แม้พ้นจากตำแหน่งมาแล้วหลายปีแต่อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาก็เป็นที่จับตาจากนานาชาติ โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์โควิด-19 หลายฝ่ายจับตามองว่าเขาจะมีวิสัยทัศน์อย่างไรต่อเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2563 โอบามามีโอกาสให้โอวาทแก่บัณฑิตจบใหม่ปี 2020 ของสถาบัน Historically Black Colleges and Universities เนื้อหาที่เขากล่าวจึงถูกนำมาเสนอในหน้าสื่อมากมาย เนื่องจากการกล่าวครั้งนี้ไม่ใช่เพียงสารที่ส่งให้แก่บัณฑิตในรุ่นนี้เท่านั้น แต่ส่งถึงเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ต้องเติบโตท่ามกลางภาวะโควิด-19 ในสภาวะที่โลกเต็มไปด้วยการแก่งแย่งแข่งขัน

” คุณกำลังต้องหาหนทางอยู่บนโลกท่ามกลางโรคระบาดที่ยังไม่หายไปไหน แล้วยังมีการถดถอยทางเศรษฐกิจอีก นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีเลย เราต้องยอมรับว่าโรคภัยอย่างนี้ทำให้เรามองเห็นความเหลื่อมล้ำที่ซุกอยู่ในสังคมชัดเจนขึ้น” โอบามาพูดในช่วงต้นของสุทรพจน์ ก่อนจะกล่าวว่าในสถานการณ์เช่นนี้ชุมชนคนผิวสีในอเมริกาได้รับผลกระทบมากกว่ากลุ่มอื่นอย่างไม่เป็นธรรม หลังมีเหตุชายผิวสีคนหนึ่งถูกตำรวจสอบสวนระหว่างวิ่งจ๊อกกิ้งในสภาวะโควิดแต่เรื่องบานปลายจนทำให้เขาถูกยิงเสียชีวิต
เนื่องจากสถานบันสถาบัน Historically Black Colleges and Universities ผูกพันธ์กับประวัติศาสตร์การต่อสู้ของกลุ่มคนผิวดำในสหรัฐอเมริกา อดีตประธานาธิบดีเสนอว่าการเรียกร้องสิทธิให้ตนเองนั้นไม่เพียงพอ เขากล่าวว่า “จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้มีความหมาย ก็ต้องอาศัยพันธมิตรในหลายด้าน”
“ในฐานะคนแอฟริกันอเมริกันเราอยู่กับความไม่เป็นธรรม ความไม่เท่าเทียม และต้องสู้มาตลอด นั่นก็ควรทำให้เราเข้าใจหัวอกคนอื่นที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ถูกเหยียดเหมือนกับเรา”
“แทนที่จะพูดว่าฉันจะทำเพื่อตัวเอง จะทำเพื่อคนผิวดำ ปล่อยเรื่องของคนอื่นไป เราต้องลุกขึ้นมาร่วมมือกับทุกคนที่กำลังได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย คนจนในชนบท กลุ่มหลายหลายทางเพศ คนงานค่าแรงต่ำที่มีภูมิหลังหลากหลาย ผู้หญิงที่ต้องพบเจอกับการเหยียด แบกรับภาระต่าง ๆ และยังไม่ได้รับเงินเดือนเท่าผู้ชายอีก เราต้องดูแลไม่ว่าเขาจะเป็นคนขาวหรือคนดำ หรือเอเชียน หรือลาติน หรือชาวอเมริกันพื้นเมือง อย่างที่แฟนนี่ ลู ฮาเมอร์กล่าวไว้ว่าจะไม่มีใครเป็นอิสระอย่างแท้จริง จนกว่าทุกคนจะเป็นอิสระเหมือนกัน”
บางช่วงบางตอนที่สื่อต่างประเทศหลายแห่ง เช่น New York Times และ Woshington Post ไฮไลท์ออกมาคือตนอที่เขากล่าวเรื่องความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และการไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ทั้งที่มีอำนาจอยู่ในมือ
“ไม่ว่าคุณจะทำเงินได้มากแค่ไหน ก็ไม่สำคัญหากคนรอบตัวคุณป่วยและหิวโหย สังคมเราและประชาธิปไตยของเราจะเดินไปได้ก็ต่อเมื่อเราเลิกคิดถึงแต่ตัวเอง ต้องคิดถึงคนอื่นด้วย”
“ยิ่งไปกว่านั้น การระบาดครั้งนี้ได้กระชากหน้ากากออกมาให้เราเห็นได้ชัดว่าคนที่มีหน้าที่ไม่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองควรจะทำอยู่ บางคนไม่แม้แต่จะแกล้งทำตามหน้าที่ด้วยซ้ำ หากโลกจะดีขึ้นได้ก็ต้องขึ้นอยู่กับพวกคุณแล้ว”
สื่อหลายสำนักวิเคราะห์ว่านี่คือการวิพากษ์วิจารณ์การดำเนินนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างจัง
ช่วงสุดท้าย อดีตประธานาธิบดีโอบามากล่าวถึงความหวังของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้ามาเปลี่ยนโลก โดยกล่าวว่าคนรุ่นเก่าพร้อมจะสนับสนุนอยู่เสมอ
“พวกคุณคือคนที่เรากำลังรอให้ก้าวเข้ามา ในมือของคุณมีอำนาจ เป็นอำนาจที่จะเปล่งประกายสว่างไสวเพื่อความเป็นธรรม ความเท่าเทียม ความรื่นรมย์ คุณได้รับปริญญาแล้วนะ ตอนนี้จะใช้มันอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว พวกเรามากมายเชื่อมั่นในตัวคุณ ผมภูมิใจในตัวพวกคุณมาก เมื่อคุณกำลังจะก้าวออกมาเปลี่ยนโลก พวกเราจะเป็นลมที่หนุนหลังคุณอยู่เอง ยินดีด้วยครับบัณฑิต 2020 ขอให้พระเจ้าอำนวยพรแก่คุณ”