังกัดของ ส.ต.ท.ธีรพงษ์ ระบุว่า ในตอนนี้แจ้งข้อหา หนิง ปณิตาไปแล้ว 3 ข้อหา ซึ่งตัวหนิง ได้ส่งตัวแทนมาเพื่อชำระค่าปรับ แต่นี่เป็นความผิดทางอาญา ผู้กระทำผิดจำเป็นต้องมาชำระด้วยตนเองเท่านั้น

16) บทสรุปของเรื่องนี้ ถือเป็นกรณีศึกษาที่ดี ว่าการจะกล่าวหาใคร จำเป็นต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน ไม่อย่างนั้นสถานการณ์อาจพลิกผันได้ และการโพสต์ในโซเชียล เน็ตเวิร์ค เมื่อโพสต์ไปแล้ว ข้อความนั้นจะคงอยู่ตลอดไป ดังนั้นถ้าโพสต์อะไรแล้วจะส่งผลกระทบต่อผู้อื่น จำเป็นต้องคิดทบทวนให้ดี ก่อนจะทำการเผยแพร่เสมอ

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า