SHARE

คัดลอกแล้ว

 เครือข่ายยุติโทษประหารชีวิต และสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ศูนย์ศึกษาสันติภาพและความขัดแย้ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน สมาคมแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลประเทศไทย มูลนิธิผสานวัฒนธรรม จัดงานเสวนาเพื่อยุติโทษประหารชีวิตในประเทศไทย ในโอกาสวันยุติโทษประหารชีวิตในประเทศไทย ภายใต้การสนับสนุนจากสถานทูตฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม เวลา 13.00 น. ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

กิจกรรมประกอบด้วยการเสวนาเรื่อง “ยุติโทษประหารชีวิตในมุมมองสากล” และปิดท้ายด้วยการเสวนาเรื่อง “ความจำเป็นและอุปสรรคในการยุติโทษประหารชีวิตในประเทศไทย”

วันที่ 10 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันต่อต้านโทษประหารชีวิตแห่งโลก ซึ่งเป็นการลงโทษที่ผิดหลักสิทธิมนุษยชน แต่ปัจจุบันการประหารชีวิตยังคงมีแพร่หลายอยู่ทั้งในไทยและต่างประเทศ

ดร.ลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้แทนเครือข่ายยุติโทษประหารชีวิต กล่าวว่า ประเทศไทยคุ้นเคยกับโทษประหารชีวิต ที่เป็นบทลงโทษทางกฎหมายในระบบยุติธรรมของไทยมานานหลายศตวรรษ จนกลายเป็นความเชื่อ ค่านิยม และบรรทัดฐานทางสังคม แต่มีองค์กรหลายแห่งเรียกร้องให้ยกเลิกโทษประหารชีวิต ทั้งในทางกฎหมายและในทางปฏิบัติ นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนจำนวนมากต้องการเห็นโทษประหารชีวิตสิ้นสุดลง และแทนที่ด้วยโทษจำคุกตลอดชีวิต

ส่วนฌัก ลาปูฌ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ซึ่งให้การสนับสนุนในการจัดกิจกรรมนี้ กล่าวว่า หลายประเทศยังมีการใช้โทษประหารโดยปราศจากการอภิปรายในที่สาธารณะ ซึ่งบางครั้งเพราะขาดประชาธิปไตย ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องทางการเมืองยังนำโทษประหารมาใช้อย่างสม่ำเสมอ ฝรั่งเศสต่อต้านการนำโทษประหารมาใช้ทุกวาระเป็นพันธกิจแน่วแน่และต่อเนื่องของเรา การต่อต้านโทษประหารชีวิตเป็นภารกิจทางอารยธรรมที่เกี่ยวข้องกับพวกเราทั้งหมด ขอยืนยันว่าโทษประหารชีวิตเป็นการกระทำอมนุษย์ แทนที่จะมีการปกปักรักษาชีวิตมนุษย์ วิคเตอร์ อูโก กล่าวไว้ว่า “ไม่มีอะไรท้าทายกว่าความคิดที่มาถึงแล้ว” วันนี้ทางเลือกของพวกท่านมาถึงแล้วขออย่ารีรอที่จะต่อสู้

มุมมองสากล : โทษประหาร ทำคนชินชามากกว่ากลัว กดดันผู้พิพากษา การบังคับใช้ยังกังขา การใช้โทษใดใด ต้องคำนึงความเห็นประชาชนด้วย

ในการการเสวนาเรื่อง “ยุติโทษประหารชีวิตในมุมมองสากล” ดำเนินรายการโดย ณัฏฐา มหัทธนา และมีแขกผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศหลายท่าน ได้แก่ กิโยม สิมง นักกฎหมายจากประเทศฝรั่งเศส, ฮานน์ โซฟี เกรฟ กรรมาธิการคณะกรรมการสากลต่อต้านโทษประหารชีวิต, ราจีฟ นารายัน ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย คณะกรรมการสากลต่อต้านโทษประหารชีวิต, ดร.น้ำแท้ มีบุญสล้าง อัยการจังหวัด สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี  พูดถึงกระแสการดีเบทเรื่องโทษประหารในมุมมองสากล

กิโยม สิมง นักกฎหมายจากประเทศฝรั่งเศส มองว่า การลงโทษด้วยโทษประหารไม่ใช่สิ่งที่เป็นประโยชน์ แม้ว่าสิงคโปร์หรือไทยจะบอกว่าเป็นสิ่งที่ควรเอามาใช้ เพราะกฎหมายต้องเข้มงวดเพื่อทำให้ประชาชนกลัว แต่การทำเช่นนี้คนไม่ได้กลัว แต่ทำให้ประชาชนชาชินมากกว่า

“เราควรให้ความหมายว่าคำว่า ‘โทษ’ คืออะไร แล้วโทษนั้นควรขยายออกไปไหม เราสามารถลงโทษผู้กระทำผิดโดยทำให้เขาไม่มีสิทธิเสรีภาพแม้แต่จะมีชีวิตต่อไปได้หรือเปล่า และถ้าเขาตายแล้ว เราก็จะไม่ได้ลงโทษเขาต่อ นอกจากนี้หากใช้การประหารแล้วยาเสพติดหายไปได้มันก็คงหายไปนานแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังมีอยู่ โทษประหารไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด รัฐไม่ได้พิจารณาปัญหาอย่างถูกต้อง”

ส่วนฮานน์ โซฟี เกรฟ กรรมาธิการคณะกรรมการสากลต่อต้านโทษประหารชีวิต เชื่อว่า ประเทศที่นำโทษประหารมาใช้ใหม่ไม่ได้ทำให้อัตราการก่ออาชญากรรมลดลง เมื่อยกเลิกโทษประหารก็ไม่ได้ทำให้อัตราก่ออาชญากรรมเพิ่มขึ้น การใช้โทษประหารจึงไม่ได้มีผลในการป้องปรามอาชญากรรม

“ไม่นานนี้ผู้พิพากษาทางใต้ของไทยยิงตัวเอง ไม่ทราบว่าท่านอยู่ใต้ความกดดันใดหรือไม่ แต่ท่านอยู่ในประเทศที่ผู้พิพากษาเป็นผู้ตัดสินประหารทำให้ท่านต้องมีความตึงเครียดมาก การเป็นผู้พิพากษาที่ต้องตัดสินโทษประหารกับคนอื่นไม่ได้ต่างจากการทำหน้าที่ของเพชรฆาตที่พาคนไปแขวนคอ สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ผู้พิพากษารู้สึกดี มีผู้พิพากษาหลายท่านที่เคยตัดสินโทษประหารชีวิตลาออกจากงานเพราะไม่ได้รู้สึกดี” ฮานน์กล่าว “ในโลกนี้หากเราต้องการเพิ่มศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ให้มนุษย์มีความเจริญเติบโตงอกงามและให้สังคมมีความกลมเกลียวเราต้องยกเลิกโทษประหารชีวิต”

ราจีฟ นารายัน ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย คณะกรรมการสากลต่อต้านโทษประหารชีวิต กล่าวว่า เมื่อก่อนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศมองโกเรียไม่ดีนัก แต่ตั้งแต่ปี 2008 มีประธานาธิบดีมองโกเลียในขณะนั้นเชื่อในการยกเลิกโทษประหารชีวิต จนยุติการใช้โทษประหารสำเร็จปี 2014 เป็นตัวอย่างที่ภาวะผู้นำทางการเมืองทำให้ยกเลิกโทษประหารได้ แม้ว่าประธานาธิบดีคนต่อมาจะพยายามนำโทษประหารกลับมาใช้

“โอกาสที่พวกเรามีคือการดำเนินการกับนานาชาติเพื่อผลักดัน เราต้องการภาคประชาสังคมและสื่อที่มีอิสระและเสรีภาพ เพื่อผลักดันโน้มน้าวให้ผู้กำหนดนโยบายยกเลิกการใช้โทษประหารชีวิต และจำเป็นต้องพูดคุยกับสาธารณชนด้วย”

ดร.น้ำแท้ มีบุญสล้าง อัยการจังหวัด สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ประเทศไทยมี 55 ฐานความผิด ที่ใช้โทษประหาร แต่พบว่าเราสามารถลดฐานความผิดบางอย่างที่ไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรงที่สุดได้ เช่น การวางเพลิงเผาทรัพย์ หรือคดียาเสพติด

“อาชญากรรมในสังคมมีที่มาจากหลายสาเหตุ แต่เราโยนว่าสาเหตุเป็นเพราะโทษยังไม่แรงพอ ทั้งที่เรามีโทษประหารชีวิตอยู่แล้ว ที่จริงคือวิธีบังคับใช้กฎหมายต่างหากที่ไม่มีประสิทธิภาพ คนมีอำนาจสามารถให้เจ้าหน้าที่ชั้นต้นบิดเบือนพยานหลักฐานหรือทำลายพยานหลักฐานได้ เรียกกันว่า ‘สอบสวนแบบทำลายพยานหลักฐาน’ เพื่อช่วยคนรวย นักการเมืองที่มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่รัฐ ประเทศไทยมีระบบการสอบสวนโดยหน่วยงานเดียว ลบกล้องวงจรปิดได้ กล้องเสียได้ เพราะกล้องนั้นอยู่ในมือคนเพียงคนเดียว ประเทศไทยจึงต้องการระบบการสอบสวนที่ทำลายพยานหลักฐานไม่ได้”

ประเด็นการใช้โทษประหารชีวิตในไทย อาจทำให้ประหารผิดคน

ส่วนการเสวนาเรื่อง “ความจำเป็นและอุปสรรคในการยุติโทษประหารชีวิตในประเทศไทย” ดำเนินรายการโดย ณัฏฐา มหัทธนา สมชาย หอมลออ ทนายความสิทธิมนุษยชน รศ.อัจฉราพรรณ จรัสวัฒน์ อดีตประธานหลักสูตรสาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานนยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล และ เกศริน เตียวสกุล อดีตนักวิชาการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและผู้ศึกษาเรื่องนักโทษรอประหารชีวิตในเรือนจำ

สมชาย หอมลออ ทนายความสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า การยกเลิกโทษประหารชีวิต นอกจากจะคุ้มครองสิทธิของผู้อาจตกเป็นจำเลยในคดีอาญา ยังเป็นการคุ้มครองสิทธิของผู้คนอื่นในสังคม รวมถึงคนที่สนับสนุนการใช้โทษประหาร คนที่สนับสนุนความรุนแรงด้วย เมื่อกระบวนการยุติธรรมของเรายังมีข้อบกพร่องมาก โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมชั้นต้น

“บางคดีเกิดขึ้นในสถานการณ์พิเศษที่มีการใช้กฎอัยการศึกและพรก.ฉุกเฉินเช่นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งให้อำนาจควบคุมตัวที่ค่ายทหาร 7 วันโดยไม่ต้องขออนุญาตศาล จากนั้นส่งตัวไปศูนย์ซักถาม คุมตัวตามพรก.ฉุกเฉินครั้งละ 7 วัน จนครบ 30 วัน ระหว่างนั้นจะมีการซักถามที่เจ้าหน้าที่เรียกว่า ‘กรรมวิธี’ ที่องค์กรสิทธิมนุษยชนพบว่าคือการทรมานเพื่อให้ได้ข้อมูล เช่น คำรับสารภาพหรือคำซัดทอด แล้วให้ลงชื่อยืนยันว่าไม่มีการทรมาน แต่ศาลไทยรับฟังบันทึกของพยานที่ให้ถ้อยคำผ่าน ‘กรรมวิธี’ โดยอธิบายว่าไม่ใช่พยานหลักฐานหลักแต่ใช้ประกอบพยานหลักฐานอื่นๆ ซึ่งถูกตั้งคำถามว่าเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยชอบหรือไม่

สมชายยังกล่าวอีกว่า “กระบวนการยุติธรรมของเรามีปัญหามากและไม่มีหลักประกันให้ประชาชนในการตกเป็นแพะได้ รัฐต้องมีเจตจำนงในการปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศ เราจะมีรัฐบาลที่มีความกล้าหาญเรื่องนี้หรือไม่ หรือเรามีรัฐบาลที่เพียงแต่ต้องการฉวยประโยชน์จากสถานการณ์ที่ประชาชนไทยทุกข์ระทมจากปัญหาอาชญากรรม”

รศ.อัจฉราพรรณ จรัสวัฒน์ อดีตประธานหลักสูตรสาขาวิชาอาชญาวิทยาและงานนยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ปัจจุบันสถานการณ์โลกเห็นด้วยกับการยกเลิกโทษประหารเพราะให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์และสิทธิที่จะดำรงตนของมนุษย์ แต่ข้อจำกัดของมนุษย์มี 3 เรื่องใหญ่ 1.ความเคยชินที่ฟังตามกันมา บอกว่าคดีรุนแรงต้องประหารให้หมด ทั้งที่ไม่ใช่ทางออกในทางอาชญาวิทยา 2.ทุกคนกลัวการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรม 3.ความไม่รู้

“เราต้องสร้างความตระหนักและประกาศว่าต้องการยุติโทษประหาร โดยต้องมีข้อเสนอในทุกรูปแบบ เช่น ถ้าไม่ใช้โทษประหารจะใช้สิ่งไหนทดแทน, ฉายภาพความสำคัญของความเป็นมนุษย์ ทำให้เป็นวาระแห่งชาติ มีแนวร่วมในการรณรงค์และหากองทุน, ให้ความสำคัญต่อบทบาทภาคประชาสังคม ประชาชน ชุมชน สร้างความเข้าใจเรื่องความเป็นธรรมทางสังคมและความเข้าใจทางกฎหมาย, สร้างเครือข่ายที่กว้าง หาบุคคลต้นแบบที่ถูกโทษประหารและลดโทษจนได้ออกไปทำประโยชน์ให้ชุมชน, นำประเด็นที่ยุติแล้วมาวิเคราะห์” รศ.อัจฉราพรรณกล่าว

เกศริน เตียวสกุล อดีตนักวิชาการสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและผู้ศึกษาเรื่องนักโทษรอประหารชีวิตในเรือนจำ กล่าวว่า ตนได้ทำงานวิจัยโดยเข้าไปคุยกับนักโทษรอประหาร 20 คนที่เรือนจำบางขวางและทันฑสถานหญิงกลางแล้วพบว่านักโทษที่ถูกตัดสินประหารชีวิตทุกคนรับรู้ว่าถ้ารับสารภาพโทษจะลดลงเป็นจำคุกตลอดชีวิต แต่น่าแปลกที่พวกเขายืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดหรือไม่ยอมรับสารภาพ

“นักโทษที่ไม่รับสารภาพส่วนหนึ่งทำผิดจริงแต่เป็นผู้ร้ายปากแข็ง เพราะมีความเชื่อหรือได้รับการแนะนำว่าสามารถวิ่งคดีได้ คนเหล่านี้มีทุนทรัพย์ เสียเงินหลายล้านแต่ในที่สุดถูกตัดสินประหารชีวิต คนอีกกลุ่มรู้ว่ารับสารภาพแล้วโทษลดลง คู่คดีก็รับสารภาพไปแล้ว แต่เขาเชื่อว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดแล้วจะสารภาพทำไม

“เราพูดกันเสมอว่าต้องรอให้ประชาชนเห็นพ้องกันในการยกเลิกโทษประหารชีวิต” เกศรินกล่าว “แต่สังคมมีคนที่ต้องการอยู่กับอะไรเดิมๆ เรารอไม่ได้ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและสภาผู้แทนราษฎรที่ต้องออกกฎหมายยกเลิกโทษประหารชีวิต การใช้โทษจำคุกตลอดชีวิตก็มากพอแล้ว”

ภายในงาน ยังมีการอ่านถ้อยแถลงของเครือข่ายยุติโทษประหารชีวิต โดยเครือข่ายฯ มีข้อเรียกร้องคือ 1.ขอให้มีการศึกษาเรื่องบทลงโทษทางอาญา (โดยเฉพาะโทษจำคุกตลอดชีวิตและโทษประหารชีวิต) วิธีการป้องกันอาชญากรรม และการเยียวยาผู้เสียหายจากอาชญากรรมร้ายแรง  2.ขอให้พิจารณายุติโทษประหารชีวิตซึ่งจะแทนที่ด้วยโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาหมวดโทษ มาตรา 18 เป็น “โทษสำหรับลงแก่ผู้กระทำความผิดมีดังนี้ 1. จำคุก 2. กักขัง 3. ปรับ 4. ริบทรัพย์สิน” และขอให้ยกเลิกข้อความในมาตรา19 “ผู้ใดต้องโทษประหารชีวิต ให้ดำเนินการด้วยวิธีฉีดยาหรือสารพิษให้ตาย” และ 3. ในระหว่างที่ยังไม่มีการแก้ไขกฎหมายในเรื่องนี้ ขอให้พักการบังคับโทษประหารชีวิต

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า