ปากีสถานเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่ ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ห่วงขาดแคลนอาหารซ้ำเติมวิกฤติ

ปากีสถานประเมินความเสียหายจากน้ำท่วมใหญ่เบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เล็งนำเข้าพืชผลการเกษตรจากอินเดีย หวั่นเกิดวิกฤติขาดแคลนอาหารครั้งใหญ่ หลังพื้นที่ 1 ใน 3 ของประเทศจมใต้น้ำ

อะห์ซาน อิกบาล รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาและการวางแผนของปากีสถานเปิดเผยตัวเลขความเสียหายจากเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ในประเทศ จากการประเมินการเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ (3.6 หมื่นล้านบาท) ขณะนี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนแล้วกว่า 33 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 15% ของประชากรทั้งหมดในประเทศ

“ตอนนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,000 คน อาคารบ้านเรือนเกือบ 1 ล้านหลังได้รับความเสียหาย ผู้คนกำลังสูญเสียการดำรงชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง” อิกบาลกล่าวขณะให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ส พร้อมระบุว่า อุทกภัยครั้งนี้รุนแรงกว่าน้ำท่วมใหญ่ครั้งประวัติศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2553 ซึ่งได้คร่าชีวิตประชาชนในขณะนั้นไปมากกว่า 2,000 คน

อิกบาลกล่าวว่า ปากีสถานอาจต้องใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปีในการฟื้นฟูประเทศ และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาในระยะเวลาอันใกล้คือการขาดแคลนอย่างรุนแรงในอีกไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งจะต่อเนื่องยาวนานไปหลายเดือน

โดยข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติปากีสถาน (NDMA) ระบุว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางเดือน มิ.ย. ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1,136 คน ในจำนวนนั้นมีเด็กรวมอยู่ด้วยราว 386 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 1,634 คน อีกทั้งน้ำท่วมยังทำลายโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของประเทศไปเป็นจำนวนมาก รวมถึงสะพานมากกว่า 130 แห่ง และอาคารบ้านเรือนนับล้านหลัง

ด้าน มิฟตาห์ อิสมาอิล รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของปากีสถานได้ออกมาเปิดเผยถึงสถานการณ์การขาดแคลนอาหารในประเทศว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาที่จะนำเข้าผักจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินเดีย ท่ามกลางราคาอาหารที่พุ่งขึ้นเนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรเสียหายไปเป็นจำนวนมากจากน้ำท่วม และประสบปัญหาเรื่องการขนส่ง แม้ปากีสถานและอินเดียจะไม่ได้ทำการค้ากันมาเป็นเวลานานจากความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ ขณะเดียวกันก็จะมองหาการนำเข้าอาหารจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ตุรกี และอิหร่าน

อย่างไรก็ตาม การนำเข้าอาหารจากต่างประเทศยังคงมีอุปสรรค เนื่องจากปากีสถานกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจมาก่อนหน้านี้ จากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง ค่าเงินอ่อนลง และการขาดดุลในบัญชีเดินสะพัด โดยจากการเปิดเผยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ปากีสถานมีเงินสำรองเพียงพอสำหรับการนำเข้าในประเทศแค่เพียงประมาณ 1 เดือน

รัฐบาลปากีสถานพยายามดิ้นรนของความช่วยเหลือจากนานาชาติเพื่อฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้โดยเร็วที่สุด ซึ่งแม้จะได้รับความช่วยเหลือมาบ้างจากประเทศต่างๆ อย่างเช่น สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ทางรัฐบาลระบุว่ายังต้องการเงินเพิ่มเติมอีก

ล่าสุด เมื่อวานนี้ (29 ส.ค.) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ประกาศมอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นแก่ปากีสถานวงเงิน 1.17 พันล้านดอลลาร์ (4.2 หมื่นล้านบาท) และขยายเวลาโครงการความช่วยเหลือปากีสถานออกไปอีก 1 ปี พร้อมทั้งเพิ่มสิทธิพิเศษในการถอนเงิน (SDR) ให้กับปากีสถานอีก 720 ล้านดอลลาร์ (2.6 หมื่นล้านบาท) เพื่อเยียวยาผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วม และบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเงินสดซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในขณะนี้