กทม.เตรียมฉีดวัคซีนเด็กเล็ก หลังผู้ปกครองยินยอมแล้ว 1.3 แสนราย

ผู้ปกครองเด็กเล็ก กทม.ยินยอมให้ลูกฉีดวัคซีนไฟเซอร์เด็กแล้ว 1.3 แสนรายจาก 2 แสนกว่าราย โดยกทม.ตั้งจุดฉีดที่ 431 โรงเรียน 

วันที่ 27 ม.ค. 2565 นายเกรียงไกร จงเจริญ ผอ.สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ขณะนี้ สำนักการศึกษา กทม.ได้ทำการสำรวจจำนวนผู้ปกครองที่ยินยอมให้บุตรหลาน ช่วงอายุ 5 – 11 ปี เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 แล้ว จำนวน 130,922 ราย จาก 431 โรงเรียนระดับประถมศึกษาในสังกัด กทม.ทั่วกรุงเทพมหานคร โดยสำนักอนามัย กทม.จะเข้าไปตั้งโต๊ะฉีดวัคซีนในโรงเรียน

นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า สำหรับความกังวลของผู้ปกครองนั้น ในช่วงที่ฉีดวัคซีนให้เด็กระดับ ม.1–6 ผู้ปกครองมีความกังวลน้อยมากและมีการเปลี่ยนใจให้บุตรหลานเข้ารับวัคซีนเยอะ แต่เด็กเล็กในจำนวนทั้งหมดกว่า 200,000 ราย ได้รับความยินยอมเพียง 130,000 รายเศษ เข้าใจว่าผู้ปกครองน่าจะยังรอดูสถานการณ์ไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อประกอบการตัดสินใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากเด็กไม่ได้รับวัคซีนจะสามารถเข้าเรียนได้ตามปกติหรือไม่ นายเกรียงไกร กล่าวว่า เข้าเรียนได้แน่นอน แต่ทุกคนต้องได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยชุดตรวจเอทีเค ต่อให้ฉีดหรือไม่ฉีดก็ต้องตรวจ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าเด็กได้ไปสัมผัส หรือไปมีความเสี่ยงที่ไหนมาบ้าง และก็มีการสุ่มตรวจร้อยละ 15 ทุกสัปดาห์ ซึ่งเป็นมาตรการที่ทำมาอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ในกลุ่มเด็กชั้นมัธยม

ด้านนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่า ที่ประชุมรับทราบแผนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็กอายุ 5 – 11 ปี ซึ่งมี 2 แนวทาง คือ โรงเรียนเป็นฐาน และ รพ.เป็นฐาน ซึ่งในช่วงแรกจะดำเนินการฉีดใน รพ.สำหรับเด็กที่ป่วยก่อน แล้วจะเข้าสู่ระบบโรงเรียน

ขณะนี้ได้รับแจ้งจากกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่ามีผู้ประสงค์ฉีดประมาณ 70% ซึ่งขณะนี้วัคซีนมาสัปดาห์ละ 3 แสนโดส ซึ่งก็มาถึงแล้ว ทางกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ก็ตรวจสอบคงไม่มีปัญหาอะไร จะกระจายไปตามแผนงาน ก็จะสร้างเสริมภูมิคุ้มกันให้กลุ่มนี้ได้ระยะต่อไป

ถามว่าผู้ปกครองบางส่วนยังไม่อยากให้ลูกไปฉีดวัคซีนไฟเซอร์ แต่รอวัคซีนเชื้อตาย นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า เชื้อตายก็ใกล้ผ่าน อย.แล้ว อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนก็ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ทุกตัวมีผลข้างเคียงได้ เชื้อตายก็เซฟกว่าหน่อย ตอนนี้ก็ยังมีเวลาเพราะเด็กอัตราป่วยหนักและเสียชีวิตต่ำมาก ต่ำกว่าเป็นโรคประจำถิ่นอีก ถ้าตัดช่วงอายุ กลุ่มเด็กก็เป็นโรคประจำถิ่นไปนานแล้ว