SHARE

คัดลอกแล้ว

“ปายน่าอยู่ขึ้นเยอะ หลังรัฐเข้ามาจัดระเบียบ แต่เรายังข้องใจทำไมต้องมีโบสถ์ มีโรงเรียนยิว มันดูผิดวิสัยแค่มาเที่ยวธรรมดา” เสียงสะท้อนจากคนปาย วอนรัฐช่วยไขคำตอบ 

กระแสข่าวเรื่องนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอลในปาย ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมซึ่งแพร่กระจายอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ตมาระยะหนึ่งแล้ว วันนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะเป็นไปในทิศทางดีขึ้น 

สำนักข่าวทูเดย์ ฟังมาจากคนในพื้นที่ ยืนยันด้วยตัวเองว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดระเบียบ มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวรับทราบถึงข้อกังวลของคนท้องถิ่น บรรยากาศการท่องเที่ยวในปายดีขึ้นมาก

“ตอนนี้นักท่องเที่ยวน่ารักผิดหูผิดตามาก เข้าไปในเมืองแต่ละทีสบายใจขึ้นเยอะ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกลัวอันตราย อุบัติเหตุ ตั้งแต่ตำรวจออกมาจัดการ ชี้แจงให้นักท่องเที่ยวเคารพกฎหมาย เคารพคนในท้องถิ่น คนปายหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นักท่องเที่ยวมีคุณภาพดีขึ้นมาก” คุณปอ (นามสมมุติ) คนในพื้นที่อำเภอปาย เปิดใจกับทูเดย์ 

ในฐานะคนในพื้นที่อย่างแท้จริง คุณปอยอมรับว่า “พอใจกับการดำเนินการของภาครัฐในตอนนี้ แต่ก็ยังกังวลว่า จะดีได้แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ไม่ใช่ว่าพอกระแสเริ่มซา สถานการณ์ก็กลับเข้าสู่ภาวะเดิมๆ” 

[ปัญหาเริ่มคลี่คลาย บรรยากาศการท่องเที่ยวดีขึ้น] 

คุณปอ เล่าย้อนถึงสถานการณ์ก่อนหน้านี้ว่า หลังโควิด-19 คลี่คลาย อำเภอเป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่โตเร็วมาก มีชาวต่างชาติทั้งมาเที่ยว มาทำธุรกิจในปายกันเยอะ 

สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือ เมื่อมีนักท่องเที่ยวมากขึ้น ก็เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับการบริหารจัดการ มีเรื่องของความวุ่นวาย ต่างๆ นานา แต่ตรงจุดนี้ คุณปอบอก “ผู้ประกอบการและชาวเมืองปายทุกคนรู้กันอยู่ดีอยู่แล้วเป็นปัญหาปกติ ผ่านมาคนในพื้นที่ก็ช่วยกันดูแล รับมือกันไป หรือถ้าเรื่องไหนใหญ่เกินรับมือได้ก็แจ้งตำรวจให้มาจัดการให้”

แต่ราวปีกว่าๆ ที่ผ่านมา เริ่มรู้สึกว่ามีปัญหาที่ไม่ควรจะเกิด เกิดขึ้นเยอะมาก พร้อมๆ กับการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ไม่ว่าจะเป็น อุบัติเหตุจากความประมาทของนักท่องเที่ยวที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วสูง ไม่เคารพกฎจราจร มีปัญหาเรื่องลักขโมย นักท่องเที่ยวส่งเสียงดังก่อกวนผู้อื่น ลามไปจนถึงมีการเสพยาเสพติด บรรดาร้านค้า ร้านอาหาร หรือแม้แต่ที่พัก ก็เจอนักท่องเที่ยวบิดพริ้วจะไม่จ่ายค่าอาหารบ้าง พากันไปนั่งแช่ในร้านเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ทำให้ลูกค้าคนอื่นๆ ไม่กล้าเข้าร้าน กลายเป็นต้องขาดรายได้ที่ควรจะได้ไป 

คุณปอเล่าว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่คนในพื้นที่ประสบพบเจอมานานพอสมควร และดูเหมือนปัญหายิ่งหนักขึ้นๆ ไปทุกที โดยส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ซึ่งคุณปอตั้งข้อสังเกตว่า ตั้งแต่มีสงครามในฉนวนกาซา มีนักท่องเที่ยวจากอิสราเอลมาเยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 

“เมื่อก่อนก็มีนักท่องเที่ยวอิสราเอลมาเที่ยวปาย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งปลดประจำการจากการเกณฑ์ทหาร มาเที่ยว เอาเงินมาใช้กัน แต่หลังจากบ้านเค้ามีสงคราม รู้สึกว่าพวกเขามากันเยอะขึ้น พอมากันเยอะ จะด้วยวัฒนธรมของเค้าเองหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจ แต่นักท่องเที่ยวอิสราเอลเค้ามักจะท่องเที่ยวกันเป็นกลุ่มใหญ่ พอรวมกันเยอะๆ ก็มีพฤติกรรมที่ภาษาชาวบ้านเรียกกันว่า ‘กร่าง’ สร้างความไม่สบายใจให้กับคนในท้องถิ่น หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวด้วยกันเอง” คุณปอกล่าว 

นี่คือสิ่งที่คนในพื้นที่เล่าให้ทูเดย์ฟัง แม้วันนี้คุณปอจะยืนยันว่า “คนในพื้นที่ปายรู้สึกสบายใจ และดีใจที่ทางการมองเห็นปัญหา และหลายหน่วยงานก็พยายามหาทางแก้ไข โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ซึ่งออกแถลงการณ์ เตือนให้ชาวอิสราเอล ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย และเคารพคนท้องถิ่น” 

[ข้อข้องใจเรื่องโบสถ์-ยิว อีกมิติซ้อนปัญหา] 

แต่อีกเรื่องหนึ่งท่ีคุณปอบอกว่า ชาวปายยังรู้สึกว่ากังวลอยู่คือ การมาตั้ง ‘ชาบัด’ ซึ่งเป็นศาสนสถานของชาวยิว และมีการสร้างโรงเรียนสำหรับเด็กยิวในพื้นที่อำเภอปาย  

“การมีตั้งโบสถ์ ตั้งโรงเรียน มันผิดวิสัยแค่จะมาท่องเที่ยวกันเฉยๆ แล้ว มันดูเหมือนเขาตั้งใจจะมารกรากกันที่นี่ ถ้าเราจะคิดแบบนั้นก็ได้ อย่างโบสถ์ ตั้งอยู่ใจกลางเมือง อยู่ใกล้กับโรงเรียนเลย ชาวบ้านเขาก็กลัวกันว่า จะเป็นอันตรายไหม เพราะเห็นกันในข่าวว่าชนชาติเขาก็ค่อนข้างจะมีโจทย์เยอะอยู่” คุณปอระบุ 

พร้อมอธิบายเหตุผลต่อว่า สิ่งที่ทำให้กังวลว่า ชาวอิสราเอลอาจจะมาตั้งรกรากกันที่ปายเพราะ นอกจากจะมีเรื่องโบสถ์ เรื่องโรงเรียนแล้ว ตอนนี้ยังมีการทำธุรกิจหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นร้านนวด ร้านอาหาร ธุรกิจให้บริการเช่ารถ หรือแม้กระทั่งที่พัก โดยใช้นอมินีออกหน้า  

“พอนักท่องเที่ยวจากอิสราเอลมาเที่ยว เขาก็จะไปใช้บริการจากธุรกิจของพวก เขากันเอง กลายเป็นผู้ประกอบการคนไทยก็ไม่ได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเต็มเม็ดเต็มหน่วย” 

คุณปอกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่ว่าเรื่องพฤติกรรมไม่ดีของนักท่องเที่ยวที่เป็นประเด็นถูกอยู่ในเวลานี้อีก เพราะปัญหาเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว คนท้องถิ่นจัดการกันได้ แต่การที่ชาวต่างชาติมาสร้างคอมมูนิตี้ของพวกเขากันเองในพื้นที่บ้านเรา เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เราคิดแบบนั้น” 

“พวกเขามาสร้างโบสถ์โดยไม่มีการทำประชาพิจารณ์ ไม่ถามคนในพื้นที่เลยสักนิดว่ายอมรับได้ไหม นี่คือเรื่องที่เราอยากรู้ว่าเขาทำได้อย่างไร ใครเป็นคนอนุญาต และใครเป็นคนรับรอง ถ้าไม่มีโบสถ์ ไม่มีโรงเรียน ปัญหาทุกอย่างคือจบ” คุณปอขยายความต่อ ก่อนจะย้ำอีกครั้งว่า “คนในพื้นที่สบายใจที่ปัญหาพฤติกรรมไม่ดีของนักท่องเที่ยวคลี่คลาย แต่นี่ยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด” 

[สังคมเสียงแตก หวั่นข่าวเสียกระทบการท่องเที่ยว] 

นอกจากปัญหาที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติแล้ว คุณปอยังเล่าด้วยว่า ยังมีอีกปัญหาที่เป็นประเด็นใหญ่ ก็คือ ความเห็นต่างระหว่างคนในชุมชน หรืออาจจะบอกว่าเป็นคนในสังคมวงกว้างเลยก็ว่าได้ เพราะเรื่องนี้ก็มีการถกเถียงกันอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต ระหว่างฝั่งที่มีความกังวลเกี่ยวกับการมาตั้งรกรากของชาวอเสราเอล กับอีกฝั่งที่มองว่าการมีกระแสในทางที่ไม่ดีนัก จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของอำเภอปาย 

ซึ่งประเด็นนี้คุณปอบอกว่า อธิบายให้ทูเดย์ฟังว่า ในมุมมองของตัวเองปัญหาใดๅ ก็ตาม ไม่ควรจะต้องถูกซุกไว้ใต้พรม แม้แต่เรื่องที่อาจจะถูกว่า เป็นการบิดเบือน สร้างความเข้าใจผิด ก็สามารถสื่อสาร ผ่านการแก้ไขกันได้ เพียงแค่มีคำอธิบายเพื่อให้คนท้องถิ่นที่อาจจะมีความกังวอยู่เข้าใจ 

ส่วนกระแสที่ว่า การออกข่าวไม่ดีส่งกระทบต่อการท่องเที่ยวในปาย คุณปอยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ได้กระทบการท่องเที่ยว เห็นได้จากข้อมูลของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.แม่ฮ่องสอน เทียบสถิติการท่องเที่ยวในช่วงวันที่ 1-20 ก.พ. ปีที่แล้ว กับ 1-20 ก.พ. ปีนี้ พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเที่ยวปายเพิ่มจาก 17,162 คน มาเป็น 21,026 คน เพิ่มขึ้นมา 3,264 คน

คุณปออธิบายต่อว่า “จริงๆ แล้วช่วงนี้เริ่มจะเข้าสู่ช่วง low season ของปายแล้ว เลยทำให้นักท่องเที่ยวอาจจะบางตาลงไปบ้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นปกติเป็นประจำทุกปีอยู่แล้ว”

สิ่งที่เกิดขึ้นในปายตอนนี้ อาจบอกได้ว่าปัญหาที่มีหลายมิติทับซ้อนกันอยู่ และนี่เป็นความท้าทายของทั้งคนในชุมชนและรัฐบาล ในการสื่อสารเพื่อทำความเข้าใจและหาทางออกร่วมกัน ‘ถ้าเราจับมือกันแน่นพอ คงไม่มีใครมายึดเอาแค่เศษเสี้ยวส่วนใดจากผืนแผ่นดินไทยไปได้’ 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า