มีรายงานว่าเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ตึก 4 ชั้นที่ตั้งอยู่ในเมืองแคซอง บริเวณทางเหนือของเขตปลอดทหาร ที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ได้ถูกทำลายทิ้งด้วยวัตถุระเบิดเมื่อเวลา 14.49 น. ตามเวลาท้องถิ่น (เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง)
ตามรายงานของกระทรวงรวมชาติของฝั่งเกาหลีใต้ระบุว่า สำนักงานดังกล่าวซึ่งปกติจะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ฝั่งละ 20 คน หลังจากวันที่ 30 มกราคมก็ไม่ได้มีการใช้งานอีกเลยหลังมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19
ส่วนทางฝั่งเกาหลีเหนือได้ให้เหตุผลว่า การตัดสินใจระเบิดอาคารทิ้งเป็นผลมาจากการกระทำของฝั่งเกาหลีใต้เอง ที่ปล่อยผู้แปรพักตร์ส่งใบปลิวที่มีข้อความต่อต้านเกาหลีเหนือข้ามฝั่งเข้ามา ซึ่งเป็นการทำลายเกียรติของท่านผู้นำ และเป็นการผิดข้อตกลงที่ คิม จอง-อึน กับประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจอิน เมื่อปี 2018 ที่เห็นพ้องต้องกันว่าจะหยุดความรุนแรงและวิธีการต่าง ๆ รวมไปถึงการประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงและการแจกใบปลิวด้วย
ความสัมพันพันธ์ของทั้งสองชาติเริ่มมีสัญญาณไม่ดีอย่างชัดเจนมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ที่เกาหลีเหนือได้ออกมาประกาศว่าได้ตัดช่องทางสื่อสารทั้งหมดกับเกาหลีใต้ รวมถึงโทรศัพท์สายด่วน (Hotline) ที่มีไว้สำหรับการสื่อสารระหว่างผู้นำของสองประเทศโดยตรง
จากนั้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คิม โย-จอง น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ ก็ออกมาเรียกร้องให้มีการลงโทษผู้แปรพักตร์ที่ส่งใบปลิวผูกติดกับลูกโป่งหรือโดรน มาจากฝั่งเกาหลีใต้ มีการต่อว่าบุคคลเหล่านั้นด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และยังมีการขู่ว่าจะระเบิดสำนักงานความร่วมมือที่ไร้ประโยชน์ทิ้ง
ทางการเกาหลีใต้เองได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติหลังจากรับทราบข่าวดังกล่าวแล้ว และได้มีการสืบสวนถึงผู้แปรพักตร์ที่ส่งใบปลิว แต่การลงโทษพวกเขาอาจส่งผลให้โดนเสียงวิจารณ์ได้เนื่องจากตามหลักประชาธิปไตยแล้ว ทุกคนมีสิทธิในเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
เมื่อวันจันทร์ได้มีแถลงการณ์จากประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ที่ออกมาเรียกร้องให้ทางเหนือหันมาใช้วิธีเจรจากันต่อไป แม้ว่ากระบวนการอาจจะดูช้า แต่คำมั่นสัญญาที่จะรักษาสันติภาพของคาบสมุทรเกาหลี ที่ทางตัวประธานาธิบดีมุน และ คิมจองอึน ทำไว้ต่อหน้าคนเกาหลี 80 ล้านคนนั้น ไม่สามารถกลับคืนคำได้