SHARE

คัดลอกแล้ว

คลองปานามา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่ของการค้าโลก กลายเป็นชนวนความขัดแย้งครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศในอเมริกากลาง หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาโวยวาย ขู่จะยึดคืนคลองแห่งนี้ โดยให้เหตุผลว่าประเทศปานามาที่ถือสิทธิ์ดูแลคลองนี้อยู่ เรียกเก็บค่าผ่านทางแพงเกินจริง

สหรัฐฯ มีความเกี่ยวข้องยังไงกับเส้นทางเดินเรือที่สำคัญเส้นทางนี้อย่างไร ทำไมว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถึงกล้าออกมาขู่ว่าจะยึดคืนมา เราอธิบายเรื่องนี้ให้เข้าใจง่ายที่สุด ไว้ในโพสต์นี้

1) คลองปานามา เป็นคลองที่ถูกขุดเชื่อมระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติก ระยะทางยาว 82 กิโลเมตร ตัดผ่านกลางประเทศปานามา เพื่อย่นระยะทางเดินเรือสินค้าจากทวีปอเมริกาฝั่งตะวันตกไปตะวันออก จากเดิมที่ต้องไปอ้อมแหลมฮอร์นในอเมริกาใต้ ให้แล่นผ่านอเมริกากลางไปได้เลย ทำให้การเดินทางสั้นขึ้นมากกว่า 11,000 กิโลเมตร ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายได้มหาศาล  

2) จุดเริ่มต้นของแนวคิดในการขุดคลองเส้นนี้ มาจากดำริของจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งจักรวรรดิโรมัน กับกษัตริย์สเปน ในช่วงทศวรรษที่ 16 ทั้งสองพระองค์มองว่าการขุดคลองผ่าอเมริกากลางจะช่วยให้การเดินเรือสัญจรระหว่างสเปนกับเปรูสะดวกขึ้น และจะช่วยสร้างความได้เปรียบทางยุทธวิถีเหนือโปรตุเกส 

3) แต่โปรเจคดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น จนกระทั่งมีการขุดคลองสุเอซสำเร็จในอียิปต์ ไม่กี่ปีหลังจากนั้น ปานามาซึ่งในขณะนั้นยังรวมประเทศอยู่กับโคลอมเบีย ได้ให้สัมปทานบริษัทฝรั่งเศส ที่เป็นบริษัทเดียวกับที่ขุดคลองสุเอซ มาทำการสำรวจ และเริ่มดำเนินการขุดคลองปานามาในปี 1880

4) แต่ดำเนินการไปได้แค่ประมาณ 10 ปี บริษัทฝรั่งเศสก็ต้องถอยออกจากโปรเจคนี้ เพราะเจอปัญหาทั้งภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เป็นอุปสรรค ทำให้บริษัทที่ดำเนินการต้องสูญเสียงบประมาณ มีเครื่องจักรอุปกรณ์ได้รับความเสียหายจำนวนมาก อีกทั้งคนงานก็ยังต้องเผชิญกับโรคภัยไข้เจ็บ ไม่ว่าจะเป็น ไข้เหลือง มาลาเรีย ยังไม่รวมถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงานอยู่บ่อยครั้ง จนมีการคาดการณ์ว่าในระหว่างขุดคลองปานามา ช่วงปี 1881-1889 มีคนงานเสียชีวิตไปมากกว่า 22,000 คน

5) จนต้นทศวรรษที่ 19 สหรัฐฯ เสนอตัวมารับช่วงต่อ ทั้งในเรื่องการลงทุนและดำเนินการก่อสร้างคลองปานามา โดยยื่นเงื่อนไขต่อรัฐบาลโคลอมเบียไปว่า ถ้าสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนทำต่อแล้ว จะต้องได้สิทธิ์ในการเช่าพื้นที่บริเวณนั้นเพื่อดำเนินการควบคุมการเข้าออกของเรือสินค้าที่แล่นผ่านคลองเส้นนี้

6) แต่สุดท้ายทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ เพราะรัฐบาลโคลอมเบียไม่ยอมรับเงื่อนไขนี้ มีการต่อรองค่าเช่ากันอยู่หลายครั้ง ขณะที่ชาวปานามาที่เป็นเจ้าของพื้นที่บริเวณนั้น ก็กลัวว่าถ้าขุดคลองเสร็จแล้ว โคลอมเบียจะไม่แบ่งผลประโยชน์ให้พวกเขาอย่างที่ควรจะได้ นำไปสู่การปฏิวัติเรียกร้องเอกราชจากโคลอมเบีย โดยมีสหรัฐฯ คอยให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนปานามาจนได้รับเอกราช 

7) หลังจากที่ปานามาได้เอกราชแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ เลยไปเจรจากับรัฐบาลของปานามาแทน และมีการตกลงยกกรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นระยะทางกว้าง 10 กิโลเมตรตลอดเส้นทางที่จะขุดคลองให้สหรัฐฯ มีสิทธิ์ขาดในการบริหารตลอดไป โดยในตอนแรกมีการตกลงว่าสหรัฐฯ จะให้ค่าตอบแทนแก่ปานามาทุกปี 

8) จนคลองปานามาเริ่มกลับมาดำเนินการก่อสร้างอีกครั้ง โดยสหรัฐฯ เปลี่ยนวิธีจากการขุดแนวเดียวกับระดับน้ำทะเลตามที่ฝรั่งเศสเคยทำ มาเป็นการสร้างประตูน้ำกั้นคลองเป็นระยะๆ 

สหรัฐฯ ใช้เงินทุนในการสร้างคลองเส้นนี้ไปมากกว่า 380 ล้านดอลลาร์ และต้องสูญเสียคนงานในโครงการนี้ไปประมาณ 5,600 คน ทำให้รวมๆ ตลอดระยะเวลาที่มีการก่อสร้างคลองปานามาจนแล้วเสร็จ ตั้งแต่ยุคฝรั่งเศส มาจนถึงสหรัฐฯ มีผู้เสียชีวิตรวมกันมากกว่า 27,000 คน

9) คลองปานามาจะเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 สิงหาคม 1914 ซึ่งในตอนแรกเป็นไปตามเงื่อนไขที่ตกลงกับสหรัฐฯ เอาไว้ คือสหรัฐฯ เป็นผู้ครอบครองกรรมสิทธิ์เหนือคลองเส้นนี้ 

แต่อยู่ไปอยู่มา ชาวปานามาก็เริ่มตั้งคำถามถึงสนธิสัญญาที่ทำกับสหรัฐฯ ตั้งแต่แรกว่าเป็นสนธิสัญญาที่ไม่ยุติธรรม สหรัฐฯ ไม่ควรจะได้ครอบครองพื้นที่อยู่ในดินของปานามา

ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศเริ่มตึงเครียด มีกลุ่มนักศึกษาและชาวปานามาออกมาประท้วงตามแนวเขตคลองปานามาจำนวนมาก จนบานปลายเป็นเหตุจลาจล ในปี 1964 ส่งผลให้ทั้งชาวปานามาและอเมริกันต้องเสียชีวิตไปหลายคนจากเหตุการณ์นี้

10) เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนำไปสู่การเจรจาเพื่อหาข้อยุติ จนเกิดสนธิสัญญาสัญญาตอร์ริโฮส-คาร์เตอร์ (Torrijos-Carter Treaties) ระหว่าง  อดีตประธานาธิบดี จิม คาร์เตอร์  ของสหรัฐฯ กับ โอมาร์ ตอร์ริโฮส ผู้นำเผด็จการของปานามา ในปี 1977 

โดยสนธิสัญญาตอร์ริโฮส-คาร์เตอร์ ประกอบด้วยสนธิสัญญา 2 ฉบับ คือปานามาจะต้องรักษาความเป็นกลางของเส้นทางนี้ เปิดเรือทุกลำสามารถเดินทางผ่านได้  โดยมีเงื่อนว่าจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบความปลอดภัย และไม่ให้เรือจากประเทศที่อยู่ในภาวะสงครามแล่นผ่านได้

ขณะที่อีกฉบับหนึ่ง เป็นข้อตกลงที่สหรัฐฯ รับปากว่าจะยอมคืนกรรมสิทธิ์เหนือคลองแห่งนี้ให้กับประเทศปานามา โดยทั้งสองฝ่ายดำเนินการร่วมกันมา จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 1999 จึงมีการส่งมอบคลองให้กับประเทศปานามาโดยสมบูรณ์ ตั้งองค์กรบริหารคลองปานามาขึ้นมาดูแล

11) ที่ผ่านมา คลองปานามาถือว่าเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญที่เชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ด้วยความที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อท่าเรือมากกว่า 1,900 แห่ง ใน 170 ประเทศ ทำให้คลองแห่งนี้ถูกขนานนามว่าเป็นเส้นเลือดใหญ่การค้าโลก 

แต่ละปีมีเรือสัญจรผ่านคลองปานามามากกว่า 14,000 ลำ เพื่อทำการขนส่งสินค้าทุกประเภท ตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภค น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือแม้แต่เรือรบของกองทัพชาติต่างๆ ก็แล่นผ่านเส้นทางนี้

โดยสหรัฐฯ เป็นผู้ใช้เส้นทางนี้มากเป็นอันดับ 1 คิดเป็นสัดส่วน 74% ของการขนส่งผ่านคลองนี้ทั้งหมด ตามด้วยจีน ที่ใช้บริการมากเป็นอันดับ 2

12)พอเวลาผ่านไป มีเรือขนส่งสินค้าใช้เส้นทางนี้มากขึ้น เลยทำให้เกิดแนวคิดที่จะขยายคลองเพื่อรองรับเรือสินค้าขนาดใหญ่ จนมีการทำประชามติและได้รับการรับรองจากชาวปานามา จนเกิดโครงการก่อสร้างขยายคลองขึ้นในปี 2009-2016 ใช้งบประมาณไปมากกว่า 5,200 ล้านดอลลาร์

ทำให้ปัจจุบัน คลองปานามา สามารถรองรับเรือที่มีความยาวสูงสุดถึง 366 เมตร และกว้าง 49 เมตร เทียบเท่าสนามฟุตบอล 4 สนาม

13) แน่นอนว่า พอเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าเส้นทางหลัก คลองปานามาถือเป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดแหล่งหนึ่งของประเทศปานามา สร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศถึง 6% ของจีดีพี คิดเป็นตัวเลขกลมๆ ปีๆ นึงปานามามีรายได้จากคลองนี้มากกว่า 28,000 ล้านดอลลาร์ 

14) แต่ผลประโยชน์ที่ได้มากลับต้องแลกด้วยความเสี่ยงที่น้ำสำหรับการอุปโภคและบริโภคในปานามาจะไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตามแนวคลอง เพราะขณะที่การขนส่งในคลองปานามาเติบโตขึ้นต่อเนื่องตามการเติบโตของการค้าโลก ประชากรในประเทศปานามาเองก็กำลังเพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมากขึ้นตามไปด้วย ยิ่งปีไหนเจอปัญหาภัยแล้ง ฝนตกน้อยกว่าปกติ ก็ยิ่งทำให้ปัญหานี้ทวีความรุนแรงมากขึ้น และถือเป็นความท้าทายใหญ่ที่ปานามาจะต้องหาทางรับมือ

15) วิกฤติคลองปานามา ปรากฏชัดเจนขึ้นเมื่อปี 2023 ระดับน้ำในคลองลดลงจนแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากปัญหาภัยแล้ง ทำให้น้ำในทะเลสาบกาตุน ที่ทำหน้าที่กักเก็บน้ำเพื่อปล่อยเข้าสู่คลองปานามาแห้งลง จนปานามา ต้องจำกัดจำนวนเรือที่จะแล่นผ่านคลองนี้ และขึ้นค่าธรรมเนียมการใช้เส้นทาง ทำให้เรือสินค้าบางส่วนต้องกลับไปใช้เส้นทางเดิมที่อ้อมอเมริกาใต้ ผลกระทบที่ตามมาคือ ทำให้ราคาสินค้าทั่วโลกแพงขึ้นเนื่องจากค่าขนส่งเพิ่ม

จนกระทั่งระดับเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ปามานายังคงยืนยันว่า จำเป็นที่จะต้องขึ้นค่าธรรมเนียม และมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอีกในอนาคต โดยอ้างว่าต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการปรับปรุงคลองเพื่อรองรับความเสี่ยงของภัยแล้ง และความต้องการด้านการขนส่งที่ทันสมัยขึ้น

16) และนี่ก็คือจุดที่เป็นชนวนทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ที่กำลังจะรับตำแหน่งในเดือนหน้า ออกมาแสดงความไม่พอใจ โดยทรัมป์เปิดประเด็นนี้บน Truth Social ซึ่งเป็นโซเซียลมีเดียของเขาเมื่อวันเสาร์ (21 ธ.ค.) วิพากษ์วิจารณ์ว่า ปานามาเก็บค่าธรรมเนียมเดินเรือผ่านคลองแพงเกินไปมาก 

ทรัมป์บอกเลยว่า ค่าธรรมเนียมพวกนี้ “ไร้สาระ” และ “ไม่ยุติธรรม” สำหรับสหรัฐฯ เลย โดยเฉพาะถ้าพิจารณาถึงความเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่ที่สหรัฐฯ มอบให้กับปานามา

ยิ่งไปกว่านั้น ว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ยังพาดพิงไปถึงคู่ปรับอย่างจีน ว่าจีนกำลังพยายามควบคุมประเทศปานามา และคลองปานามา อย่างชัดเจน โดยเขาอ้างถึงเรื่องที่ปานามาลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับจีนเมื่อปี 2017 ว่าจะไม่รักษาความสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับไต้หวัน ซึ่งทรัมป์เรียกว่าเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ถูกจีนอ้างว่าเป็นดินแดนของตัวเอง

17) พอว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ ออกมาเปิดศึกแบบนี้ โฮเซ ราอุล มูลิโน ประธานาธิบดีปานามาก็ไม่อยู่เฉยเหมือนกัน เขาออกมาตอบโต้ทันทีเลย โดยบอกว่า “เรื่องค่าธรรมเนียมไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ชั่ววูบ” พร้อมกับยืนยันว่า ปานามาคำนวณค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บจากเรือสินค้าที่แล่นผ่านคลองปานามาอย่างสมเหตุสมผล และเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าปานามากำลังถูกจีนครอบงำก็เป็นเรื่องไร้สาระมากๆ 

ผู้นำปานามาประกาศในแถลงการณ์ของเขาชัดเจนว่า “คลองปานามาไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจีน ประชาคมยุโรป สหรัฐอเมริกา หรืออำนาจอื่นใด”

18) แต่เรื่องยังไม่จบแค่นี้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังบานปลายจนกลายเป็นสงครามน้ำลายระหว่างว่าที่ผู้นำสหรัฐฯ กับผู้นำปานามา เพราะหลังจากที่ฝั่งปานามาออกมาตอบโต้แบบนี้แล้ว ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ยังไม่หยุด 

เขาไปประกาศอีกครั้งในงาน AmericaFest ที่จัดโดยกลุ่มอนุรักษ์นิยม Turning Point ในวันอาทิตย์ (22 ธ.ค.) ว่า “เราถูกโกงที่คลองปานามา เหมือนกับอีกหลายๆ ที่ จากการกระทำที่โง่เขลา” ก่อนที่จะขยี้ประเด็นนี้บน Truth Social  อีกครั้งด้วยการโพสต์รูปธงชาติสหรัฐฯ โบกสะบัดเหนือคลองปานามา และใส่แคปชันว่า “ยินดีต้อนรับสู่คลองของสหรัฐฯ”

19) ทำให้ประธานาธิบดีมูลิโนออกมาตอบโต้บน X อีกครั้งหนึ่งว่า “พื้นที่ทุกตารางเมตรของคลองปานามา และบริเวณโดยรอบ เป็นของปานามา และจะเป็นของปานามาต่อไป”

20) ดูเหมือนสงครามน้ำลายครั้งนี้จะไม่จบลงง่ายๆ ซะแล้ว คงจับตากันต่อว่า ประเด็นนี้จะบานปลายไปจนกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเลยหรือไม่ 

21) ส่วนคำถามว่า ทรัมป์ที่สิทธิ์ที่จะยึดคลองปานามา ให้มาเป็นกรรมสิทธิ์ของสหรัฐฯ ตามที่เขาประกาศหรือไม่ มีคำอธิบายเรื่องนี้ จาก เบนจามิน เกดาน ผู้อำนวยการโครงการละตินอเมริกา ของศูนย์วิชาการนานาชาติวูดโรว์ วิลสัน ในกรุงวอชิงตัน ดีซี บอกกับสำนักข่าวเอพีว่า “ถ้าให้พูดกันจริงๆ การยึดคลองปานามาแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เว้นแต่ว่าสหรัฐฯ จะใช้กำลังเพื่อกลับเข้าไปควบคุมคลองปานามาอีกครั้ง” 

แต่ที่น่าสนใจคือ นักวิชาการคนนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า จุดยืนที่ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ แสดงออกต่อปานามา เป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะประธานาธิบดีมูลิโน ผู้นำปานามา เป็นหนึ่งในบุคคลที่แสดงออกชัดเจนว่าสนับสนุนตัวเขา และต้องการมีความสัมพันธ์ที่พิเศษกับสหรัฐฯ ถึงกับแสดงตัวเป็นพันธมิตรช่วยยับยั้งผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายจากอเมริกาใต้ไม่ให้เข้าไปในสหรัฐฯ

แม้ในช่วงหลังๆ ปานามากับจีนจะมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่หากดูจากท่าทีของผู้นำปานามาแล้ว ไม่ใช่เรื่องยากที่ทรัมป์จะเลือกใช้ยุทธศาสตร์รักษาความสัมพันธ์ที่เป็นมิตรกับปานามาเอาไว้เพื่อคานอำนาจจีน แต่เพราะเหตุใดเขาถึงเลือกที่จะเปิดศึกกับปานามา เรื่องนี้ยังคงเป็นคำถามที่หาคำตอบไม่ได้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า