เช็กให้ดี ‘ทัวร์ฉีดวัคซีน’ การเดินทางที่อาจได้ไม่คุ้มเสีย

จากกรณีที่บริษัททัวร์แห่งหนึ่งโพสต์เปิดจองทัวร์ ‘USA ชิม ช้อป ฉีด’ หรือทัวร์พาฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมท่องเที่ยวในสหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 10 วัน 7 คืน

โดยระบุว่าในโปรแกรมนี้ นักท่องเที่ยวจะได้เดินทางไปยังเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย และได้ฉีดวัคซีนโควิดของจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน (ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ฉีดเพียงโดสเดียว) โดยค่าบริการอยู่ที่ 175,000 บาท/คน สำหรับการจอง 2-3 คน

นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับ TODAY Bizview ว่า การจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวดังกล่าวสามารถดำเนินการได้ ไม่ผิดกฎหมายแต่อย่างใด หากเป็นบริษัททัวร์ที่จดทะเบียนถูกต้องตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยว

“ในการทำธุรกิจนำเที่ยวนั้น บริษัทนำเที่ยวหรือบริษัททัวร์จะต้องนำธุรกิจมาจดทะเบียนตาม พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยว โดยในการพานักท่องเที่ยวในต่างประเทศ บริษัททัวร์จะต้องส่งโปรแกรมการท่องเที่ยวมาให้กรมการท่องเที่ยวด้วย เนื่องจากหากบริษัทไม่ปฏิบัติตามโปรแกรม และมีผู้บริโภคมาร้องเรียน ก็ต้องเพิกถอนใบอนุญาต”

นายโชติ กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่ากังวลคือ ในสถานการณ์เช่นนี้ อาจมีบางบริษัทที่ไม่สามารถดำเนินการตามโปรแกรมที่โฆษณาไว้ได้ เช่น เดินทางไปถึงแล้วแต่กลับไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือบางบริษัทระบุว่าจะได้ฉีดวัคซีนยี่ห้อจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แต่บางรัฐในสหรัฐอเมริการะงับการฉีดวัคซีนยี่ห้อนี้ชั่วคราว สุดท้ายนักท่องเที่ยวไม่ได้ฉีดวัคซีน

กรณีเช่นนี้ถือว่าบริษัทนำเที่ยวไม่สามารถปฏิบัติตามโปรแกรม เข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค ก็จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย กระทรวงเตรียมมอบหมายให้กรมการท่องเที่ยวเชิญบริษัททัวร์ที่ออกโปรแกรมฉีดวัคซีนในต่างประเทศเข้ามาเพื่อชี้แจงถึงรายละเอียดและความเป็นไปได้ของโปรแกรมทัวร์ดังกล่าว พร้อมกำชับให้บริษัททัวร์ให้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วนแก่ผู้บริโภค เช่น การปฏิบัติตัวหลังจากกลับมาจากต่างประเทศตามมาตรการของ ศบค. เป็นต้น

นอกจากนี้ยังประสานไปที่สำนักงาน ททท. ในต่างประเทศ ให้ตรวจสอบถึงความเป็นไปได้ รวมถึงกฎระเบียบต่างๆ ของประเทศนั้นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย

เตือนบริษัททัวร์อย่าใช้วิกฤติเอาเปรียบผู้บริโภค

นายสุทธิพงศ์ เผื่อนพิภพ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) เปิดเผยกับ TODAY Bizview ว่า การจัดทัวร์รูปแบบดังกล่าวสามารถทำได้ โดยขณะนี้มีประมาณ 4 บริษัทที่ออกโปรแกรมมา อย่างไรก็ตาม อยากให้บริษัททัวร์มีการตรวจสอบขั้นตอนรวมถึงรายละเอียดในการนำนักท่องเที่ยวออกไปต่างประเทศให้แน่ชัด เนื่องจากการเดินทางตรงนี้เป็นการไปท่องเที่ยว ซึ่งจะมีรายละเอียดและข้อปฏิบัติที่แตกต่างจากการเดินทางด้วยจุดประสงค์อื่น

“ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศระบุว่ายังไม่มีการประสานอย่างเป็นทางการจากบริษัททัวร์ เพียงแต่มีสถานทูตบางแห่งที่มีคนสอบถามเข้าไปโดยตรงเยอะว่าสามารถเดินไปได้หรือไม่ ฉีดวัคซีนฟรีได้หรือไม่ เป็นต้น”

นายสุทธิพงศ์ระบุอีกว่า ประเด็นที่ต้องพิจารณาให้ดีคือ ขณะนี้การเดินทางไปต่างประเทศ หากกลับมาจะต้องกักตัว 14 วัน ซึ่งหากเป็นคนไทยที่กลับมาจากการเรียนต่อหรือไปทำธุระที่ต่างประเทศสามารถใช้ state quarantine ของรัฐได้ฟรี หรืออาจใช้ state quarantine ทางเลือก ซึ่งราคาอยู่ที่ 5 หมื่นถึงหลักแสนบาท โดยควรตรวจสอบให้ชัดว่านักท่องเที่ยวสามารถใช้ state quarantine รูปแบบใดได้บ้าง

ทั้งนี้ มติการประชุมของคณะกรรมการโรคติดต่อเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2564 ระบุว่า สำหรับคนไทยที่เดินทางจากต่างประเทศและฉีดวัคซีนมาแล้ว จะสามารถลดวันกักตัวเหลือเพียง 7 วันได้ แต่ต้องมีเอกสารรับรองว่าฉีดวัคซีนมาแล้วอย่างน้อย 14 วัน (ไม่เกิน 3 เดือน) และผลตรวจเชื้อในไทย 2 ครั้งต้องไม่พบเชื้อ

นั่นหมายความว่า ผู้ที่จะไปทัวร์วัคซีนในต่างประเทศและต้องการกักตัวเพียง 7 วัน จะต้องเดินทางไปถึงแล้วฉีดทันที และต้องอยู่ในประเทศนั้นอย่างน้อย 14 วัน

นายสุทธิพงศ์ ระบุว่า สำหรับประเด็นที่ 2 ที่ควรตรวจสอบให้ดีถึงกฎของสายการบินที่จะใช้ในการเดินทาง เนื่องจากสายการบินที่อยู่ภายใต้สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) จะตรวจสอบว่าผู้เดินทางฉีดวัคซีนมาแล้วหรือไม่ หรือมีผลการตรวจโควิด-19 ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนเดินทางมายืนยันหรือไม่

นอกจากนี้ยังต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่าจุดหมายปลายทางที่จะไปฉีดวัคซีน ต้องอาศัยวีซ่าในการเข้าประเทศหรือไม่ มีบริการฉีดวัคซีนให้คนทั่วไปหรือนักท่องเที่ยวหรือยัง โดยสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศปลายทางของหลายโปรแกรมทัวร์ บางรัฐจะฉีดให้พลเมืองสหรัฐฯ และผู้พำนักอยู่ในประเทศก่อน ขณะที่บางรัฐ เช่น นิวยอร์ก แคลิฟอร์เนีย มีบริการฉีดวัคซีนให้นักท่องเที่ยวแล้ว

“บริษัททัวร์ต้องเช็กข้อมูลต่างๆ ให้ละเอียด รวมถึงหากเกิดการแพ้วัคซีนขึ้นมา บริษัทรับผิดชอบหรือไม่ เพราะเท่าที่เห็นโฆษณาที่ออกมาตอนนี้ ระบุว่าหากเกิดการแพ้วัคซีนจะไม่รับผิดชอบ ซึ่งนี่เป็นจรรยาบรรณที่แย่มาก ผมคิดว่าคุณต้องรับผิดชอบ”

นายสุทธิพงศ์ เสริมว่า บริษัททัวร์พานักท่องเที่ยวไปโดยเรียกเก็บเงินจากในราคาสูง ทั้งที่ในอเมริกาฉีดฟรี บริษัททัวร์อาจมีเพียงแค่ค่าบริหารจัดการที่ให้โอเปอเรเตอร์ทัวร์ไปลงทะเบียนให้ แต่ต้องถามว่าค่าบริการเหล่านี้คิดสูงไปหรือไม่ เพราะหากดูโปรแกรมแล้ว บางรายไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ไม่รวมค่าอาหารเช้า ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว เรียกได้ว่าเป็นการค้ากำไรเกินเหตุ

“บริษัททัวร์ใช้วิกฤติตอนนี้มาทำให้คนไทยที่ตื่นตระหนก กลัวจะไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือไม่มั่นใจในซิโนแวคหรือแอสตร้าเซเนก้า แล้วจะไปฉีดไฟเซอร์ โมเดอร์นา หรือว่าจอห์นสันฯ ตรงนี้เป็นสิทธิของคนไป แต่ต้องคิดให้ดีว่าการเดินทางไปในราคาเท่านั้น และกลับมาจ่ายอีกรอบในเรื่องของการกักตัวนั้นคุ้มค่าหรือไม่”

“แม้การจัดทัวร์รูปแบบดังกล่าวจะทำได้ แต่ก็ไม่เห็นด้วย โดยในบทบาทของสมาคม ทำได้เพียงแนะนำไปยังบริษัททัวร์ว่าต้องเตรียมข้อมูลให้ลูกค้าอย่างครบถ้วน”

นายกสมาคม TTAA กล่าวอีกว่า ท้ายที่สุดผู้บริโภคต้องพิจารณาให้ดีถึงความคุ้มค่าว่าระหว่างการซื้อทัวร์ฉีดวัคซีนในต่างประเทศ กับรอฉีดวัคซีนในเมืองไทย เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลจากแพทย์หลายๆ ท่านก็มีมุมมองว่าควรฉีดวัคซีนไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อใดก็ตาม เนื่องจากผลที่เกิดขึ้นในต่างประเทศจะนำมาเปรียบเทียบกันไมได้ เพราะต้องดูความรุนแรงของการระบาดในประเทศนั้นๆ ด้วย

“อยากให้คนไทยที่มีเงินใจเย็นๆ พิจารณาให้ดีๆ เพราะวัคซีนของแอสตร้าเซเนก้าและซิโรแวคก็น่าจะให้ผลดีระดับหนึ่ง รวมถึงในอนาคตอันใกล้ รัฐบาลบอกว่าจะนำวัคซีนของโมเดอร์นา ไฟเซอร์ และอื่นๆ เข้ามาอีก หากยังไม่มั่นใจให้รอก่อนดีกว่า สำหรับบริษัทัวร์ อยากให้คิดว่าคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดต้องเป็นลูกค้า อย่าเอาเปรียบผู้บริโภค” นายสุทธิพงศ์ กล่าวทิ้งท้าย