สภาฯ เห็นชอบตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษา การถ่ายโอนหน้าที่การให้บริการไฟฟ้า รวมถึงการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพ ‘ธนาธร-รศ.พวงทอง’ เป็น กมธ. ด้วย
โดยสรุปการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (25 ม.ค. 67) ที่ประชุมมีมติให้ส่งญัตติ เรื่องของให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแก้ไขปัญหาค่าไฟฟ้าแพง ที่มีนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นผู้เสนอ พร้อมกับญัตติทำนองเดียวกันอีก 1 ฉบับ ไปยังคณะกรรมาธิการการพลังงาน พิจารณาต่อไป ซึ่งกำหนดระยะเวลาพิจารณา 90 วัน
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติเรื่อง ขอให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนหน้าที่การให้บริการไฟฟ้าที่อยู่ในความดูแลความรับผิดชอบ กิจการไฟฟ้าสวัสดิการของกองทัพ ไปอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง รวมไปถึงการถ่ายโอนธุรกิจต่างๆ ของกองทัพ ไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาล โดย น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นผู้เสนอ รวมกับญัตติทำนองเดียวกันอีก 2 ฉบับ
โดยสรุป นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเห็นว่า ธุรกิจกองทัพไม่ใช่หน้าที่ของทหาร และไม่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ แต่เป็นกลไกที่ให้กองทัพเข้าไปพัวพันกับการเมือง และเศรษฐกิจของประเทศ ในลักษณะรัฐซ้อนรัฐ อีกทั้งยังเป็นแหล่งรายได้ของนายพลและเครือข่ายอุปถัมภ์ หลังม่านการเมือง ขาดความโปร่งใส แม้แต่องค์กรอิสระก็น้ำท่วมปาก ส่วนใหญ่มักบอกว่ากองทัพมีกลไกในการตรวจสอบตัวเอง แต่แท้จริงแล้วกลับไม่มีการตรวจสอบใดๆ รวมถึงธุรกิจกองทัพยังเป็นบ่อนทำลายความมั่นคงของประเทศ เห็นได้จาก ดัชนี GDI (GOVERNMENT DEFENCE INTEGRITY INDEX 2020) ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดที่ใช้ประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ผลจากการประเมินปี ค.ศ. 2020 ไทยถูกประเมินในอยู่ในลำดับที่เสี่ยงมากที่สุด โดยเฉพาะด้านการเงินและการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ ซึ่งสาเหตุก็มาจากธุรกิจของกองทัพเป็นต้นเหตุ ที่สำคัญประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของกองทัพได้ และไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะ จึงสะท้อนให้เห็นว่า กองทัพขาดสำนึกว่าเงินที่ใช้จ่ายมาจากภาษีของประชาชน
ขณะที่ นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ สนับสนุนญัตตินี้ โดยระบุว่า ในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี กองทัพเรือเป็นฝ่ายดูแลระบบการให้บริการสาธารณะนี้กับประชาชนในพื้นที่มาเป็นเวลา 8 ปี และมีการขยายเขตไฟฟ้าให้ประชาชนยังมีไม่ถึง 5% ยกตัวอย่างในเขต ต.แสมสาร ที่ยังไม่มีไฟฟ้าชั่วคราวใช้ ซึ่งกองทัพเรืออ้างว่าเป็นปัญหาด้านข้อพิพาทที่ดิน แม้มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดไว้ชัดเจนแล้วว่า การให้บริการไฟฟ้าสำหรับคนไทย ไม่สามารถอ้างสิทธิที่ดินได้ ฉะนั้นประชาชนในเขต ต.แสมสาร ควรต้องได้สิทธิใช้ไฟฟ้าชั่วคราวทุกครัวเรือน ขอฝากไปถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ช่วยดูแลเรื่องนี้ด้วย เพราะปัญหาการขยายเขตไฟฟ้าทำให้ ประชาชน ในอ.สัตหีบ หลายพื้นที่ไม่มีไฟฟ้าใช้
ในที่สุด สภาฯ ได้เห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการ (กมธ.) วิสามัญ กำหนดระยะเวลา 90 วัน จำนวน 25 คน สัดส่วน ดังนี้ ครม. 6 คน, พรรคก้าวไกล 6 คน, พรรคเพื่อไทย 5 คน, พรรคภูมิใจไทย 3 คน, พรรคพลังประชารัฐ 2 คน, พรรครวมไทยสร้างชาติ 1 คน, พรรคประชาธิปัตย์ 1 คน และพรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ. ในสัดส่วนจากพรรคก้าวไกล มีชื่อของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า รวมทั้ง รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาเป็น กมธ.วิสามัญฯ นี้ด้วย