Opinion | สถานการณ์ตอนนี้ “พล.อ.ประยุทธ์” เหมาะสมที่สุดกับตำแหน่งนายกฯ

ใกล้ครบ 2 เดือนที่วันเลือกตั้งผ่านพ้นมาแล้ว แต่หน้าตาการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ก็ยังดูคลุมเครือ ทว่าในความไม่ชัดเจน อาจมีปัจจัยที่ชัดเจนแล้วว่า “รัฐบาล” ของประเทศไทยจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร

ทำไม “บิ๊กตู่” ต้อง “รีเทิร์น” ?

ในภาพรวมของสถานการณ์การเมืองขณะนี้ ยากที่จะปฏิเสธว่าเงื่อนไขปัจจัยที่เกิดขึ้นส่งผลให้ชื่อของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบมีความเป็นไปได้สูง เพราะ “คู่แข่ง” ทางการเมืองกำลังเจอกับวิบากกรรมไปตามๆ กัน

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ พรรคการเมืองที่ถูกเรียกว่า พรรค คสช. กลับดำรงความมุ่งหมายในการดัน พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล ตาม “โรดแมป” ที่วางไว้อย่างใจเย็น เหมือนทุกอย่างถูกจัดวางให้การดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

แม้การเร่งเร้าโหมกระแสของ 6 พรรคการเมือง ในการประกาศจับมือตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก รวมกับพรรคเศรษฐกิจใหม่ของนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เพื่อหวังสร้างแรงกดดันให้พรรคฝ่ายตรงข้าม แต่ดูเหมือนว่าข้อสรุปเรื่องสูตรคำนวณก็ยังไม่ได้ข้อยุติ ผสมผสานกับปัญหาที่เกิดจากความไม่ลงตัวในพรรคแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทย และมรสุมการถือครองหุ้นสื่อของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต่างก็เอื้อให้การรอเวลาของพรรคพลังประชารัฐ “ได้เปรียบ”

อนาคตทางการเมืองของ “บิ๊กตู่” จึงสว่างสดใสด้วยหลายๆ ปัจจัย แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้างก็เป็นเรื่องที่เกิดจากคนรอบตัว ทั้งกรณีของน้องชาย พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตแม่ทัพภาคที่ 3 ซึ่งตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากประเด็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างของบุตรชาย ที่ได้งานประมูลก่อสร้างอาคารกองพันของกองทัพภาคที่ 3 และการประมูลโครงการก่อสร้างหน่วยงานรัฐอีกหลายโครงการ

รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่ยังถูกมองเป็น “จุดอ่อน” ของรัฐบาล จากปัญหาคนรอบข้างเป็นพิษและข้อสงสัยเรื่อง “นาฬิกาเพื่อน-แหวนแม่” ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. สรุปแล้วว่า ไม่มีมูลความผิดในการแจงบัญชีทรัพย์สิน มาจนถึงการเผยแพร่ข้อมูลพาดพิงจากเว็บไซต์อินเวสติ้งที่จัดโผให้ “บิ๊กป้อม” รวยติดอันดับเศรษฐีเอเชีย

(พล.อ.ประยุทธ์ ขณะดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)

“รัฐบุรุษ” การันตี รัฐบาลประยุทธ์ไม่โกง

ไม่มีตัวเลือกนายกรัฐมนตรีคนใดที่ดีไปกว่า “บิ๊กตู่” แน่นอน ในสายตา “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ผ่านประสบการณ์การเมืองมาอย่างโชกโชน เคยถูกลอบสังหาร ถูกชกหน้า แต่ก็ผ่านพ้นทุกมรสุมจนเข้าสู่วัย 99 ปี ด้วยคำยืนยันหนักแน่นระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ นำผู้นำเหล่าทัพ เข้ารดน้ำขอพรก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่บ้านพักสี่เสาเทเวศร์

“พูดได้เต็มปากว่ารัฐบาลนี้ไม่โกง” พร้อมระบุว่า หากผิดไปจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องจัดการ !!

(พล.อ.ประยุทธ์ เข้ากราบ พล.อ.เปรม เนื่องในวันสงกรานต์ ปี 2562)

เป็นคำฝากที่สำคัญและมีนัยยะไม่ต่างจากโอวาทตลอดทั้ง 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยการให้กำลังใจ และคำเตือนในหลายๆ สถานการณ์ที่พล.อ.ประยุทธ์ ถูกโจมตีหรือเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง  โดย “ป๋าเปรม” ยืนอยู่ในตำแหน่งของ “กัลยาณมิตร” ที่มั่นคง  เปรียบเสมือน “ลมใต้ปีก” ที่สำคัญ ไม่ต่างจากองทัพที่เปรียบเสมือน “กระดูกสันหลัง” ซึ่งเลือกอยู่ข้างรัฐบาลที่ปกป้องสถาบันสูงสุดของชาติ

แรงผลักดันทั้งสองส่วน จึงเป็นเหตุผลประการสำคัญ ที่ชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้หลุดจากโผนายกฯ หลังการเลือกตั้ง ภายหลังประกาศผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการออกมาด้วยตัวเลขที่สูสีระหว่างขั้วของ พรรคพลังประชารัฐ ที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ และ ขั้วตรงข้ามนำโดย พรรคเพื่อไทย

“พลังประชารัฐ” พรมแดงเข้าทำเนียบฯ

นับแต่ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  ให้เหตุผลที่ พล.อ ประยุทธ์ เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังจากที่พรรคเลือกให้เป็นแคนดิเดต  ได้แก่

1. นำความสงบกลับคืนมา
2. มีความเป็นผู้นำสูง
3. กล้าตัดสินใจที่น้อยคนจะทำได้
4. ทำจริง ทำได้ และทำให้เห็นมาแล้ว
5. ตัวจริงเสียงจริง ไม่ใช่นอมินี
6. เสียสละเพื่อชาติ
7. รักประชาชน รักประเทศไทย
8. เป็นนายกรัฐมนตรีที่สัมผัสได้ ติดดิน ประชาชนเข้าถึง พึ่งได้
9. มีวิสัยทัศน์ มองการณ์ไกล
10. สร้างฐานรากประชาธิปไตย
11. มีความเป็นมนุษย์สูง เข้าถึงจิตใจของประชาชน สัมผัสได้ถึงรอยยิ้มที่อบอุ่น จริงใจ มีอารมณ์ขัน อารมณ์ไม่ดีกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

เป็น 11 ข้อที่แสดงให้เห็นถึง “ตัวตน” ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูก “เจียระไน” ออกมาเป็นคำพูด ซึ่งถือได้ว่าเป็น “ทหาร” ที่มีจุดขายมากกว่าเรื่องการใช้อำนาจอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สอดคล้องกับผลโพลหลายสำนักที่ชื่อ “ลุงตู่” ยังยืนอยู่ในลำดับต้นๆ มาตลอด 5 ปี ขึ้นแท่นนายกฯ ในใจประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง แม้จะตกลงบ้างช่วงท้ายๆ แต่ก็ยังถือว่า “แฟนคลับ” เหนียวแน่น จากฐานความนิยมเดิมที่ไม่เอา “ระบอบทักษิณ” และต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปด้วยความสงบ

(วันที่ 21 ส.ค. 2556)

ต่างจากภาพจำของ นายกฯ ทหาร ที่รัฐประหารเข้ามา และมีการตั้งพรรคทหารสนับสนุนที่มีแต่กระแส “ยี้” จนประชาชนลุกขึ้นมาต่อต้านการสืบทอดอำนาจในทุกยุค

“พลังประชารัฐ” จึงเปรียบเสมือนเส้นทางนำพา พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งตามกฎหมาย ภายใต้แรงสนับสนุนที่ยังมีมากพอในหน้าตัก ประกอบกับทุกองคาพยพที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่การกำหนด กฎ กติกา เอื้อให้เกิดความลื่นไหลในสถานการณ์ข้างหน้า ยกเว้นเกิดสถานการณ์ที่คาดไม่ถึง

“ผู้นำ” ช่วงเปลี่ยนผ่าน – ปกป้องสถาบัน

อย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ คือ ทหารเสือราชินี ที่ผ่านบททดสอบทั้งจิตใจและการปฏิบัติในการถวายความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด จึงถือเป็นตัวเลือกที่ “ถูกเลือก” ไว้แล้วในสถานการณ์ของประเทศ ที่ต้องไร้รอยต่อ

กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ค่ายนวมินทราชินี จ.ชลบุรี เป็นหน่วยที่บ่มเพาะให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่สำคัญในการดูแลปกป้องสถาบันอย่างเข้มข้นและยังทำทุกภารกิจอย่างต่อเนื่องในการดำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทางเป็นประมุข

กระนั้น แรงกระเพื่อมจาก “โซเชี่ยลมีเดีย” ในยุคปัจจุบันทำให้ “ฝ่ายความมั่นคง” หวาดหวั่นไม่น้อยต่อผลกระทบที่จะมีถึงสถาบันหลัก

จึงไม่มีใครที่จะเป็น “ตัวเชื่อม” และ “น่าไว้ใจ” เท่ากับเขาอีกแล้วในสถานการณ์ที่คนในสังคมมีความหลากหลายทางความคิด จากการเข้าถึงข้อมูลอย่างหลากหลายในโลกยุคดิจิทัล

ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ มีน้องรักอย่าง “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และเป็นทั้ง ผู้บัญชาการหน่วยเฉพาะกิจทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (ผบ.ฉก.ทม.รอ.904) ที่รู้มือ – รู้ใจ เป็นกำลังสำคัญ ทั้งคู่ต่างเป็นทหารรักษาพระองค์ ที่พร้อมสละชีวิตเพื่อสถาบันอย่างไม่มีเงื่อนไข

จึงไม่แปลกที่เขาจะเป็น “ตัวเลือก” ในการเป็นผู้นำรัฐบาล เพราะหัวใจที่มีความจงรักภักดีอย่างแท้จริง

“กลุ่มทุน” พาเหรดหนุนกระดานเดิม

การเมืองที่มั่นคงและแนวนโยบายที่ต่อเนื่อง ย่อมสร้างความเชื่อมั่น ให้ความเชื่อถือต่อนักลงทุน นักท่องเที่ยว การมี พล.อ.ประยุทธ์ คือการเลือกโอกาสและความต่อเนื่องของประเทศ จากผลงานที่ได้ทำมาโดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน อภิมหาโปรเจค อย่าง “อีอีซี” และเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้

แม้หลายมาตรการแจกเงินจะไม่ส่งผลต่อ “ความนิยม” แต่ในทางปฏิบัติการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน เป็นเหตุผลสำคัญในการเร่งเครื่องให้เศรษฐกิจมีชีวิต-ชีวา นอกจากผลทางจิตวิทยาแล้ว ยังเป็นช่วงรอยต่อที่การลงทุนในโครงการใหญ่ จะผลิดอกออกผลในเวลาอันใกล้

เดินทางไปประชุม BRF ครั้งที่ 2 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน (26 เม.ย. 62) /ภาพจาก Thaigov.

ขณะที่กลุ่มทุนใหญ่ที่อยู่ในกระดานงานของรัฐย่อมต้องการ “รอ” และไม่ต้องการให้ “อำนาจเปลี่ยนมือ” หรือเปลี่ยนขั้วการเมือง เพราะนั่นคือการเริ่มนับหนึ่งใหม่ ดังนั้นการเดินเครื่องของ “ทุน” ในการหนุนเนื่อง “คสช.” ส่งไม้ต่อไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ที่สวมเสื้อพรรคการเมืองลงแข่งอีกครั้งจึงเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุด

อีกทั้งการต่อยอดไปอีกสักระยะ โดยไม่ต้องเสี่ยงกับพรรคการเมืองอื่นที่ไม่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาบริหารประเทศ จึงเป็นความหวังร่วมกันในช่วงทศวรรษนี้ในการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าประเทศ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

จากเหตุผลหลายประการดังกล่าวจึงทำให้เห็นว่า โครงสร้างอำนาจของประเทศไทย ต่าง “เท” ให้พล.อ.ประยุทธ์ กลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง เพียงแต่ “ภาคต่อ” ครั้งนี้ เขาจะมีกลยุทธ์อย่างไรให้กลุ่มที่ “ไม่เอา” เข้ามาร่วมในเส้นทาง

ช่วงที่ไปต่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และคงต้องหาแนวร่วมเพิ่มเติม เลยไปถึงเปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตร รวมถึง จัดการแบ่งสันปันส่วนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับอานิสงค์ไปด้วย !!!

บทความโดย วิญญู เวฬุวัน