จากกรณีการตรวจสอบที่ดินฟาร์มไก่ใน อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ พบว่าอยู่ในเขตพื้นที่ป่า 46 ไร่ ซึ่งกรมป่าไม้ได้แจ้งความเอาผิดแล้ว
ส่วนพื้นที่ในเขตของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) 682 ไร่ ยังไม่ชัดเจนว่า จะต้องเป็นหน่วยงานใดเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งได้มีการส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความข้อกฎหมาย
วันที่ 11 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตอบข้อหารือแล้ว เห็นว่าสถานะที่ดินในส่วนพื้นที่ ส.ป.ก. ยังคงเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เนื่องจากพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตปฏิรูปที่ดิน เป็นเพียงการกำหนดขอบเขตที่ดินที่จะปฏิรูป ยังไม่ได้เป็นการเพิกถอนการเป็นป่าสงวนแห่งชาติในทันที จนกว่าจะมีการส่งมอบพื้นดินให้กับ ส.ป.ก.
ส่วนอำนาจในการดำเนินการตามกฎหมายกรณีพบการกระทำความผิดบุกรุกพื้นที่ในเขตปฏิรูปที่ดิน เป็นหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.จับกุมหรือร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ดูแลรักษาที่ดินและต้องป้องกันการกระทำใดๆ ที่เป็นผลร้ายต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายปฏิรูปที่ดิน การที่มีผู้บุกรุก ถือว่า ส.ป.ก.เป็นผู้ได้รับความเสียหาย

ที่ดินของนายทวี ไกรคุปต์ และที่ดินฟาร์มไก่ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อยู่คนละด้านของภูเขา
แต่เนื่องจากที่ดินยังคงมีสถานะเป็นป่า กรมป่าไม้จึงยังต้องมีหน้าที่และอำนาจในการดูแลรักษาที่ดินที่เป็นป่าตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ด้วยเหตุนี้ทั้งกรมป่าไม้และ ส.ป.ก.จึงต่างมีอำนาจดูแลรักษาที่ดินป่าสงวนแห่งชาติในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมร่วมกันตามขอบเขตของแต่ละหน่วยงาน
ทั้งนี้ วันที่ 12 ก.พ. นี้ กรมป่าไม้จะลงพื้นที่ตรวจสอบที่ดินของ น.ส.ปารีณา อีกครั้ง และคาดว่าจะมีการนัดหารือ ระหว่างกรมป่าไม้และ ส.ป.ก.ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกามีความเห็นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่กำกับดูแล ส.ป.ก. ระบุว่าหลังจากที่ น.ส.ปารีณา คืนที่ดินแล้ว จะไม่มีการดำเนินคดี เนื่องจากมีการครอบครองมาก่อนการปฏิรูปที่ดิน เมื่อส่งคืนมาแล้วก็จะมีการไปจัดสรรให้กับเกษตรกรและผู้ยากไร้ต่อไป