‘NON X JOKE’ ดูโอ้น้องใหม่ ความชอบที่แตกต่างสู่เคมีที่ลงตัวในเพลงคู่เพลงแรก ‘เป็นแฟนกันหน่อยดิ’

พูดคุยไปกับ ‘NON X JOKE’ กับเส้นทางการเป็นศิลปินอย่างเต็มตัว และความชอบที่แตกต่าง สู่เพลงคู่เพลงแรก พร้อมเผยถึงเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นเพลง เป็นแฟนกันหน่อยดิ

หมอนใหม่ใกล้ฉัน ไปกับ ‘NON X JOKE’ 2 นักแสดง ศิลปินหน้าใหม่มากความสามารถอย่าง ‘นนท์-รัชชานนท์ กันเพรียง’ และ ‘โจ๊ก-เฉลิมเดช ธรรมาวุธ’ จากสังกัดค่าย AB GROUP ที่ก่อนหน้านี้เคยเจอทั้งคู่มาแล้วในซีรีส์ The Rebound เจ้าของบทบาท ปรินซ์ (นนท์) และเจษ (โจ๊ก) และอีกหนึ่งเรื่อง ซังมินดินเหนียว ในบทบาท ต่อ (นนท์) และอาทิตย์ (โจ๊ก) ล่าสุดทั้งคู่มาพร้อมกับ เพลงคู่เพลงแรก สุดน่ารัก เป็นแฟนกันหน่อยดิ เพลงที่บอกเล่าความน่ารักของคู่ ต่อ-อาทิตย์ จากเรื่อง ซังมินดินเหนียว ซึ่งทั้งคู่ทำออกมาได้อย่างลงตัว ทั้งเสียงร้องที่เข้ากัน ท่าเต้นที่น่ารัก บอกเลยงานนี้ทำเอาแฟนคลับเบาหวานขึ้นตาอย่างต่อเนื่อง

ซึ่งกว่าจะมาเป็นเพลง เป็นแฟนกันหน่อยดิ นั้นไม่ง่ายเลย งานนี้ TODAY Play ชวน ‘NON X JOKE’ มาพูดคุยเบื้องลึกเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นเพลง เป็นแฟนกันหน่อยดิ พร้อมชวนทั้งคู่มาบอกเล่าถึงเส้นทางก่อนจะมาเป็น ‘นนท์-โจ๊ก’ ในปัจจุบัน

นนท์ : “สวัสดีทุกคนนะครับที่ติดตามพวกเราสองคนมาตลอด ทั้ง ‘นนท์’ และ ‘โจ๊ก’ เลยนะครับ วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวัน ที่เราได้ออกผลงานใหม่ที่ไม่เคยได้ทำมาก่อน”

โจ๊ก : “เป็นครั้งแรกเลยของเราสองคน”

นนท์ : “ก็หวังว่าทุกจะชื่นชอบ และสนุกไปกับเพลงใหม่ที่พวกเราปล่อยไปนะครับ”

จุดเริ่มต้นกว่าจะมาเป็น ‘NON X JOKE’

โจ๊ก : “จุดเริ่มต้นของเราสองคน คือเรื่อง The Rebound เป็นซีรีส์เรื่องแรกที่เราได้ร่วมงานกัน”

นนท์ : “ตอนนั้นจริงๆ ก็ยังงงๆ อยู่ว่าเรามาคู่กันได้ยังไง”

โจ๊ก : “เจอกันก็ไม่ได้คุยกัน” (หัวเราะ)

นนท์ : “ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าจะต้องมาคู่กัน ตอนที่เจอกันครั้งแรก รู้แค่ว่าน้องคนนี้มาใหม่ พี่อาร์ทก็บอกว่าเดี๋ยวให้โจ๊กไปเล่นคู่กับนนท์นะในเรื่อง The Rebound”

โจ๊ก : “อันนี้ไม่รู้มาก่อนนะ” (หัวะเราะ)

นนท์ : “ตอนนั้นคือมารู้ทีหลังเหมือนกัน ผมก็แบบโอเคเคยเจอกันอยู่แล้ว ผมก็ลองดู เพราะผมก็เป็นคู่ใหม่ที่พึ่งเกิดมา ตอนนั้นก็ทำเต็มที่ได้ลองเป็นคู่ที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ในสังกัดเดียวกัน”

โจ๊ก : “มีความคุ้นชินมากกว่า”

นนท์ : “มีโอกาสที่จะสื่อสารกันได้ง่ายมากกว่า ถ้ามันเกิดปัญหาอะไรต่างๆ ในการทำงานมันจะคุยกันง่าย และเกิดความสบายใจ เพราะว่าอยู่ในสังกัดเดียวกันทุกอย่างลงตัวมาก”

To Be Number One Idol ประตูบานแรกสู่เส้นทางศิลปิน

นนท์ :  “จุดเริ่มต้นคือตอนนั้นผมอยู่ ม.ปลาย ได้มีโอกาสไปประกวด To Be Number One Idol ตอนนั้นผมไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเป็นศิลปินหรือนักแสดง ผมรู้สึกว่าอยากมีผลงานทำ Portfolio ยื่นมหาลัย ตั้งใจแค่นั้น แต่คณะกรรมการเขามองเห็นว่าผมมีศักยภาพมากพอที่จะไปต่อเลยได้เข้ารอบระดับประเทศ พอมีโอกาส งั้นลองสักตั้งไหนๆ ก็ไม่ได้มีโอกาสแบบนี้เข้ามาบ่อยๆ ในชีวิต มันอาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตด้วยซ้ำที่จะได้ฝึกซ้อมเพื่อร้องเพลง เพื่อเต้น ทุกอย่างที่จะพัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้านหายากมาก กลายเป็นว่าผมได้พัฒนาตัวเองมากขึ้น เลยเกิดเป็นความรู้สึกชอบ รู้สึกภูมิใจกับตัวเองที่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน สุดท้ายพี่อาร์ทก็มาเห็นเพราะติดตามไอจี To Be Number One Idol แล้วเหมือนทางเพจลงรูปผม พี่อาร์ทเลยทักมาตอนนั้นลังเลอยู่ว่าจะไปดีไหม เพราะจะมีช่วงนึงที่มีข่าวว่าโมเดลลิ่งหลอกเด็ก ด้วยความกังวลใจว่าเขาหลอกหรือป่าว เพราะว่าพี่อาร์ทเป็นคนเดียวที่ทักผมมาเลยตัดสินใจลองทำสุดท้ายก็ออกมาด้วยดี”

โจ๊ก : “จุดเริ่มต้นของผมในการเป็นศิลปินคือช่วงประมาณ ม.4 ได้มีโอกาสประกวด To Be Number One Idol เพราะโดนแม่บังคับ เพื่อแลกกับสิ่งที่ตัวเองอยากทำคือการต่อยมวย (หัวเราะ) เพราะเมื่อก่อนผมเป็นนักกีฬาแล้วก็ไม่ได้มีความสนใจอะไรเลย เป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าร้อง ไม่กล้าเต้น ไม่กล้าแสดงออก อยู่ในกรอบมากๆ จนได้เข้ารอบภาคใต้ซึ่งรอบนี้คัดเหลือ ผู้ชาย 3 คน และ ผู้หญิง 3 คน ไม่ได้คิดว่าจะเข้ารอบ จนประกาศผู้เข้ารอบคนสุดท้ายเป็นชื่อผมเลยกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เพราะได้เป็นตัวแทนภาคใต้เข้าไปสู่รอบประเทศ ซึ่งการร้องการเต้นมันก็ไม่ได้แย่เรากลับชอบมันด้วยซ้ำ หลังจากนั้นผมได้เข้ามาในบ้าน To Be Number One Idol ประตูบานแรกในการเป็นศิลปิน นักแสดง สุดท้ายผมได้มีโอกาสครั้งที่ 2 ในฐานะศิลปินจริงๆ ในการทำเพลงตัวเองครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นการถ่าย เอ็มวีการอัดเพลง การซ้อมเต้น ทุกอย่างคือมืออาชีพมากๆ”

เรื่องราวในซีรีส์สู่ซิงเกิล “เป็นแฟนกันหน่อยดิ”

โจ๊ก : “จุดเริ่มต้นของเพลงมาจากซีรีส์ซังมินดินเหนียว พี่อาร์ทผู้จัดการผมเขาเห็นอะไรบางอย่างในตัวเราทั้งคู่ เลยให้เรามาทำเพลงนี้ ซึ่งจริงๆ ต้องบอกก่อนว่าเนื้อหาในซีรีส์กับเนื้อหาในเพลงค่อนข้างลิงก์กัน เหมือน จักรวาลเดียวกัน”

นนท์ : “มันเป็นรูปแบบความสัมพันธ์ที่คล้ายๆ กันครับ”

โจ๊ก : “ตัวละคร 2 คนจีบกันไปจีบกันมา แกล้งกันไปแกล้งกันมา หยอกกันไปหยอกกันมา ก่อนที่จะเป็นแฟนกันก็เกิดเรื่องราวมากมาย จนเราได้มาเป็นแฟนกัน เหมือนกับความหมายในเพลงเลยครับ”

นนท์ : “จริงๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงขนาดนั้น .อย่างที่เล่าไปเราแค่ได้ความคล้ายความเหมือนรูปแบบความสัมพันธ์ในตัวละครเรื่องซังมินดินเหนียว มันเลยลิงก์กันเชื่อมต่อกันเฉยๆ ประมาณนั้นครับ”

เบื้องหลังการทำงานเพลง และความท้าทาย

โจ๊ก : “ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาเต้นมาร้องเพลง เพราะว่าความฝันจริงๆ คืออยากเป็นนักแสดงล้วนไม่ได้มีความคิดว่าจะต้องมาเป็นศิลปิน พี่นนท์เขามีประสบการณ์อยู่แล้ว (หัวเราะ) ผมกดดันเพราะกลัวทำคนอื่นเสียเวลา .ผมต้องผลักดันตัวเองมากกว่าเดิมเพื่อที่จะทำให้งานไม่ช้าตามคนอื่นได้ทัน โชคดีที่ผู้คนรอบตัวเขาค่อนข้างมืออาชีพ. พี่นนท์เขาก็จะคอยแนะนำผมตลอดว่าต้องปรับนู่นนะ ปรับนี่นะ ต้องทำอย่างงี้จะดีขึ้น แล้วก็มีพี่โปรดิวเซอร์ที่คอยช่วยทำเพลง เขาแนะนำดี ผมรู้สึกโชคดีที่มีคนคอยซัพพอร์ตอยู่ตลอดจนทำให้เกิดเพลงนี้ได้”

นนท์ : “ส่วนของผมตอนอัดเพลงตอนนั้น .ถามว่าตื่นเต้นไหมก็ตื่นเต้น ถึงแม้จะมีประสบการณ์การอัดเพลงมา 2-3 ครั้ง แต่ก็ห่างหายไปนานเป็นปี ซึ่งครั้งนี้มีน้องโจ๊กที่จะอัดด้วยกัน ผมรู้สึกว่าเป็นพี่จะต้องนำร่องให้น้องไปก่อน อย่างน้อยเราต้องเอาอยู่ทุกอย่าง. แล้วมาช่วยเหลือให้เขาไม่กังวลเกินไป ซึ่งเราต้องเป็นหลักยึดมั่น โชคดีที่พี่โปรดิวเซอร์ค่อนข้างเป๊ะมากช่วยเหลือเราในหลายๆ เรื่อง เพราะเขาละเอียดทุกท่อนไม่ปล่อยให้เราร้องผ่านๆ ค่อนข้างจะใส่ใจ เลยผ่านไปได้ด้วยดี”

‘NON X JOKE’ เคมีที่เข้ากัน

นนท์ : “ปรับจูนน่าจะเป็นช่วงที่เราซ้อมเต้นครับ เราออกความคิดเห็นกันว่าท่านี้จะประมาณไหนดี เพราะว่าบางทีคนนึงอาจจะทำท่านี้. แต่ว่ามันจะออกมาอีกแบบนึงที่ไม่เหมือนกับอีกคนต้องมานั่งคุยกันว่าเราควรจะเลือกท่า ในรูปแบบไหนดีให้ไปทางเดียวกัน”

โจ๊ก : “ฟีลคุยปรึกษากันส่วนเรื่องความสัมพันธ์.ความสนิทสนม.ความเข้าใจ เราทำงานด้วยกันมาเป็นปี มีผลงานซีรีส์ 2 เรื่อง ก็ถือว่าผ่านพ้นไปด้วยดีไม่ได้มีปัญหา .เราทั้งคู่ค่อนข้างมีอะไรก็คุยกันตรงๆ”

นนท์ : “เป็นคนเข้าใจง่ายทั้งคู่ครับ”  (หัวเราะ)

มุมมองวงการบันเทิงที่แตกต่างกัน 

นนท์ : “ทุกวันนี้วงการมันมีหลายรูปแบบ.หลายคอนเทนท์ .เยอะจนเราโฟกัสไม่ถูกว่าเราควรจะยึดรูปแบบไหน ผมพูดในภาพรวมซีรีส์วาย.เห็นว่ามันเยอะมาก .ต่อไปนี้ไม่อยากให้โฟกัสว่าคนสองคนเป็นผู้ชายกับผู้ชายแล้วมาชอบผู้ชายได้อย่างไร ไม่อยากให้มาโฟกัสกับเรื่องนี้ อยากให้มองเป็นการใช้ชีวิตทั่วไปของคน ให้ไปคุมคอนเซ็ปต์อย่างอื่นที่เป็นเรื่องราวทั่วไป .แค่ตัวละครเอกเป็นผู้ชายกับผู้ชาย เพราะเราก็อยู่ในวงการวาย.อยากเห็นซีรีส์วายที่หลากหลายไม่ใช่แค่โฟกัสเรื่องของเพศสภาพ อีกด้านวงการเพลงผมรู้สึกว่าช่วงนี้เฟื่องฟูมาก เช่น พี่เจฟ น้องปัน พี่นนท์ ธนนท์ และอีกหลายคนกำลังมาแรงมากๆ ในช่วงนี้ไฟในวงการเพลงมันลุกโชน.ทุกคนมีแต่ตัวตึง มีแต่คนเก่งๆ ทั้งนั้นเลยเป็นไฟให้ผมอยากเป็นศิลปินมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ มีความสุข มากๆ ครับ”

โจ๊ก : “สำหรับผมไม่ว่าจะเป็นวงการซีรีส์ วงการเพลง ตอนนี้ประเทศไทยการแข่งขันมันสูงมาก.ในด้านวงการเพลงผมรู้สึกว่ามันค่อนข้าง เป็นที่นิยมมาก.ในช่วงนี้โกอินเตอร์สุดๆ นักร้องแต่ละคนในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นศิลปินเดี่ยว กลุ่ม ศิลปินไอดอล มีแต่คุณภาพ แต่ในเรื่องของการเป็นนักแสดงผมพูดในฐานะตัวผมเอง.คำว่านักแสดงกับดารามันไม่เหมือนกัน .ในตอนนี้ที่นิยมจริงๆ คือคำว่าดารามากกว่า ซึ่งนักแสดงที่คุณภาพจริงๆ ที่จะยอมสละความเป็นตัวเองให้เวลากับตัวละครตัวนั้นๆ ได้มีชีวิตขึ้นมา ผมว่ายังค่อนข้างน้อยครับ ถ้าหากสามารถไปในทางนั้นได้วงการ ซีรีส์ หนัง หรือ ละคร จะดีขึ้นมากๆ ครับ”

โจ๊ก : “ฝากเพลงของพวกเราด้วยครับชื่อว่า เป็นแฟนกันหน่อยดิ สามารถรับฟังได้ทุกสตรีมมิ่ง ทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็น JOOX , Spotify และ Apple Music สามารถรับชมเอ็มวีได้ทางยูทูป ช่อง AB GROUP พิมเข้าไปจะเจอพวกเราสองคนใช้ชีวิตกันอยู่”

นนท์ : “ฝากทุกคนที่ติดตามพวกเราสองคน อยู่นะครับไปทำแดนซ์ชาเลนจ์ได้ #เป็นแฟนกันหน่อยดิChallenge อย่าลืมไปเต้นกันเยอะๆ นะครับ”

โจ๊ก : “แล้วก็ฝากซีรีส์ของพวกเราสองคน ชื่อว่า ซังมินดินเหนียว จบไปแล้วแต่สามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง iQIYI จำนวนตอน 8 Ep แล้วก็ฝาก IG : jjokecht_xr”

นนท์ : “IG : nonn_rk”

โจ๊ก : “เราสองคน ก็จะคอยอัปเดตผลงานเรื่อยๆ ฝากติดตาม IG : abgroup_th และ IG : abgroup_music ด้วยนะครับ”