‘พาคามาร่า’ ครบรอบ 13 ปีออกเมนู ‘เดอร์ตี้ ข้าวซอย’ ปีนี้เตรียมขยายอีก 12 สาขา หลังปีที่แล้วโต 40% ตั้งเป้าเป็น ‘สเปเชียลตี้คอฟฟี่’ ที่มีสาขามากที่สุด

ครบรอบ 13 ปีเรียบร้อยแล้วสำหรับ ‘พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์’ (Pacamara Coffee Roasters) แบรนด์สเปเชียลตี้คอฟฟี่ขวัญใจคอกาแฟของใครหลายๆ คนที่มีต้นกำเนิดจาก ‘เชียงใหม่’ จึงได้ออกแบบเมนูพิเศษอย่าง ‘เดอร์ตี้ ข้าวซอย’ (Khao Soi Dirty) เพื่อสื่อถึงต้นกำเนิดของแบรนด์

โดยจะจัดหน่ายเพียงแค่ 13 วันเท่านั้นในช่วงครึ่งหลังของเดือนมีนาคมนี้ และจะเป็นการแลกซื้อในราคาแก้วละ 13 บาท เมื่อสั่งเครื่องดื่มเมนูใดก็ได้ของร้าน

สำหรับในปี 2566 ที่ผ่านมา ‘พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์’ เดินหน้าเปิดสาขาเพิ่มไปกว่า 6 สาขา รายได้เติบโตกว่า 40% หรือสามารถครองส่วนแบ่งตลาดกว่า 15% ของร้านกาแฟในเซกเมนต์สเปเชียลตี้คอฟฟี่

และในปีนี้เตรียมจะเดินหน้าเปิดสาขาอีก 12 สาขา เน้นขยายฐานผู้บริโภคไปในโซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก รวมถึงในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ ประเดิมที่แรกของปี คือ ‘เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์’ สาขาที่ 25 รองรับกลุ่มลูกค้ากรุงเทพฯ ทางฝั่งตะวันตก

เป้าของ ‘พาคามาร่า คอฟฟี่ โรสเตอร์’ คือ พอจบปี 2567 แบรนด์จะกลายเป็นแบรนด์สเปเชียลตี้คอฟฟี่ที่มีสาขามากที่สุด

‘ธงธรรม เวชยชัย’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีเบอร์รี่ ไทย จํากัด อธิบายว่า ปัจจุบันตลาดกาแฟของประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับตลาดโลก

เทรนด์ที่กำลังมาแรงจาก Market size ของกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ เฉลี่ย 5-10% ต่อปี และคิดเป็นสัดส่วน 11% ของตลาดกาแฟทั้งหมด

ขณะที่ในตลาดโลก Market size ของกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee)  และเมล็ดกาแฟที่มาจากแหล่งเพาะปลูกเดียว (Single Origin) ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ในปัจจุบันมีสัดส่วน 20% ของตลาดกาแฟทั่วโลก

และสถิติการบริโภคกาแฟของคนไทยยังเพิ่มสูงขึ้นอีกเท่าตัว จาก 180 แก้วต่อคนต่อปี เป็น 300 แก้วต่อคนต่อปี โดยกระแสความนิยมกาแฟพิเศษ (Specialty Coffee) ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา

“ตลาดกาแฟมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศไทยและตลาดโลก สวนทางกับราคาของเมล็ดกาแฟที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่ลดลงจากสภาพอากาศและโรคระบาดในต้นกาแฟ”

“พาคามาร่าให้ความสำคัญสูงสุดกับคุณภาพของเมล็ดกาแฟ เราไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้นวัตกรรมในการสร้างสรรค์กาแฟใหม่ๆ รวมถึงการคัดสรรเมล็ดกาแฟ Single Origin จากทั่วทุกมุมโลกมาให้คอกาแฟชาวไทยได้ลิ้มลอง ในการสรรหาเมล็ดกาแฟเราเน้นการ ‘Direct Trade’ หรือการซื้อกาแฟสาร (Green Bean) โดยตรงจากเกษตรกร ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง เพื่อสร้างรายได้และความยั่งยืนให้กับเกษตรกรไทย”

“ในปีนี้เราวางแผนจะขยายสาขาเพิ่มอีก 12 สาขา เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายสามารถเข้าถึงแบรนด์ของเราได้ง่ายขึ้น ตามคอนเซ็ปต์แบรนด์ “Everyday Specialty” คือการเป็นการแฟสเปเชียลตี้ที่เข้าถึงง่าย ราคาเหมาะสม และลูกค้าสามารถดื่มได้ทุกวัน”