The New York Times วิเคราะห์ Squid Game สะท้อนความยากลำบากสังคมเกาหลี

The New York Times วิเคราะห์ Squid Game สะท้อนความยากลำบากสังคมเกาหลี

New York Times ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์ความนิยมของซีรีส์ ‘Squid Game’ ผ่านมุมมองคนจริงๆ ที่กำลังพยายามต่อสู้ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงลิ่ว เพียงเพื่อต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม 

  1. ชนชั้นกลางต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดในสังคมทุนนิยม

ไม่เพียงแค่ในบ้านเกิดอย่างเกาหลีใต้ ‘Squid Game’ กำลังได้รับความนิยมถล่มทลายทั่วโลก เตรียมขึ้นแท่นเป็นซีรีส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดตลอดกาลของ Netflix เบื้องหลังความนิยมของเรื่องราวการเอาตัวรอดในเกมแห่งความตายที่ถูกมองเป็นความหวังต่อลมหายใจ ซึ่งกลายมาเป็นภาพสะท้อนของโลกทุนนิยมทุกวันนี้

อย่างที่ คู ยอง-ฮยุน อดีตพนักงานบริษัทเอกชนในโซลวัย 35 ปี ที่ต้องตกงานหลังบริษัทได้รับผลกระทบจากโควิด-19  ได้ถ่ายทอดความรู้สึกกับ New York Times ว่า เขาจมดิ่งไปกับเรื่องราวในซีรีส์จนถึงกับต้องอดตาหลับขับตานอนใช้เวลาดูจนจบในคืนเดียว เพราะเข้าใจความรู้สึกตัวละครที่ต้องต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในสังคมที่ไม่เทียมกันอย่างสุดโต่งในประเทศแห่งนี้ 

“แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใช้ชีวิตสบายๆ ด้วยเงินเดือนของพนักงานประจำ” ในเมืองที่มีราคาบ้านเตลิดไปไกลแบบนี้ ซึ่งเขาเองก็เป็นเหมือนกับหนุ่มสาวคนอื่นๆ ในเกาหลีใต้และหลายๆ ประเทศที่สัมผัสได้ถึงการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นเพื่อไขว่คว้าผลประโยชน์ เช่นเดียวกับผู้เข้าแข่งขันในซีรีส์ ‘Squid Game’ 

2. ช่องว่างระหว่างคนรวย-คนจน กำลังห่างไปเรื่อยๆ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ภาพยนตร์หรือซีรีส์เกาหลีใต้หยิบยกเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมมาสะท้อน โดย New York Times ได้พูดถึงเรื่องนี้ในบทวิเคราะห์ว่า หากจะพูดกันจริงๆ ‘Squid Game’ เหมือนเป็นแค่การส่งออกวัฒนธรรมครั้งล่าสุดของเกาหลีใต้ที่เอาชนะใจคนทั่วโลกมาได้จากการเจาะลึกความรู้สึกที่ไม่เท่าเทียมกันของคนในประเทศ แม้เกาหลีใต้เฟื่องฟูขึ้นมาในยุคหลังสงคราม กลายมาเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในทวีปเอเชีย จนนักเศรษฐศาสตร์ถึงกับกล่าวว่าเป็น ‘ปาฏิหารย์แห่งแม่น้ำฮัน’ แต่การเจริญรุ่งเรืองเช่นนั้นกลับนำมาซึ่งความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยและคนจนที่กำลังห่างออกไปทุกที 

เรื่องราวเหล่านี้เคยถูกนำมาเสียดสีหลายต่อหลายครั้งผ่านสื่อบันเทิง ก่อนหน้านี้ ‘Parasite’ เจ้าของรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์เมื่อปีที่แล้ว ก็ได้สะท้อนภาพความเหลื่อมล้ำของครอบครัวของชนชั้นกลางที่สิ้นหวังกับชนชั้นมั่งคั่งในกรุงโซล หรือแม้แต่ ‘Burning’ หนังฮิตเมื่อปี 2018 ที่กระแทกสังคมด้วยเรื่องราวของเด็กส่งของคนหนึ่งซึ่งต้องพยายามทุกวิถีทางเอาชนะคู่แข่งที่มีฐานะดีกว่าเพื่อหญิงที่เขารัก

3. ความเจริญเป็นแค่เปลือกนอก แต่ประชาชนยังลำบาก

ปัจจุบัน เกาหลีใต้อยู่ในอันดับ 11 จากการชี้วัดด้วยดัชนีจีนี (Gini) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (สหรัฐฯ อยู่ในอันดับที่ 6) 

แต่ในขณะที่ครอบครัวชาวเกาหลีใต้ยังต้องพยายามดำรงชีวิตต่อไป หนี้ครัวเรือนก็กำลังเพิ่มขึ้นทุกขณะ จนนักเศรษฐศาสตร์บางคนถึงกับออกมาเตือนว่า หนี้ดังกล่าวอาจเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันราคาบ้านก็กำลังพุ่งขึ้นจนถึงจุดที่ราคาที่อยู่อาศัยกลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่ร้อนแรง โดยราคาบ้านในกรุงโซลพุ่งขึ้นกว่า 50% ในช่วงที่ประธานาธิบดีมุน แจ อิน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศ และได้กลายมาเป็นประเด็นใหญ่ทางการเมือง 

4. สังคมที่เต็มไปด้วยแรงกดดันให้ต่อสู้เพื่อตนเอง

Squid Game’ ได้เสียดสีเรื่องราวเหล่านี้ในสังคมเกาหลีใต้ทั้งแรงกดดันเพื่อไขว่คว้าความสำเร็จและความยากลำบากในการทำเช่นนั้น อย่างที่ ชิน เย-อึน ซึ่งเรียนจบจากวิทยาลัยมาตั้งแต่เดือน ม.ค. 2020 ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดโควิด-19 ระบาด กล่าวว่า ตอนนี้เธอมีอายุ 27 ปีแล้ว และต้องใช้เเวลากว่าปีถึงจะได้งานที่มั่นคง กล่าวว่า “มันยากมากๆ สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในศตวรรษที่ 20 ในการหางานประจำทุกวันนี้” 

สถานการณ์เหล่านี้ยังทำให้เกาหลีใต้ต้องเผชิญกับปัญหาอัตราการเกิดลดต่ำลงมาก โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนหนุ่มสาวรู้สึกว่า การเลี้ยงลูกต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงมาก “ในเกาหลีใต้ ผู้ปกครองทุกคนต้องการส่งลูกไปโรงเรียนที่ดีที่สุด ซึ่งจะทำแบบนั้นได้ คุณต้องอาศัยอยู่ในย่านที่อยู่อาศัยที่ดีที่สุดด้วย” นั่นเท่ากับว่าคุณจะต้องประหยัดเงินที่สุดเพื่อให้เพียงพอต่อการซื้อบ้าน นี่เป็นเป้าหมายที่ดูเหมือนจะเกินจริงอยู่ “ซึ่งฉันไม่เคยแม้แต่คิดคำนวณว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่จึงจะทำได้”  ชิน เย-อึน พูดถึงสถานการณ์ที่เธอและเพื่อนร่วมประเทศกำลังเผชิญ 

5. ความเหลื่อมล้ำบีบบังคับให้คนต้องหาทางรวยทางลัด

ตัวละครแต่ละตัวที่ปรากฏใน ‘Squid Game’ ต่างก็สะท้อนปัญหาของคนหนุ่มสาวในเกาหลีใต้ที่มองไม่เห็นโอกาสสร้างก้าวหน้าทางสังคม หรือที่ถูกเรียกในประเทศว่าเป็นพวกช้อนดิน (Dirt spoons) ซึ่งกำลังหมกมุ่นอยู่กับการสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเองอย่างรวดเร็ว อย่างการหันไปเทรดเงินดิจิทัล หรือการเสี่ยงโชคด้วยลอตเตอรี ทำให้ทุกวันนี้เกาหลีใต้กลายมาเป็นตลาดซื้อสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ดังคำกล่าวของ คู ยอง-ฮยุน คู ซึ่งได้อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า เงินรางวัลในซีรีส์ก็เหมือนกับการเทรดเงินดิจิทัล “ผู้คนกำลังมองหาโอกาสที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนในเวลาไม่กี่นาที เพราะความยากลำบากในการหาเงิน ทำให้ชาวเกาหลีใต้หมกมุ่นอยู่กับวิธีการรวยทางลัด” คูกล่าว พร้อมกับเสริมว่า “ผมเคยคิดเล่นๆ ว่า ถ้ามี ‘Squid Game’ เกิดขึ้นในชีวิตจริง จะมีคนมาเล่นเกมกี่คนกันนะ” 

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง