ไม่ใช่แค่คนตลก ประเทศไทยต้องการผู้นำมีวิสัยทัศน์

วันที่ 25 ก.ค. เวลา 23.08 น. น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายนโยบายรัฐบาลว่า ขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีที่อยู่ฟังจนถึงตอนนี้
.
นโยบายด้านการต่างประเทศ ดีใจที่มีคำปรารภรับทราบว่าการรับตำแหน่งเกิดขึ้นท่ามกลางความผันผวนการเมือง เศรษฐกิจโลก ความเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายประเทศไทยหลายประการ ไทยในฐานะประธานอาเซียน ควรมีบทบาทนำในเวทีระหว่างประเทศ รักษาความสมดุลระหว่างมหาอำนาจต่างๆ มีการทูตเชิงรุกปกป้องผลประโยชน์ประชาชน แต่การจะไปให้ถึงเป้าหมายยังไม่เห็นแนวทาง

การมีบทบาทนำในเวทีโลก ต้องทราบก่อนว่าโลกคุยเรื่องอะไร ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับความรู้เรื่องภาษาอังกฤษ แต่ปัญหาคือ วิสัยทัศน์และการเข้าใจประเด็นต่างๆ ที่ต่างประเทศพูดคุย เช่น AI ที่มีผลต่อการจ้างงาน, การรับมือสภาวะโลกร้อน ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ลดการใช้พลาสติก สิทธิมนุษยชน
.
นอกจากนั้น การแก้ปัญหา fake news หรือข่าวปลอม ควรเป็นหน้าที่ขององค์กรที่เป็นกลาง ไม่ควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาลเพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เห็นได้จากข่าวที่เป็นคุณกับรัฐบาลจะอยู่ได้ ข่าวที่เป็นโทษกับรัฐบาลมักมีอันเป็นไปรวมทั้งผู้เผยแพร่ เช่น กรณีเพลง ประเทศกูมี ก็เคยถูกระบุว่า เป็นภัยต่อความมั่นคง
.
ประเทศไทยมีปัญหามากมาย ความท้าทายมากในตอนนี้ ดิฉันชอบคนตลก แต่ประเทศไทยวันนี้ ต้องการคนมีวิสัยทัศน์มากกว่าคนตลก

ด้านนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความสำคัญกับประเด็นสิทธิมนุษยชนอย่างมาก โดยได้รับความชื่นชมจากสมาชิกอาเซียน ที่นำประเทศไทยลงนามความตกลงด้านสิทธิมนุษยชนและด้านธุรกิจ ส่วนการช่วยเหลือชาวโรฮีนจานั้น เรายึดหลักของอาเซียนที่จะไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศสมาชิก ที่มีการพาดพิงว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่พูดภาษาอังกฤษในเวทีต่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะผู้นำหลายประเทศก็ใช้ภาษาของประเทศตัวเอง ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษ

เวลา 23.50 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงว่าในการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมป้องกันคุ้มครองสิทธินั้น ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น ไม่ทำผิดกฏหมาย จึงหมายถึงสิทธิมนุษยชนตามรัฐธรรมนูญ ส่วนการสิทธิมนุษยชนในการประกอบธุรกิจ ตนเป็นคนริเริ่ม เพราะต้องมีการคุ้มครอง เคารพ และเยียวยา หากจะมาลงทุนกิจการในไทย ส่วนเรื่องสิทธิมนุษยชนอื่นๆ เช่น แรงงานต่าวด้าวก็คุ้มครองตามกฏหมายอยู่แล้ว ส่วนเรื่องของการดูแลผู้ลี้ภัยจากการสู้รบนั้น รู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยเคยมีจำนวนผู้ลี้ภัยสูงถึง 4 แสนคน ดูแลกันมา 20 ปี ซึ่งขณะนี้ก็ยังเหลืออีกประมาณ 1 แสนคน ไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ ถือเป็นภาระผูกพันมากพอสมควร และที่สำคัญเมื่ออยู่นานจะมีครอบครัว มีลูกหลานเกิดในไทย ได้สัญชาติไทยจึงต้องระมัดระวัง ขณะที่เรื่องโรฮิงญา ตนเห็นใจเขา แต่รูปร่างลักษณะอัตลักษณ์ต่างจากเรามาก ถ้าวันหน้ามีคนเหล่านี้ในไทยมากยิ่งขึ้นก็แล้วแต่ท่าน จึงต้องหามาตรการให้เขากลับประเทศให้มากที่สุด เพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่เรา แต่อยู่ที่ประเทศต้นทาง เราคือทางผ่านของสิ่งเหล่านี้

ต่อมา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงขอให้ถอนคำว่า นายกฯ เป็นคนตลก เพราะท่านนายกฯ ไม่ใช่ตัวตลก จึงขอให้ถอนคำว่า “ตลก”

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ทำมือว่าไม่เป็นไร   นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาจึงสรุปว่า ท่านนายกฯ ท่านไม่เดือดร้อน ท่านไม่ประท้วง

จากนั้น นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงว่า ปัจจุบันมีการติดตามข่าวสารทางโซเชี่ยลมีเดียจำนวนมาก ทั้งข่าวจริง ข่าวปลอม แต่ในประเทศไทย มีข่าวปลอมมากถึงร้อยละ 70 – 80 รัฐบาลนี้เห็นว่าปล่อยไว้จะเป็นปัญหากับลูกหลานของไทย ตนเคารพในความเป็นคนรุ่นใหม่มีความรู้ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีของผู้อภิปราย แต่ยืนยันว่าการตั้งศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ ไม่มีแนวคิดปกป้องรัฐบาล หรือตอบโต้ข่าวทางการเมือง แต่ต้องการคัดกรองข่าวสาร เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนกกับข่าวปลอม ส่วนที่มีข่าวว่าการตั้งศูนย์ฯขึ้นมาเพื่อปกป้องรัฐบาล ก็เป็นเรื่องไม่จริง รัฐบาลไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับข่าวที่เกิดขึ้น และที่บอกว่าเหตุการณ์ปิดเฟซบุ๊กของบุคคลเมื่อหลายวันก่อน เป็นฝีมือของรัฐบาลก็ไม่จริง แต่เป็นบทบาทของเอกชนที่ตรวจสอบคัดกรองการมีตัวตน แล้วดำเนินการในส่วนนั้น ถ้ารัฐบาลจะทำอะไรในลักษณะนี้ต้องขออำนาจศาลจึงจะทำได้ รัฐบาลไม่คิดลิดรอนสิทธิของประชาชน