รัฐบาลเงาเมียนมาเตรียมจัดตั้งกองกำลังตำรวจของตนเอง หวังใช้กฎหมายคานอำนาจสภาทหาร

รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) ซึ่งเป็นรัฐบาลเงาของเมียนมาประกาศในวันนี้ (8 มิ.ย.) ว่ากำลังเตรียมจัดตั้งกองกำลังตำรวจของตนเองที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน เพื่อบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศ

NUG ระบุในแถลงการณ์ว่า “วัตถุประสงค์ของการตั้งกองกำลังตำรวจในครั้งนี้เพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อสภาทหารที่กระทำการอันเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ก่ออาชญากรรมสงคราม และก่อการร้ายต่อประชาชน” 

การจัดตั้งกองกำลังตำรวจครั้งนี้ นับเป็นความพยายามล่าสุดของรัฐบาลเงาเมียนมาในการขัดขวางการทำงานของรัฐบาลทหารที่เข้ามาบริหารประเทศตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อเดือน ก.พ. ปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้สถานการณ์ในเมียนมาตกอยู่ในความโกลาหลนับตั้งแต่นั้นมา

อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่เป็นที่ชัดเจนว่า NUG จะจัดตั้งและดำเนินการกับกองตำรวจที่จะตั้งขึ้นใหม่นี้อย่างไรและเมื่อใด รวมไปถึงจะมีกองกำลังจำนวนกี่นาย โดยสำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า กำลังพยายามติดต่อไปยังโฆษกของ NUG และสภาทหารแต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองกลับมา 

ทั้งนี้ NUG พยายามเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลทหารมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งกองทุนเพื่อหาเงินมาสนับสนุนความเคลื่อนไหว, รณรงค์ไม่ให้ประชาชนจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลทหาร และการออกพันธบัตรเพื่อระดมทุนจากต่างประเทศ

ขณะเดียวกัน NUG ยังได้เรียกร้องให้ประชาชนลุกขึ้นต่อต้านกองทัพใน “สงครามปกป้องประชาชน” ทั้งยังมีการจัดตั้งกองกำลังเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านกองทัพอยู่ในเขตชนบทของเมียนมาด้วย

ขณะที่รัฐบาลทหารเมียนมาได้ดำเนินการปราบปรามฝ่ายต่อต้านอย่างต่อเนื่อง มีการจับกุมตัวนักโทษทางการเมืองจำนวนมาก และล่าสุดก็ได้รื้อฟื้นโทษประหารชีวิตมาใช้ครั้งแรกในรอบหลายสิบปีกับนักเคลื่อนไหวการเมือง 

นักโทษที่ถูกตัดสินให้ประหารชีวิต ประกอบด้วย นายเพียว เซยา ตอ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) และนายจ่อ มิน ยู หรือที่รู้จักกันในชื่อ จิมมี่ ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ในความผิดคดีก่อการร้าย รวมถึงนักโทษอีกสองคนที่มีความผิดในข้อหาฆาตกรรมผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับของรัฐบาลทหารในย่างกุ้ง

การรื้อฟื้นโทษประหารชีวิตของรัฐบาลทหารเมียนมา ส่งผลให้นานาชาติออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยในสัปดาห์ที่แล้ว องค์การสหประชาชาติ (UN) รวมไปถึงกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ และฝรั่งเศส ต่างออกมาประณามการกระทำดังกล่าว

ด้านกระทรวงต่างประเทศเมียนมาได้ออกแถลงการณ์ประณามการวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติผ่านทางสื่อของรัฐอย่างหนังสือพิมพ์ Global New Light of Myanmar โดยระบุว่า คำวิพากษ์วิจารณ์เป็น “การสนับสนุนการก่อการร้าย” และอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ