SHARE

คัดลอกแล้ว

การทำธุรกิจให้แบรนด์แมสติดตลาด แล้วค่อยแตกไลน์ธุรกิจเพิ่มไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอนว่าอย่างแรกต้องทำให้ธุรกิจมีความมั่นคงก่อน มีฐานลูกค้ากลุ่มหลัก มีชื่อเสียง และได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคตลอดทุกครั้งที่เคลื่อนไหว

ยกตัวอย่าง 2 แบรนด์ดังอย่าง ‘โอ้กะจู๋ และ Shinkanzen Sushi’ เราก็จะพบว่าเป็นกรณีศึกษาเรื่องการทำธุรกิจที่ดีไม่น้อย เพราะทุกครั้งที่แบรนด์เหล่านี้แตกไลน์ธุรกิจใหม่ มักจะได้การตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคไม่น้อย

ในงาน The Entrepreneur Forum 2025 ที่จัดโดยลงทุนแมน ทั้งโอ้กะจู๋ และ Shinkanzen Sushi ได้มาแชร์วิธีการปั้นแบรนด์ให้แมสก่อนขยายสาขาและแตกแบรนด์ใหม่ให้ฟัง TODAY Bizview จะมาสรุปให้ครบจบผ่านบทความนี้

[ ตั้งแบรนด์ที่รู้ชัดว่าต้องการขายใคร ]

‘ชลากร เอกชัยพัฒนกุล’ เจ้าของแบรนด์ โอ้กะจู๋ เล่าให้ฟังว่า ตอนที่ก่อตั้งแบรนด์เพราะคลุกคลีอยู่กับการปลูกผักไว้ทานเองแต่แรก เขามองว่า พฤติกรรมผู้บริโภคคนไทยไม่ได้เพิ่งมาตื่นตัวเรื่อง ‘เฮลตี้’ หรือความรักษ์โลก เพียงแต่ทุกคนเริ่มรู้แล้วว่า ‘ออร์แกนิกแตกต่างจากไฮโดรพอนิกส์’ อย่างไร และสิ่งไหนที่เหมาะกับคนเรามากกว่า

ยิ่งพอหลังจากโควิด-19 ผู้บริโภคเริ่มหันมาสนใจในเรื่องนี้มากขึ้น ส่วนตัวเขามองว่า มันเป็น Mega Trend เพราะว่าทุกๆ แบรนด์ที่เป็นร้านอาหารส่วนใหญ่ก็หันมาให้ความสนใจ หรือว่าเอาเรื่องพวกนี้มาเป็นตัวชูโรงเป็นจุดขาย

ด้าน ‘ชนวีร์ หอมเตย’ เจ้าของแบรนด์ Shinkanzen Sushi ก็เล่าให้ฟังว่า สมัยช่วงเรียนธรรมศาสตร์มองหาธุรกิจที่แถวมหาลัยยังไม่มี กลุ่มลูกค้าคือกลุ่มนักศึกษา ซึ่งนั่นก็คือร้านซูชิ เพราะในละแวกนั้นถ้าจะกินอาจจะต้องไปไกลๆ ถึงฟิวเจอร์ปาร์ครังสิต และราคาสูง ทำให้กลับมาคิดเปิด Shinkanzen Sushi ในตลาดนัดของมหาลัย โดยที่กระแสตอบรับดีมาก แม้สูตรยังไม่นิ่ง ก็ยังคงปรับสูตรไปทุกๆ วัน ถามฟีดแบ็คจากลูกค้า 

วันหนึ่งมีคนแชร์ร้านออกไปบนโลกโซเชียลมีเดีย มียอดแชร์มาก ทำให้ลูกค้าเริ่มจำแบรนด์ได้ จึงทำให้เป็น ‘สาขาแรก’ ในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นับจากนั้น

[ Right Location วางแบรนด์ที่ใช่ในทำเลที่ถูกต้อง ]

เมื่อธุรกิจอยู่ตัวก็ต้องมองหาฐานลูกค้าใหม่ๆ มากขึ้น ซึ่งสำหรับธุรกิจอาหาร ทำเลเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความสำเร็จของร้าน ตัวอย่างสำคัญคือ “Shinkanzen Sushi” และ “โอ้กระจู๋” ที่มีจุดเปลี่ยนสำคัญเมื่อขยายสาขาเข้าสู่ ‘สยาม’ 

ด้าน Shinkanzen Sushi พบว่ากลุ่มลูกค้าไม่ได้มีแค่ “นักเรียนนักศึกษา” แต่มีลูกค้าหลากหลายกว่านั้น ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์ในการเลือกทำเล จากเดิมที่อยู่โซนรังสิต ตัดสินใจย้ายมายัง ‘สยาม’ ในกลางเมืองกรุงเทพฯ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทาย เช่น ค่าเช่าที่สูงขึ้น และค่าปรับปรุงร้าน แต่ทำเลสยามก็เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดี เนื่องจากอยู่ใกล้โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและเป็นพื้นที่ที่คนเดินพลุกพล่าน ส่งผลให้ยอดขายสูงกว่าทุกสาขา

ส่วนโอ้กระจู๋เริ่มต้นจากเชียงใหม่ และเมื่อต้องการขยายสาขาในกรุงเทพฯ ได้สำรวจทำเลหลายแห่งก่อนตัดสินใจเลือกสยาม เพราะเป็นพื้นที่ที่ได้รับการพูดถึงมากและสามารถเป็นตัวแทนของเชียงใหม่ในสายตาคนกรุงเทพฯ ค่าเช่าพื้นที่ในสยามสูงถึง หลักสิบล้านบาท ทำให้ต้องวางแผนต้นทุนอย่างรอบคอบ เช่น คำนวณค่าใช้จ่ายในการขนส่งผักจากเชียงใหม่ และลงทุนในครัวกลางเพื่อให้มั่นใจว่าผักสะอาด 

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเข้ามาสยามถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะได้รับฟีดแบ็กดีตั้งแต่วันแรก เนื่องจากลูกค้าที่เคยทานที่เชียงใหม่อยากพาครอบครัวและเพื่อนมาลองที่กรุงเทพฯ

[ How To แตกไลน์ธุรกิจหลังแบรนด์หลักแมสติดตลาดแล้ว ]

‘ชลากร เอกชัยพัฒนกุล’ เจ้าของแบรนด์ โอ้กะจู๋ ยังเล่าให้ฟังถึงการแตกไลน์แบรนด์ใหม่ๆ ภายใต้แนวคิดหลัก 3 ปัจจัยสำคัญ ก็คือ

        1. คิดค้นแบรนด์ใหม่ที่เสริมกับโอ้กะจู๋ สร้างแบรนด์ที่แตกต่างแต่ยังอยู่ในแนวทางเดียวกัน จนเกิดเป็น Oh! Juice มีวัตถุดิบในการทำธุรกิจคล้ายกัน
        2. เลือกตลาดที่แข็งแรง  ทำความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าและเลือกทำเลที่ตอบโจทย์
        3. พัฒนาสินค้าที่ทำได้ไวและเข้าถึงลูกค้าได้ง่ายขึ้น 

ส่วนของ ‘ชนวีร์ หอมเตย’ เจ้าของแบรนด์ Shinkanzen Sushi พูดถึงเรื่องการแตกแบรนด์ไว้ว่า หลักๆ มี 3 ปัจจัย อาทิ

        1. อิง Trends ช่วงเวลานั้น เช่น ช่วงนั้นมีเทรนด์บุฟเฟ่ต์ที่ให้ลูกค้าตักอิคุระได้ไม่อั้น จึงปั้นออกมาเป็นแบรนด์ NAMA Japanese and Seafood Buffet ร้านบุฟเฟต์ซูชิและอาหารญี่ปุ่น ตั้งอยู่ในทำเลโรงแรมและศูนย์การค้า
        2. สำรวจ Customer Journey ของลูกค้าด้วย เดิมที Shinkanzen Sushi คนเยอะ ทำให้ลูกค้าต้องรออยู่บ่อยๆ บางคนก็แค่อยากจะมาซื้อซูชิเร็วๆ แล้วกลับไม่ทานที่บ้าน ไม่ต้องรอคิวนานๆ จนเกิดเป็น Shinkanzen Go ร้านขายซูชิแบบกลับบ้าน
        3. มอง Pain Point ที่ลูกค้าต้องการ เช่น ผู้บริโภคอยากเจอร้านหมูกระทะที่ลดปัญหากลิ่นติดตัว กินได้ในห้องแอร์ และเปิดดึกได้ จนเกิดมาเป็นแบรนด์นักล่าหมูกระทะนั่นเอง

[ มีพาร์ทเนอร์ดีช่วยธุรกิจให้ไปไกลมากขึ้น ]

นอกเหนือจากเรื่องของการแตกแบรนด์แล้ว สิ่งสำคัญที่ทำให้ทั้ง 2 แบรนด์ ‘โอ้กะจู๋ และ Shinkanzen Sushi’ เติบโตได้อย่างดีก็มีหัวใจหลักคือ ‘พาร์ทเนอร์’ ทั้งสองมีพาร์ทเนอร์ดีช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจไปไกลมากขึ้น 

ตัวอย่างเช่น Shinkanzen Sushi มีพาร์ทเนอร์หลักๆ เป็น CRG ที่เข้ามาช่วยมองหาเรื่องทำเลเวลาขยายร้านอาหาร หรือติดต่อคุยแตกไลน์แบรนด์ใหม่ให้ เช่น KATSU MIDORI ที่ต้องไปขอซื้อลิขสิทธิ์มาจากญี่ปุ่น ต้องใช้ความน่าเชื่อถือในการดีล ก็มีด้าน CRG มาช่วย ทำให้สามารถนำเข้ามาเปิดในประเทศไทยได้ ในทำเลเซ็นทรัลเวิลฯ และกระแสตอบรับเองก็ดีมากๆ 

ส่วนโอ้กะจู๋ ก็มี OR เป็นพาร์ทเนอร์หลัก โดยที่จะเน้นใช้มีข้อมูลด้านดาต้าและทราฟฟิก ทำให้การขยายสาขามีแผนงานที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้เวลาแบรนด์จะขยายสาขาก็จะง่ายขึ้น อีกทั้งยังทำให้โอ้กะจู๋เข้าไปเป็นพาร์ทเนอร์กับ Amazon Café ส่งแรปโอ้กระจู๋ไปขาย หรือแม้แต่เปิดสาขาในปั๊ม ปตท. ซึ่งสามารถทำยอดขายติดอันดับ Top 5 ได้อีกด้วย

และนี่คือเรื่องราวการปั้นแบรนด์ฉบับ โอ้กะจู๋ และ Shinkanzen Sushi กว่าจะติดตลาดไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องรู้ก่อนว่าเราจะขายใคร แบรนด์แมสแล้วสเต็ปต่อไปคืออะไร หลักคิดการค่อยๆ ขยายธุรกิจที่ช่วยเสริมธุรกิจหลัก รวมถึงการเลือกพาร์ทเนอร์ธุรกิจที่ใช่ เพื่อช่วยให้ธุรกิจไปไกลกว่าเดิม 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า