เม็ดเงินโฆษณาไม่ได้ลด แต่ลูกค้าต้องการมากขึ้น คุยกับ ‘โอกิลวี่’ เอเจนซี่อันดับ 1 เอเชียแปซิฟิก

ตอนนี้งบประมาณการใช้จ่ายโฆษณาทั่วโลกยังคงเติบโตเพิ่มขึ้น วงการโฆษณายังคงคึกคัก ตั้งแต่โฆษณาผ่านสื่อออนไลน์ สื่อนอกบ้าน การจัดอีเวนท์ รวมถึงการจัดแคมเปญต่างๆ และการมาถึงยุค AI ก็ยังทำให้โฆษณาดิจิทัลเติบโตสูงขึ้นไปอีก

นอกจากช่วยส่งเสริมยอดขายแล้ว โฆษณายังคงทำหน้าที่สื่อสารจากแบรนด์ไปยังผู้บริโภคได้เสมอมา และเซ็ทเทรนด์สำคัญได้ อย่างกรณีศึกษาของ แคมเปญชีสเบอร์เกอร์คิง ที่ใช้ ‘เรียลไทม์มาร์เก็ตติ้ง’ สร้างการรับรู้ว่าแบรนด์สามารถคัสตอมกำหนดเลือก (Custom) เบอร์เกอร์ได้ ไม่ได้แค่สั่งแล้วเลือกไม่ได้  แคมเปญนั้นทำให้ยอดขายของแบรนด์เพิ่มขึ้น 500% ซึ่งเบื้องหลังนี้มี ‘โอกิลวี่ ประเทศไทย’ อยู่เบื้องหลัง 

[ เอเจนซี่เปรียบเสมือนเพื่อนคู่คิดของแบรนด์ ]

‘วรรณรมัย เอื้อทวีกุล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ โอกิลวี่ ประเทศไทย เล่าให้ฟังว่า  แม้โอกิลวี่จะเป็นเครือข่ายเอเจนซี่ที่ใหญ่ที่สุด แต่เรามีแนวทางการทำงานเน้นการร่วมคิดกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดในฐานะพันธมิตรที่สร้างการเติบโตทางธุรกิจและอิมแพคอย่างยั่งยืนต่อแบรนด์ เราเป็นเพื่อนคู่คิดที่ร่วมกันวางแผนตลอดเส้นทางการสื่อสารถึงผู้บริโภค (Customer Journey) วิธีการนี้ทำให้เราสามารถทำงานได้ตรงโจทย์ บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่วางไว้ร่วมกัน   

ทางด้าน ‘ศุภศิษฏ์ โชคมงคลเสถียร’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์ โอกิลวี่ ประเทศไทย ให้มุมมองว่า โอกิลวี่ได้ทำ Real Formation สร้างความเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ ผลลัพธ์ (Proof Points) ของแต่ละแคมเปญหรือชิ้นงานงานสื่อสารที่เราสร้างสรรค์ขึ้น นำความสำเร็จให้กับธุรกิจของลูกค้า 

ทำให้แบรนด์หรือสินค้าของลูกค้าทุกรายเข้าถึงประชาชนและผู้บริโภคได้ตรงโจทย์ธุรกิจ มีโอกิลวี่เป็น Solution Provider ที่มีความเข้าใจในความซับซ้อนของธุรกิจในยุคปัจจุบัน เชี่ยวชาญครอบคลุมในทุก Capability ของการสื่อสาร ในทุกภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม รวมถึงองค์กรภาครัฐ 

สามารถรองรับการทำงานกับลูกค้าได้ในทุกสเกล การสร้างสรรค์แคมเปญต้อง “ปรุงได้” มีรสชาติที่หลากหลาย ตามโจทย์ ตามบุคลิกของแบรนด์ ตรงความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ดังนั้นบทบาทใหม่ของเอเจนซี่จึงต้องเป็นได้ทั้งผู้วางกลยุทธ์สื่อสารที่เฉียบคมควบคู่ไปกับการเป็นที่ปรึกษาทางธุรกิจสำหรับลูกค้า

ล่าสุดในปี 2024 โอกิลวี่ ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นที่ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) บนเวที THE WORK 2024 โดย Campaign Brief ด้วยผลงานที่ได้รับการคัดเลือกถึง 46 ชิ้น จาก 20 แคมเปญ โดยเป็นการพัฒนาแนวทางร่วมกับลูกค้า 13 ราย ทั้งที่เป็นแบรนด์และธุรกิจของไทยและต่างประเทศ 

ตัวอย่างแคมเปญ  ได้แก่ ‘The Boxer’ ของคอลเกต, แคมเปญ ‘The Hand’ ของวอยซ์, แคมเปญ ‘ไม่หวานมาก’ ของดีไลท์, แคมเปญ ‘Deal of the Dazed’ ของกรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์, แคมเปญ ‘Under My Skin’ ของไทยประกันชีวิต, และผลงานสำหรับคาเฟ่อเมซอน, คาร์โฟร์แคช, กองทุนส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุน (CMDF), ซีพี กรุ๊ป, ดัชชี่, เอ็มจี, เบอร์เกอร์ คิง และการสร้างแบรนด์ TikTok Shop 

‘กำพล ลักษณะจินดา’ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ โอกิลวี่ ประเทศไทย กล่าวว่า ความสำเร็จครั้งนี้เป็นผลมาจากการผสานลงตัวระหว่าง Idea + Area นั่นหมายถึง เราสามารถคิดหรือสร้างสรรค์งานครอบคลุมไปในหลายพื้นที่ของการสื่อสารได้กว้างไกลกว่าเดิม  

ตลอด  1 ปีที่ผ่านมาโอกิลวี่มีการปรับโครงสร้างทีมงานครีเอทีฟด้วยการเน้นเพิ่มทักษะประสิทธิภาพให้กับทีมงานเดิม และเติมคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมขีดความสามารถ ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว  การสร้างสรรค์งานให้กับลูกค้าจึงมีความยืดหยุ่น คล่องตัวมากขึ้น 

[ พนักงานมีไอเดีย องค์กรต้องเป็นสนามเด็กเล่น ]

เขาบอกด้วยว่า ปัจจุบันลูกค้าในแต่ละแบรนด์มีงบโฆษณาที่เท่าเดิม แต่ความต้องการที่มากขึ้น อยากได้โฆษณาหลายๆ แบบ หรือมีบ้างที่ลูกค้าก็ไม่มีโจทย์ที่หลากหลาย ไม่รู้จะขายอะไร ทำให้ในส่วนของเอเจนซี่ก็ต้องเพิ่มความหลากหลาย ไปตอบสนองกับความต้องการลูกค้า เช่น ลูกค้าบรีฟ 10 แต่เราแนะ 15 เข้าไปช่วยแก้โจทย์ที่ลูกค้าต้องการมากขึ้น

และท้ายสุดยังมีเรื่องของ ‘พนักงาน’ ที่เป็นส่วนสำคัญในทุกความสำเร็จเช่นกัน โอกิลวี่เพิ่มสกิลให้กับพนักงานเสนอ เพราะเชื่อว่าพนักงานมีไอเดียดีๆ อยู่เสมอ แต่มองว่าไม่ได้ถูกนำออกมา องค์กรจึงต้องเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นให้พนักงานได้ออกความคิดเห็น ออกมาสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ได้