SHARE

คัดลอกแล้ว

ความหวังในการผลิตพลังงานสะอาดที่สามารถใช้งานได้อย่างไร้ขีดจำกัด เริ่มเข้าใกล้ความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันสามารถทลายข้อกำจัดของการผลิตพลังงานด้วยปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันได้สำเร็จ นับเป็นอีกก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์วงการวิทยาศาสตร์และพลังงาน 

ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ลอว์เรนซ์ ลิเวอร์มอร์ (Lawrence Livermore National Lab – LLNL) ในรัฐแคลิฟอร์เนีย หลังจากมีความพยายามมานานหลายสิบปี ในที่สุด  นักวิทยาศาสตร์ก็สามารถเอาชนะอุปสรรค ผลิตพลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันได้มากกว่าพลังงานที่ใช้ไปในกระบวนการได้เป็นครั้งแรก ซึ่งจะปูทางไปสู่การมีแหล่งพลังงานสะอาดโดยไร้ขีดจำกัดในอนาคต

นิวเคลียร์ฟิวชัน คืออะไร 

นิวเคลียร์ฟิวชัน (nuclear fusion) เป็นปฏิกิริยาแบบเดียวกับที่เกิดในดวงอาทิตย์ เกิดจากการจับคู่อะตอมเพื่อสร้างพลังงานมหาศาลออกมาในรูปแบบของความร้อน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการนี้มานานหลายทศวรรษ 

นิวเคลียร์เคลียร์ฟิวชัน เป็นกระบวนการตรงข้ามกับนิวเคลียร์ฟิชชัน (nuclear fission) ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในปัจจุบันใช้กันอยู่ ซึ่งเป็นการแยกอะตอมหนักออกจากกัน ก่อให้เกิดกากกัมมันตภาพรังสีจำนวนมากและต้องใช้เวลานานกว่าจะสลายตัว จึงมีความอันตรายและต้องอาศัยการจัดเก็บเป็นอย่างดี ซึ่งหากเกิดความผิดพลาด อาจทำให้เกิดการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีได้ 

แตกต่างจากนิวเคลียร์เคลียร์ฟิวชันที่สร้างกากกัมมันตรังสีในปริมาณน้อยกว่า ใช้เวลาสลายตัวแค่เพียง 50-100 ปี ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก และแทบไม่มีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ เนื่องจากหากว่าเกิดความผิดพลาดขึ้นในกระบวนการปฏิกิริยาฟิวชันจะหยุดลง 

ความสำเร็จครั้งนี้สำคัญอย่างไร 

นิวเคลียร์ฟิวชันถูกมองว่าเป็น “จอกศักดิ์สิทธิ์” หรือความฝันอันสูงสุดในการผลิตพลังงาน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกพยายามทำการทดลองมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 ด้วยความหวังว่าจะเป็นแหล่งพลังงานสะอาด และมีราคาประหยัด เพราะกระบวนการนี้หากทำได้สำเร็จจะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ในปริมาณมหาศาล โดยไม่ต้องพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล อย่างเช่น น้ำมัน หรือก๊าซ จึงไม่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก และเป็นผลดีการจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 

ในการทดลองครั้งล่าสุดนี้ นักวิทยาศาสตร์ของ LLNL ได้ทดลองสร้างปฏิกิริยาฟิวชันขึ้นด้วยการยิงแสงเลเซอร์แรงสูงใส่แคปซูลขนาดเล็กที่บรรจุไฮโดรเจนไว้ภายใน เพื่อให้เกิดความร้อน และการบีบแน่น จนทำให้แคปซูลมีความร้อนสูงถึง 100 ล้านองศาเซลเซียส ซึ่งเป็นระดับความร้อนที่มากกว่าใจกลางดวงอาทิตย์ หลอมนิวเคลียสของอะตอมไฮโดรเจนเข้าด้วยกัน จนเกิดปฏิกิริยาฟิวชันที่ปล่อยพลังงานออกมา โดยได้พลังงานมา 3.15 เมกะจุล ในขณะที่ใช้พลังงานกับเลเซอร์ไป 2.05 เมกะจุล เท่ากับว่าได้พลังงานมามากกว่าพลังงานที่ใช้ไปกับกระบวนการสร้าง 

ในแง่วิทยาศาสตร์ การทดลองครั้งนี้จึงถือว่าเป็นความสำเร็จ เพราะเป็นครั้งแรกที่พิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันสามารถสร้างพลังงานได้จริง นับเป็นหลักไมล์สำคัญสู่การเข้าใกล้การแหล่งพลังงานสะอาดที่เกือบจะไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกใบนี้

อีกนานแค่ไหน นิวเคลียร์ฟิวชันจะนำมาผลิตไฟฟ้าได้

การสร้างพลังงานจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันยังคงอุปสรรคและความท้าทายอยู่อีกมาก โดยเฉพาะยิ่งในเรื่องของต้นทุนและการเพิ่มปริมาณพลังงานที่ผลิตได้ โดยการทดลองล่าสุดที่ LLNL ครั้งนี้ ใช้งบประมาณไปมากถึง 3.5 พันล้านดอลลาร์ แต่ได้กระแสไฟฟ้าเพียงพอต่อการต้มน้ำในกาแค่เพียง 15-20 ใบเท่านั้น 

ความสำเร็จครั้งนี้จึงเป็นเพียงก้าวเล็กๆ ที่ยังต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมต่อไปอีกหลายสิบปี กว่าจะได้เห็นการนำปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชันมาผลิตไฟฟ้าเพื่อแจกจ่ายในเชิงพาณิชย์

 

ที่มา 

https://www.bbc.com/news/science-environment-63950962

https://www.bbc.com/news/science-environment-63957085

https://edition.cnn.com/2022/12/12/us/common-questions-nuclear-fusion-climate/index.html

https://www.voathai.com/a/6875016.html

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า